60 บาท


เมื่อทั้ง 3 โรงเรียนสามัคคีกัน

 (โรงเรียนหนองปรือพิทยาคม,โรงเรียนบ้านหนองสาหร่าย, โรงเรียนห้วยหวาย)

ร่วมมือร่วมใจช่วยกันพัฒนาโรงเรียนให้ดีขึ้น โดยเน้นทางด้านคุณธรรมและจริยธรรมก่อนด้านอื่นๆ น่าสนใจไหมคะ?


  ชื่อโครงการคือ โครงการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมและจริยธรรมในโครงการกองทุนการศึกษา จัดอบรมวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 โดยเริ่มจัดอบรมคุณครูทั้ง 3 โรงเรียนก่อน การอบรบมักมีเป้าหมายเหมือนๆ กัน คือพัฒนา ยกระดับ อะไรสักอย่างใช่ไหมคะ แต่โครงการนี้ผู้อำนวยการทั้ง 3 โรงเรียนรวมทั้งอาจารย์ขจิตด้วย ถือคติว่า จะต้องทำอย่างจริงจัง ตั้งใจ และทุ่มเทให้มากที่สุด เพราะงบประมาณทั้งหมด ทางโรงเรียนได้รับมากจากโครงการกองทุนการศึกษา ซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ของในหลวง


  หนูจำได้ว่าไปถึงโรงเรียนหนองปรือพิทยาคม (โรงเรียนที่ใช้จัดอบรม) นำโดยท่านผู้อำนวยการสรศักดิ์ ท่านคาดหวังว่าจะพัฒนานักเรียนให้มีเป็นคนมีลำดับการพัฒนาตามลำดับดังนี้  จิตสำนึก จนกลายเป็นจิตใต้สำนึก และพัฒนาเป็นจิตอาสา จิตสาธารณะ (หนูไม่แน่ใจว่าจำถูกหรือเปล่า เพราะนานแล้ว เฮ้อ ไม่ยอมเขียนเสียตั้งแต่เนิ่นๆ )


  ช่วงที่ 2 ผู้อำนวยการเพยาว์ โรงเรียนห้วยหวาย แนะนำคุณครูเรื่องการทำวิจัยในชั้นเรียน ประโยชน์ของการทำก็เพื่อแก้ปัญหาการสอนและสามารถนำผลงานแสดงเป็นหลักฐานทางวิชาการได้อีกด้วย (เอ….ได้จริงหรือเปล่าคะ) ปัญหาที่พบก็คือครูคิดว่าการทำวิจัยยุ่งยาก เสียเวลา จึงไม่สนใจทำ ใครมีวิธีแก้ปัญหาตรงนี้บ้างไหมคะ?


  ช่วงที่ 3 ผู้อำนวยการ

ลาวัลย์ โรงเรียนบ้านหนองสาหร่าย
ให้คุณครูเรียนรู้วิธีการประเมินสมรรถนะของครูและการจัดทำแผนพัฒนาตนเอง
แต่หนูไม่ได้อยู่ฟังเพราะไปดูโรงเห็ดและผักชะอมที่เคยมาปลูกไว้ เห็นผักแล้วรู้สึกไม่สบายใจเพราะชะอมแห้งตายไปหลายต้น
เพราะไม่มีคนรดน้ำ ทำให้หนูนึกถึงคำพูดพี่ใหญ่ที่ว่า 


..อยากเห็นเด็กๆลงมือต่อจากนี้เพื่อเพาะเห็ดให้บานจนถึงเก็บมาทำอาหารด้วย..ฝากติดตามผลงานค่ะ..


เพราะปลูกไม่เกิน 1 วัน แต่การดูแลนี่สิ หลายเดือนกว่าจะแข็งแรง ถ้าไม่มีความรัก
ความเพียร อย่างแท้จริง ต้นไม้ก็คงตายหมด น่าจะเหมือนชีวิตคู่หรือเปล่าคะ
  ช่วงบ่ายอาจารย์ขจิตนักจัดกิจกรรมมือโปร อบรมในหัวข้อครูสอนดี  หนูสังเกตว่าอาจารย์มีความสุขที่ได้มาร่วมพัฒนา 3 โรงเรียนนี้มาก เข้าใจว่าท่านคงรู้สึกว่าตนเองได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเกิดของท่าน ใช่ไหมคะอาจารย์

การไปปลูกง่ายกว่าการดูแลให้เจริญเติบโตนะคะ


  หนูขอจบเรื่องกิจกรรมทางวิชาการดีกว่า ยิ่งเขียน ยิ่งงง พาท่านผู้อ่านไม่เข้าใจเสียเปล่าๆ  เรื่องที่หนูตั้งใจเขียนคือเรื่องนี้ค่ะ………


  “ อาจารย์คะ แวะซื้อสับปะรดให้ที่คณะจัดงานปีใหม่ที่ไหนหรือคะ”
  “ ว่าจะแวะที่ร้านผู้ปกครองเด็กครับ”
   “ซื้อสับปะรด 30 หัวครับ”
   “จ้าโลละ 10 บาททั้งหมด 700 บาทจ้า”
   “หนูขอสับปะรดกวนถุงนึงนะคะอาจารย์”  ขอขนาดนี้มีหรือที่อาจารย์จะไม่อนุญาต
แต่ขณะที่อาจารย์กำลังซื้อสับปะรดหนูเห็นคุณยาย คนหนึ่งใส่เสื้อคอกระเช้า สีมอๆ จนบอกไม่ได้แล้วว่าเป็นสีอะไร เดินเท้าเปล่า พร้อมจูงหลานมาอีก 2 คน คุณยายเดินมาหยิบสับปะรดกวน แล้วดึงแบงค์ 20 ยับๆ ออกมาจากมือที่กำไว้แน่นส่งให้แม่ค้า แต่คุณยายก็ต้องชะงักเมื่อแม่ค้าบอกว่าสับปะรดกวนถุงละ 60 บาท  หนูเห็นท่านยืนอยู่สักพักแล้วจึงค่อยๆเดินเอาสัปปะรดไปคืนที่เดิม และบอกหลานว่า มันถุงละ 60 ไม่ใช่ 20 อาจารย์จึงจ่ายเงินให้คุณยาย  ท่านยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเเละกล่าวขอบคุณ และค่อยๆเดินเท้าเปล่าจากไป


หนูไม่แน่ใจว่าได้ยืนมองภาพนั้นอยู่นานเท่าไหร่ มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่ อาจารย์หยิบสับปะรดกวนมาให้ แต่เมื่อมองไปที่ถุงสับปะรดกวน ภาพนั้นยังติดตาอยู่ไม่หายไปไหน ทำให้หนูไม่คิดที่จะกินมันอีกต่อไป 

หมายเลขบันทึก: 515023เขียนเมื่อ 3 มกราคม 2013 20:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม 2013 04:35 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

รออ่านบันทึกต่อไปนะคะ

อ่านด้วยความสุขใจอย่างยิ่ง..เป็นแบบอย่างของเยาวชนจิตอาสาที่มีอาจารย์ดีนำพาไปสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียนดีๆเหล่านี้ค่ะ..ขอให้กำลังใจ

เป็น นักศึกษา และจิตอาสา  ตัวแบบที่ดีมากค่ะ  กล้วยไข่

ตามมาให้กำลังใจ ต่อไปอาจไม่กล้ากินสับปะรด 

เห็นคุณยายแล้วตกใจเหมือนกันว่าคุณยายมาได้อย่างไร  สังคมไทยมีอะไรไม่เท่าเทียมกันเสมอเลยเนอะ

ตั้งใจเรียนให้จบแล้วออกไปเป็นกำลังให้สังคมนะครับ...

สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้มีความสุข สดชื่น สมหวังนะครับ

มาชื่นชมและให้กำลังใจน้องกล้วยไข่ คนเก่งและคนดีของโกทูโนว์ค่ะ 

พี่เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ น๊า....

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

-สวัสดีครับ..

-แวะมาส่งความสุขในปีใหม่ครับ..

-สับปะรดกวด 60 บาท.....

"....คุณยายเดินมาหยิบสับปะรดกวน แล้วดึงแบงค์ 20 ยับๆ ออกมาจากมือที่กำไว้แน่นส่งให้แม่ค้า แต่คุณยายก็ต้องชะงักเมื่อแม่ค้าบอกว่าสับปะรดกวนถุงละ 60 บาท  หนูเห็นท่านยืนอยู่สักพักแล้วจึงค่อยๆเดินเอาสัปปะรดไปคืนที่เดิม และบอกหลานว่า มันถุงละ 60 ไม่ใช่ 20 อาจารย์จึงจ่ายเงินให้คุณยาย  ท่านยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเเละกล่าวขอบคุณ และค่อยๆเดินเท้าเปล่าจากไป..."

-ขอบคุณครับ

 กลับมาอ่านใหม่

ยังติดตาตรึงใจอยู่กับคุณยาย

และราคาสัปปะรดกวน

สังคมนี้ยังมีความแตกต่างอยู่มากทีเดียว

และก็ดีใจที่ยังมีคนดีๆอยู่ในสังคมนี้เหมือนกัน

สวัสดีเจ้าค่ะหนูกล้วยไข่...เมื่อวาน..ยาย..ไปยืนมองไข่..ที่ไม่กล้าซื้อ..ในห้าง..เดอะมอลลบางแค..สิบลูก..ราคา..กว่า..หกสิบ..บาท..(ที่เจอที่ตลาด..ลูกละ..สามบาทหกสิบ..ตายังค้างอยู่..มาจนเจอลูกละหกบาทกว่า..)..หนูกล้วยไข่..ไม่ได้เห็นยาย..ที่เดินกลับไปกลับมา..หาไข่ที่..ถูกกว่านั้น..๕๕๕...ยายธี

  • สะท้อนข้อจำกัดของวิถีชีวิตภาคพลเมืองได้ดีน๊ะน้อง

สับปะรดกวน...ถึงจะไม่ได้กิน แต่ก็รู้สึกอิ่มนะคะ ^_^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท