เมื่อ สี่สิบปีก่อนหน้านี้ เกวียนละ 400 บาท เกษตรกร สามารถซื้อทองคำได้ 1 บาท
มาวันนี้ ข้าวเปลือก เกวียนละ 12,000 บาท ซื้อทองได้ สองสลึง ราคาทองคำ บาทละ 24,000 บาท
ราคาข้าวเปลือกหายไปไหน สองสลึง
ต่อเกวียน
ทั้งรับจำนำ และ ประกันราคา ก็ยังไม่ทำให้ราคาข้าวเปลือกขึ้นไปถึง เกวียนละ 1
บาททองหรอกครับ
ปรองดองกันดีกว่ามาร่วมกันคิด ร่วมมือกัน ทำให้ชาวนาไทยขายข้าวเปลือกได้ในราคา
1 บาททองเหมือนเมื่อ สี่สิบปีที่แล้วจะดีกว่า
เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว
ต้นทุนต่ำกว่าในปัจจุบัน เพราะเป็นแปลงนาอินทรีย์ เกษตรอินทรีย์ มาตรฐานบรรพชนไทย
ต้นทุนต่ำกว่า เกษตรเคมี แถม ยังมีปู ปลา กุ้ง หอย ผัก หญ้า ไว้บริโภค
สามารถลดต้นทุนค่ากับข้าวอีกด้วย
แต่ปัจจุบันเกษตรอินทรีย์มาตรฐานฝรั่งล่ะก็ต้นทุนสูงกว่าเกษตรเคมี เพราะพื้นที่การผลิต
เสียหายโดยสารพิษจากการผลิต แบบ Mass Production มากมาย
รึว่าเราคนไทย จะหันไปทำเกษตรอินทรีย์ มาตรฐานบรรพชนอีกครั้ง
เพื่อรักษาสภาพแวดล้อม วัฒนธรรมเกษตร วัฒนธรรมแห่งความสุข และสุขภาพที่ดีของเกษตรกร
และผู้บริโภค
ย้ำว่าต้องเป็นเกษตรอินทรีย์ มาตรฐานบรรพชนนะครับ ไม่เอาเกษตรอินทรีย์มาตรฐาน
ฝรั่งนะครับ เพราะการทำเช่นนั้นต้นทุนสูงมากเกินเหตุครับ
ต้องเปลี่ยนแปลงกลับมาสู่เกษตรอินทรีย์มาตรฐานบรรพชนแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ
พีระพงศ์ วาระเสน
1 มกราคม 2556
เรียนอาจารย์ เป็นบันทึกที่ได้ใจกลุ่มเกษตรอย่างผมมากๆ ครับ เกษตรอินทรีย์ ต้องเพิ่มคำว่าบรรพชนไปด้วย
เกษตรอินทรีย์ในปัจจุบัน ยังหลงอยู่ในมายาคติหลายเรื่อง
นั่นสิค่ะ คุยกับลูกเมื่อวานนี้ว่า แต่ก่อนข้าว ๑ เกวียน สามารถซื้อทองได้ หนัก ๑ บาท แต่ปัจจุบัน ข้าว ๒ เกวียนยังไม่ได้ทองหนัก ๑ บาทเลยค่ะ...