โดย เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์
รายการวิทยุ "รู้ใช้เข้าใจเงิน" FM 96.5
ชีวิตแสนสั้น
มนุษย์แต่ละคน
เหมือนกับล่องลอยในท้องทะเล ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
“ความสุข”
เป็นที่ถกเถียงกันว่า มนุษย์ในศตวรรษที่ 21 มีมากกว่าหรือน้อยกว่าบรรพบุรุษของเรา แต่นั่นจะสำคัญอันใด
เพราะผู้คนในแต่ละยุค ย่อมมีความสุขและทุกข์ในแบบของตน
ผู้คนในยุคนี้มีทั้งความมั่งคั่งและรุ่มรวยในเชิงวัตถุ
สามารถรับประทานอาหารเลิศรสได้ทั่วทุกซอกมุมเมือง การท่องเที่ยวพักผ่อนข้ามทวีปกระทำได้เพียงชั่วข้ามคืนเดียว
เพียบพร้อมด้วยภาพยนตร์และความบันเทิงทุกสัมผัสให้เสพรับตลอดค่ำคืนที่ยาวนาน
หากทว่า ภายในจิตใจกลับว่างเปล่าเปลี่ยวร้าง
1.
ความสุขที่เปิดกว้าง
ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่เปราะบาง (Happiness of
Open Mind)
มนุษย์ในยุคโบราณ
แทบจะไม่เคยได้ออกไปไหนไกลกว่าหมู่บ้านของตน คำว่า ประเทศ จึงไร้ซึ่งความหมาย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโลกาภิวัตน์ที่โลกทั้งใบเชื่อมร้อยกัน
มนุษย์จึงสามารถผูกสัมพันธ์กันได้อย่างลึกซึ้ง
เรียนรู้ว่าใครดีใครร้าย พัฒนาน้ำใจและความรักใคร่กลมเกลียวกันวันแล้ววันเล่า
ความปวดร้าวเพียงหนึ่งเดียว ก็คือ
ความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่รู้ว่าคนที่เรารักจะพรากจากไปเมื่อใด
บางทีปีนี้อาจเกิดโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนไปค่อนหมู่บ้าน
ปีหน้าก็ยังกลัวว่าจะเกิดความอดอยากหิวโหย หรือบางทีอาจมีสงครามลามเลีย
ที่มาพร้อมกับโจรผู้ร้ายย่ำยี
ความสัมพันธ์ในโลกศตวรรษที่ 21 กลับแตกต่างออกไป เราไม่ต้องหวั่นเกรงว่า “ความรัก”
ที่งดงามของเราจะโบยบินจากไปเพราะโรคระบาดและความอดอยาก หากทว่าเรากลับต้องหวาดกลัวว่าเขาหรือเธอจะปันใจเป็นอื่น
เมื่อได้พบเจอกันคนที่ดีกว่า หรือเพียงแค่เบื่อแล้วกับความสัมพันธ์ที่ซ้ำซากชาชิน
ทุกวันเราต้องเจอกับ “คนแปลกหน้า”
ร้อยพ่อพันแม่ บางทีก็รักใคร่กลมเกลียว บางคราก็ทะเลาะเบาะแว้ง
เราเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่หลากหลาย
จนแทบไม่อาจหาสถานที่สงบเงียบให้ปลีกวิเวกได้เลย
ความสุขในชีวิตขอคนยุคนี้
จึงไม่ใช่ความเพียรพยายามจะรักษาความสัมพันธ์ให้ยาวนานที่สุด
หากเป็นความเข้าอกเข้าใจที่มีให้กัน หากเจอกันวันนี้แล้วถูกชะตา จึงพึงทำดีต่อกันอย่างเลิศล้ำงดงามที่สุด
เพียงคำพูดซึ้งใจ 1 ประโยค อาจมีคุณค่ามากกว่าวัตถุสิ่งของราคาแพงเหลือล้ำ
ที่บางครั้งเราอาจต้องสูญไปเพราะความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงในวันพรุ่งนี้
การปฏิเสธคนอื่น
เพียงเพราะเราไม่มีข้อมูลเพียงพอว่าคนนี้จะน่าคบหาหรือไม่ จึงอาจทำให้เราพลาดโอกาสที่ดีในชีวิตไป
หรือบางทีเราก็อาจรู้สึกผิดที่ตนเองจิตใจแคบ ไร้ซึ่งความไว้วางใจคนอื่น
สิ่งที่ดีที่สุด คือ
มิตรภาพที่แสดงออก โดยเราไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงมากมาย
แต่กลับเติมเต็มความสุขในใจให้ทั้งผู้ให้และผู้รับบนโลกที่เปลี่ยวเหงานี้
ผู้คนบนรถไฟฟ้า
พนักงานในร้านอาหาร เพื่อนในเฟซบุ๊ค หรือแม้กระทั่งคนรัก
หากพรุ่งนี้จะไม่ได้พบกันอีก
ก็จงภูมิใจว่าเราได้มีวันคืนที่ดีร่วมกัน
แต่หากตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้
และได้ยินเสียงโทรศัพท์ทักทายในยามอรุณ
จงขอบคุณสวรรค์ที่ประทานความสุขมาให้อีกวัน
2.
ความสุขที่เกิดจากการเตรียมตัวล่วงหน้า
(Happiness of Paranoid)
โลกยุคนี้เต็มไปด้วยความสะดวกสบายและสินค้าให้เลือกใช้สอยมากมาย
จึงอาจทำให้มนุษย์คิดว่าชีวิตจะเต็มไปด้วยสุข ไม่เคยตระเตรียมว่าจะมีความทุกข์มาเยี่ยมเยือนโดยไม่คาดฝัน
หากทว่า
ทุกอย่างในโลกมีต้นทุนที่ต้องจ่ายออกไป ความสุขก็เช่นกัน การเสาะแสวงหาย่อมจำเป็นต้องใช้สอยเงินทอง
ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยสะดวกสบาย ของขวัญให้คนที่รัก หรือแม้กระทั่งเวลาที่ต้องอุทิศเพื่อดูแลลูกหลานหรือพ่อแม่
การเตรียมพร้อมและพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความสุขที่เปราะบางให้ยืดยาว
พร้อมกับสามารถรับมือกับความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาได้อย่างสง่างาม
สำหรับคนร่ำรวย
อาจคิดว่าชีวิตนี้สามารถซื้อหาทุกอย่างได้ด้วยเงิน
แต่การทุ่มเททำงานให้ดีเลิศที่สุด ก็ยังอาจเป็นการบรรลุความสุขในชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งได้
โดยเฉพาะการได้เห็นผลงานที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมากับมือได้เติบโตงอกงาม
นั่นคือ
การเติมเต็มตัวตนในขั้นสูงสุด
สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว
การแสวงหารายได้พิเศษนอกเหนือจากช่องทางปกติ การอุทิศเวลาว่างเพื่อการพัฒนาทักษะความรู้ในสาขาที่ตนกระหายใคร่รู้
ก็นับเป็นการแสวงหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่สดชื่น ซึ่งอาจเพิ่มพูนทั้งความมั่นคงและความสุขให้ชีวิต
ดีกว่าปล่อยให้วันเสาร์อาทิตย์หมดเปลืองไปกับการกินเที่ยวเล่นเพียงอย่างเดียว
อย่าปล่อยให้ชีวิตที่มีค่า
ผ่านพ้นไปอย่างไร้ค่า เพียงเพราะคิดว่าเราจะแสวงหาความสุขได้
โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันใด
หากทว่าสิ่งที่เลิศล้ำที่สุดก็คือ
การแปรเปลี่ยนค่าตอบแทนของความสุข ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนักหรือการอุทิศเวลาเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดี
ให้กลายเป็นความสุขที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
3.
ความสุขที่เกิดจากทางเหลือที่หลากหลายและทดแทนกันได้ (Happiness of Choice)
ยิ่งชีวิตมีความสะดวกสบายเท่าไร
เราก็ยิ่งมีความอดทนต่อความผิดหวังน้อยลงเท่านั้น
หนุ่มสาวคู่หนึ่ง
เดินทางฝ่ารถติดเกือบ 2 ชั่วโมง
เพื่อไปพบว่าร้านอาหารหรูหราที่ตั้งใจจะฝากประสบการณ์ดินเนอร์ไว้ กลับปิดบริการไปแล้วโดยไม่คาดหมาย
จิตใจจะแสนหงุดหงิดปวดร้าวเพียงใด
หากมองออกไปที่ปลายถนน
อาจมีร้านข้างทางที่อร่อยเลิศล้ำกว่า รอคอยให้ไปลิ้มลอง
แม้บรรยากาศไม่สวยงามอลังการ
หากก็เป็นชีวิตที่งดงามของชาวกรุงที่พิเศษไม่เหมือนชาติใดในโลกนี้
ทุกวันนี้เรามีสินค้าให้เลือกทดแทนได้มากมาย
ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่เคยได้ทดลองเลย
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นของดีเพียงใดก็ตาม
นั่นเพราะเรายึดติดกับความเคยชินเดิม
วิกฤตที่เราพลาดจากสิ่งที่ดีที่สุด
ก็อาจเป็นโอกาสให้เราได้สัมผัสกับสิ่งที่ดีรองลงมา แต่กลับมีคุณค่าแบบอื่นที่ดีกว่าทดแทนให้
โลกยุคนี้ย่อมไม่ยากไร้ทางเลือก
เพียงแต่ว่าเราจะทุ่มเทค้นหาหรือไม่
สุดท้ายแล้ว
ผู้มีโอกาสได้อ่านบทความมาถึงตรงนี้ ก็ย่อมนับว่ามีวาสนาผูกพันกัน
ไม่ว่าชาตินี้เราจะได้เจอกันในชีวิตจริงหรือไม่
ก็นับว่าเราได้มีความสุขร่วมกันแล้ว
ให้กำลังใจเพื่อนตาสว่างค่ะ
สวัสดีครับ ขอบคุณสำหรับบันทึกชวนคิด
(วิกฤตที่เราพลาดจากสิ่งที่ดีที่สุด
ก็อาจเป็นโอกาสให้เราได้สัมผัสกับสิ่งที่ดีรองลงมา แต่กลับมีคุณค่าแบบอื่นที่ดีกว่าทดแทนให้)
"นักเดินทางค้นพบว่า การหลงทางทำให้เราค้นพบเส้นทางใหม่" เช่นกันครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
อบอุ่นอย่างยิ่งครับ