เพื่อนในการออกกำลังกาย (2)
มีช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ผมมักจะไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ ผมได้รู้จักคนบ้างแต่ไม่มาก มีอยู่สองท่านที่อยากจะเล่าและบันทึกไว้ในที่นี้
ทานแรกชื่อลุงชิด เป็นคนผักไห่ อยุธยา มาอยู่กรุงเทพ พักอยู่กับลูกสาวและลูกเขย ช่วยเสริพอาหารในร้านเล็กๆของลูกสาวและลูกเขย แต่งตัวปอนมากแต่แปลกแลดูสะอาด ยากจนซื่อสัตย์และตรงมาก ลุงชอบมาเดินวิ่งกับผมเป็นประจำ ถ้าลุงเห็นผมแต่ไกลลุงก็จะเดินลัดมาประกบเดินวิ่งกับผมทุกครั้ง
อีกท่านเป็นคุณยาย ทั่วทั้งสวนสาธารณะนั้นเรียกว่า “อาม่า” อาม่าเป็นคนรวยมีรถยนต์สวยๆพรัอมพนักงานขับรถ มีเงินมีบารมี และมีความกรุณาสูง มักจะนำอาหารขนมนมเนยต่างๆมาแจกจ่ายแทบจะทุกคนอยู่เป็นประจำ ลุงชิดเองก็เคยรับความกรุณาของอาม่าหลายครั้ง เวลาออกกำลังกายเจอกันต่างก็ทักทายกันดีทุกครั้ง
มีอยู่วันหนึ่งลุงชิดกับอาม่าเกิดไม่ทักทายกันขึ้นมาเฉยๆ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ถามลุงชิดได้ความว่า อาม่าเล่าว่าเอารถเข้ามาจอดในที่ห้ามจอดเพื่อความสะดวก ร.ป.ภ.ก็มาไล่ อาม่าเลยยื่นหน้าออกไปบอกว่านี่อาม่านะ ร.ป.ภ.ก็เลยให้จอด อาม่าเล่าด้วยความภาคภูมิใจ ลุงชิดก็สวนไปว่า มันน่าภาคภูมิใจครงไหนทำผิดระเบียบ หลังจากนั้นลุงชิดผู้ยากจนก็ไม่เคยได้รับขนมนมเนยอีกเลย
บันทึกนี้ต้องการบันทึกความ “น่าเสียดาย” 2 ประการ
1) น่าเสียดายที่คนบ้านนอกที่ซื่อสัตย์สุทธิ์จริต ตรงไปตรงมาพูดออกจากใจ มีน้อยลงไปทุกวัน
2) น่าเสียดายที่คนมีอำนาจบารมี ชอบอวดหรือทดสอบบารมีของตนในทางที่ผิด มีมากขึ้นทุกวัน
เสียดายที่ สาม คือ ที่ไม่สามารถนำความตรงซื่อสัตย์ มาบูรณาการกับบารมีให้เกิดประโยชน์สุข ร่วมกัน
ขอบคุณที่เข้าไปให้กำลังใจ
ดีใจที่ลุงชิดได้ทำความดีสะกิดใจให้อาม่าตระหนักในความเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม