เงิน กับ ทรัพยากร
ทำไมคนมี "เงิน" เท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่า "พอ"
น่าจะเป็นเพราะเรามีนวัตกรรมเก็บรักษาแบบไม่หนัก
แปลงและสมมติ “ทรัพยากร” มาเป็น “เงิน” โดยใช้โลหะ “เงิน” ที่หายากมาสมมติค่าแทนทรัพยากร
และคิดหน่วยออกมาเป็น “เงิน” และแจงหน่วยนับกันไปตามแต่จะคิดออกในแต่ละเผ่าพันธุ์
พอมีเงินมากๆ ก็เริ่มหนัก
จึงหาวิธีทำให้เบาลงไปอีก
เช่น เมืองไทยเรา แปลง “เงิน” (ที่จริงเป็นโลหะเงิน) 1 บาท หนัก 15 กรัม มาเป็นกระดาษ ที่เบาลงมา
เงิน หนัก 100 บาท เดิม หนักถึง 1.5 กก ทำเป็นกระดาษสมมติต่อไปอีก ให้เหลือไม่กี่กรัม
และไม่กี่มิลลิกรัม ถ้าเป็นธนบัตรกระดาษใบละพันบาท
ทำให้เงิน 1 ล้านบาท เหลือน้ำหนักปัจจุบัน แค่
1 กก. ทั้งๆที่ ควรจะต้องหนัก 1500 กก. หรือ ตันครึ่ง ที่ไม่มีใครยกไหวด้วยตัวเอง
ขนไปไหนก็คงจะยาก
และบางคนขนาดเงิน “สมมติ” โดยใช้กระดาษแทน ว่าเบาแล้วมีมากไปอีก
ขนาดเงินกระดาษ ก็ยังไปใส่กระสอบปุ๋ย 50 กก. ไว้
กระสอบละ 50 ล้าน ที่มีคนแอบขโมยไปได้ 4 กระสอบ 200 ล้าน
ที่เหลือยกไม่ไหว ขนไม่ไหว
จึงมีนวัตกรรมต่ออีก
โดยการแปลงเป็นตัวเลขลงกระดาษแผ่นเดียวว่ามีทรัพยากร
10000000000000000000000000000000000000 บาท
เก็บไว้โดยไม่เปลืองที่ ไม่ต้องกลัวหาย และไม่หนัก
เลยอาจทำให้ ไม่รู้สึกว่ามีมาก
มีเท่าไหร่ก็ยัง “รู้สึก” ว่า “มีไม่มาก” และ
ไม่ "พอเพียง" สักที
ที่น่ากลัวจริงๆ
เพราะในความเป็นจริง ที่คนลืมคิดกัน
ตัวเลขเหล่านี้คือ
สัญลักษณ์ของการทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
แปลงมาเป็นมูลค่าของโลหะเงิน แกล้งหลอกทำเป็นกระดาษให้เบา
และแปลงเป็นตัวเลขมาเก็บไว้เป็น “ทรัพย์”
ที่คนมักคิดไม่ถึงครับ
ถ้าปล่อยให้อยู่ในธรรมชาติ แบบทรัพยากรธรรมชาติ
จะไม่มีเสียหาย และเขาเหล่านั้นจะเรียนรู้ว่า
"พอ" และ “พอเพียง”ได้โดยง่าย
แต่เขาทำให้เขารู้สึกว่า "ครองโลก" ไม่ได้
ก็เท่านั้นเอง
สรุปตามที่ผมเข้าใจว่า
เงิน กระดาษ และตัวเลข
ก็แค่ นวัตกรรมสนับสนุนกิเลสหยาบๆของคน
ในการทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามี “ทรัพย์” มากกว่าคนอื่น
เพื่อความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ลูกหลาน
และวงศ์ตระกูล
ทั้งๆที่ ประวัติศาสตร์ได้สอนมาตลอดว่า
ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ดับสูญได้ทั้งนั้น
และความยิ่งใหญ่ที่ทำกันมาในอดีต
ก็คือสาเหตุของความเสื่อมและดับสูญนั่นเอง
แต่เราก็ไม่ยอมเรียน
และยังจะไปแข่งความยิ่งใหญ่โดยการทำลายต่อไป กับสิ่งสมมติ
โลกเราเป็นเช่นนั้นเอง
อิอิอิอิอิอิ
ความเห็น (4)
เราเป็นปุถุชนคิดไม่ได้หรอก
ปุถุชนคิดได้แน่นอนครับ พวกคิดไม่ได้ต่ำกว่านั้นครับ อิอิอิอิอิอิอิ
ชอบวิธีคิดนี้มากๆครับ ท่านอาจารย์ เงินเป็น "นวัตกรรมสนับสนุนกิเลสหยาบๆของคน"
นี่โดนจริงๆ ครับ
ครับ ผมเชื่อว่าผลลัพธ์จริงๆ คืออย่างนี้ แต่จะอ้างกันยังไงนั้นอีกเรื่องหนึ่งครับ