เสียงซอ...เศร้าๆหวานๆ...ค่ำนี้ ที่ปัตตานี


ณ.เวทีชีวิตยามค่ำนี้ โปรแกรมมิทราบล่วงหน้า วันเวลามิได้นัดหมาย “ซอสองสาย” บรรเลงเดี่ยว จากชาย นักดนตรีนิรนาม

 เสียงซอ....เศร้าๆหวานๆ...ค่ำนี้ ที่ปัตตานี


สียง…..ใสๆหวานๆปนเศร้าค่ำนี้ กอปรกับแสงจันทร์นวล บรรยากาศชวนฝันเสียงเสนาะน่าฟัง..คะเนว่าเป็นเสียงจากเครื่องเล่นประเภทซอ..สาย  ส่งผ่านมาทักทายสื่อถึงกัน แม้ได้ยินจากไกลๆ   ฤา..เสียงนี้จะสื่อ เสริมความเศร้าที่คละเคล้าไปกับบรรยากาศในพื้นที่ปักษ์ใต้ตอนล่างขณะนี้...ต้นกำเนิดเสียงที่เศร้าสร้อย เจ้าอยู่ในตำแหน่งใด เสียงเชิญชวนยิ่งนัก จักต้องไปให้กำลังใจถึงที่...ใครหนอช่างเล่นดนตรีชิ้นนี้ ขณะเดินมุ่งหาเสียงที่ช่างจะพลิ้วไหวหวาน มากพลังดีงดูดให้เข้าใกล้ ....โน่นไงหล่ะ.....อ่อ อี๋ ออ... “ซอสองสาย”.....บอกได้ว่าไม่ใช่ “ซอด้วง” หรือ “ซออู้”..ที่รู้จักของไทยเรา แต่คล้ายกับซอด้วงของเรามาก ทั้งลักษณะการเล่น จำนวนสายซอ และคันชักซอ ??



ความสุข.....ที่ส่งผ่านเส้นเสียงขณะบรรเลงเพลงจาก “ซอสองสาย” ...ทันทีที่ก้มมองใกล้ๆกันด้านหน้า มีหมวกรองรับความพึงใจ ที่ให้เป็นรางวัลแด่คนช่างฝัน...อุ๊ปส์ ช่างบรรเลงเป็นเพลง “เล่นดนเตรี...เปิดหมวก” อย่างที่เรียกกัน "ครูพื้นที่"  และผองเพื่อน ร่วมเป็นกำลังใจตามด้วยรางวัลส่วนหนึ่ง มอบให้พร้อมกล่าวคำชมเจ้าของซอขณะบรรเลง บอกให้ได้ยินว่า “ไพเราะและเศร้ามากเลย...เพลงที่เล่น” เขา...ยกมือไหว้ตอบพร้อมบอกขอบคุณ  ทั้งเสียงที่ได้ยินและท่าทางการรับไหว้ อากับกริยาเช่นนี้ทราบทันใดว่า“ไม่ใช่คนไทย” เราต่างพร้อมใจกันยืนชื่นชมเสียง...เพลงแล้วเพลงเล่าถูกเลือกมาสร้างความสุขให้กับผู้คนที่ผ่านมาในตลาด  ซึ่งน้อยคนนักจะสนใจ เพราะต่างเร่งรีบหาซื้ออาหาร ค่ำคืนนั้น อีกทั้งข่าวสารบ้านเมืองต่างเตือนในระวังสถานการณ์ภัยคุกคามในช่วงนี้..ฉันขออนุญาิต ดูซอและคันชักซออย่างใกล้ชิด และขอถ่ายรูป ..เจ้าของยิ้ม..(เสียงจากความดี มีเมตตา รับรู้ว่า.....your wishes granted...)



ณ. เวทีชีวิตยามค่ำคืนนี้  โปรแกรมมิทราบล่วงหน้า วันเวลามิได้นัดหมาย “ซอสองสาย” บรรเลงเดี่ยว จากนักดนตรีนิรนาม ผ่านเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กแต่ทว่าทรงพลังได้ยินทั่วตลาด พาดสะพายสายแนบติดตัวผู้เล่น สังเกตเห็นว่าได้ปรับระดับความดังเป็นครั้งคราวให้เหมาะสมกับเพลงที่บรรเลง  เริ่มแรกผู้ชม 5 คน หนึ่งในนั้น..ฉันยืนแถวหน้าและผองเพื่อนอีก 3 คน พร้อมกับแขกผู้มีเกียรติหนึ่งท่านที่ยืนชมอยู่ก่อนแล้ว...เราต่างยิ้มทักทายเป็นอันรู้กันว่า ชื่นชมในเสียงบรรเลงและขอบคุณเจ้าของซอ



นักดนตรีนิรนาม.. เขาผู้นี้เป็นใคร?? มีเบื้องหลังอย่างไร??  ไม่มีใครทราบและคงไม่สำคัญ ...รู้ได้แต่เพียงว่าในพื้นที่แห่งนั้น วันนั้นท่ามกลางมาตรการคุมเข้ม รักษาความปลอดภัยที่สั่งตรงมายังพื้นที่ เรายังมีเสียงดนตรีจากเพื่อนต่างถิ่น ต่างแดน มาช่วยขับกล่อม ผ่อนคลายบรรยากาศ ประกาศความเป็นพื้นที่สากล ...คนตรีที่ไร้พรหมแดน...



“เจ้าพ่อเชี่ยงไฮ้” เสียงเพลงดังขึ้น เราต่างร้องอ๋อ แสดงทีท่าว่ารู้จัก...แปลกใจนักกับความไพเราะเทียบเคียงจากที่เคยได้ยินได้ฟังสมัยดูหนังช่วงวัยรุ่น    ระหว่างพักได้ชวนคุยสานสัมพันธ์ participation..กันสักหน่อย..เผื่อสื่อสารด้วยภาษาอื่นได้บ้าง จึงรู้ว่าเขาผู้นี้พูดภาษาไทยไม่ได้ ยกเว้นภาษาดนตรี ที่เป็นภาษาสากลไม่นานนักมีผู้ชมเพิ่มขึ้น เราต่างรื่นรมย์กับเพลงดังฟังมาตั้งแต่วัยเด็กจากหนังจีนแอ๊คชั่น เราฮัมคลอทำนองไปจนจบเพลง คิดว่าคืนนี้ฟังเพลงนี้ ให้ความละมุนดี เมื่อเล่นด้วยซอสองสาย


ที่ปัตตานี ไทย-จีนใช่อื่นใด สายสัมพันธ์รักแน่นแฟ้น ดั่งเช่นตำนานของ “เจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว, ลิ่มโต๊ะเคี่ยม..” สุสานเจ้าแม่และมัสยิดกรือเซะ..เรื่องราวของความรักความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ ที่เราต่างทราบกันดี ศูนย์รวมความรักและศรัทธาของผู้คนที่นี่และผู้คนเชื้อสายจีนใกล้-ไกล-ในและนอกประเทศ ต่างมาเคารพกราบไหว้  มิแปลกใจที่ได้ยินเสียงกล่าวทักทายด้วยภาษาจีนจากผู้ชมที่มาร่วมฟังเพิ่มขึ้น  เจ้าของซอ...ตอบกลับมา สื่อสารกันแบบกระท่อนกระแท่นพอได้ความ หัวเราะสนุกสนานกันถ้วนทั่ว ท่านผู้นี้มาจากจีน ...ถึงบางอ้อว่าทำไม?? เลือกเล่นเพลงจีนเป็นส่วนใหญ่ 



“ลอยกระทง”…..เป็นเพลงถัดมา เพลงนี้การันตีว่าความร่วมสมัยใครๆก็รู้จัก .เพราะในแถบภูมิภาคนี้โดยเฉพาะในอาเซียนมักจะร้องเพลงนี้ได้ โดยส่วนตัวเล่นไวโอลินเพลงนี้ได้  ครั้งนี้ เลยช่วยร้องคลอให้  คิดเสียว่าเพียงเพื่อ สานสัมพันธ์ไทย-จีนสไตล์พื้นบ้าน ผ่านเครื่องเล่น “เอ้อหู” ...บรรยากาศครื้นเครงขึ้น....นึกในใจว่าคงฝึกเล่นเพลงนี้เพื่อผู้ชมคนไทย ช่างเข้าใจเลือก...แหม เทศกาลนี้ก็ใกล้เข้ามาแล้วเชียว...




“เถียนมีมี่”… โอ๊โอ๋...ปรบมือให้... หนึ่งในเพลงจีนที่ชอบทีเดียวเชียว...เนื้อเพลงกล่าวถึง... “รอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง ของนางในฝัน” บรรจุเต็มไปด้วยเรื่องราวความสวยงามและความรัก-ความฝัน.....ยิ่งจะชวนให้หวานปนเศร้ายิ่งขึ้น...ได้ยินเจ้าของซอพูดว่า “หว่ออ้ายหนี่” ก่อนเริ่มเล่นเพลงนี้ ...เชื่อว่าหลายคนรู้จักความหมาย...ช่างเลือกสรรมานำเสนอ  ครั้นเพลงจบ ฉันจึงกล่าวคำขอบคุณ ...“เซี่ยเซี่ยหนี่” ซึ่งจะเป็นเพียงจำนวนคำไม่ถึง 5 คำใช้สื่อสารเพิ่มความสนุกสนานซึ่ง เคยฝึกไว้เมื่อเพื่อนชาวจีนสอนให้...รวมถึง “หนีห่าว, สวัสดี”... ถึงช่วงเวลาที่เราบอกลา ขณะเดินจากมาเสียงซอค่อยๆแผ่วเบาไป หากแต่ยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ เผลอฮัมออกมาเป็นเพลงขณะขับรถกลับนิวาสสถานมอ.   นึกในใจไว้ว่าคงจะต้องฝึกซ้อมเล่นไวโอลินเพลงนี้บ้างน่าจะดี  อืมม์.. เป้าหมายต่อไป... เถียนมีมี่.... ค่ำนี้ช่างจุดประกาย..


ก่อนจากมา...แม่ค้าชาวโต้รุ่ง ชื่นชมในความไพเราะที่ได้ยิน แต่มิวายแอบกระซิบถามเรา กลุ่มผู้ชมที่อยู่นานที่สุดว่า “เล่นจริงหรือเปิดเสียงจากเครื่องเล่น?? ” เราตอบยืนยัน... เล่นสด เล่นจริง เล่นจากใจ เล่นให้เราคนไทยฟัง.....เขาไม่ใช่คนไทยนะ แต่ร้องเพลงไทย สร้างความรื่นรมย์ให้คนไทยที่เมืองไทยถิ่นใต้  โปรดให้กำลังใจเขาบ้างหากทำได้..ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...เพื่อเพื่อนร่วมโลกใบน้อย...

ภาษาดนตรี...มหัศจรรย์ยิ่งนัก ภาษาสื่อรักบ่งบอกอารมณ์ เชื่อมความสุนทรียแห่ง มนุษยชาติ ให้อยู่ร่วมกันได้ แม้ต่างชาติต่างศรัทธาความเชื่อ สำหรับบางคนอาจลืมความชัง ความแค้น ความไม่พอใจไปชั่วขณะ ค่ำนั้นขณะยืนฟังให้กำลังใจชายต่างแดนผู้นี้  คิดถึงคำกล่าวที่สะท้อนความจริงของผู้คนที่สิ้นชาติหรือกลุ่มชนพลัดถิ่น ... “ถึงชาติจะแตกสลายแต่ภาษาวัฒนธรรมยังคงถูกรักษาไว้ได้ ถ่ายทอดผ่านผู้คน…ก็ยังคงบ่งบอกชาติ & เผ่าพันธุ์”... ในทางกลับกันชนใดชาติมีอยู่ ก็คงช่วยกันเชิดชู เรียนรู้ ชื่นชมและเห็นคุณค่า ในภาษาและวัฒนธรรมประจำชาตินั้นๆ..


ค่ำนั้น...จึงเป็นการปรุงแต่งและรับรู้สภาวะธรรมตามที่เห็น  เป็นทะลแห่งสัจจะสมมุติที่ยังคงว่ายเวียนอยู่ ระคนกันไป ทั้งภาพ เสียง รสชาติ ความสุข สุนทรีย ภาษาดนตรี ณ. เวทีชีวิตที่นี่ ตลาดโต้รุ่งใจกลางเมืองปัตตานี ในคืนเดือนจันทร์ฉาย ที่มากมายด้วยทหารรายรอบ....


 หวังไว้ว่าสักวันพลังแห่งความอ่อนหวาน ละมุนละไม  ไม่ว่าจากธรรมชาติที่พิสุทธิ์หรือ จากเสียงที่บรรเลงผ่านเส้นสายซอ คงพอจะช่วยฟื้นฟูจิตใจ ผู้คนให้หวนกลับไปสู่ความเป็นอยู่เมื่อครั้งก่อนๆที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ..ท่ามกลางความหลากหลาย..ดินแดนปักษ์ใ้ต้ถิ่นนี้

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://burongtani.oas.psu.ac.th/blog/1088


หมายเลขบันทึก: 508637เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2012 18:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 12:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

สวัสดีค่ะ อาจารย์วิชญฯ .99 ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาทักทาย Happy Ba ...สาธุ ๆๆ เช่นกันค่ะ อุ๊ปส์ ...ลืมไปละ ต้องใส่คำสำคัญเพิ่มซะหน่อยแล้วหล่ะค่ะ

  • ยายไอดินเป็นคนหนึ่งค่ะที่ชอบเสียงดนตรี
  • และเคยเป็นนักร้องสมัยเรียนปริญญาโท และเป็นอาจารย์อุดมศึกษาทั้ง 2 สถาบัน จึงพอจะเข้าถึงความซาบซึ้งในเสียงเพลงและเสียงดนตรีของผู้เขียน
  • ประทับใจข้อความทิ้งท้ายของผู้เขียน "...หวังไว้ว่าสักวันพลังแห่งความอ่อนหวาน ละมุนละไม ไม่ว่าจากธรรมชาติที่พิสุทธิ์หรือจากเสียงที่บรรเลงผ่านเส้นเสียง คงจะช่วยฟื้นฟูจิตใจ ผู้คนให้หวนกลับไปสู่ความเป็นอยู่เมื่อครั้งก่อนๆที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข..ท่ามกลางความหลากหลาย..ดินแดนปักษ์ใต้ถิ่นนี้"

 

เรียนอาจารย์....แนวรบทางด้านชายแดนใต้ยังไม่สงบ แต่แนวรบทางดนตรี มีเสียงเพลงร้อยรักถักทอให้ละม่น

(ถ่ิน)และ (ทะล) อิกับ เอ รีบไปครับ

สวัสดียามเช้าค่ะ.."ยายไอดิน"

ขอบพระุคุณที่แวะมาทักทายค่ะ อืมม์....จะขออนุญาตเรียกว่า "ป้าวิ" ได้ไหม๊ค่ะนี่??? ดีใจจังค่ะ ที่ทราบว่า ป้าวิ ชอบดนตรี และแถมการันตีความชอบเพิ่มขึ้นด้วยการเป็นนักร้อง ส่วนตัวน้องขอชื่นชมนักรัองค่ะ ดนตรีทำให้อ่อนละมุนค่ะแต่บางครั้งก็ทำให้อึกเหิมได้ เช่นเวลาฟังเพลงมาร์ชต่างๆ หวังไว้ว่า อาจจะมีโอกาสที่จะได้ฟังเสียงป้าวิบ้างนะค่ะ หรือไม่แน่อาจมีโอกาสไปเยี่ยมชมฟาร์มของป้าวิและพ่อใหญ่สอถึงถิ่นนะค่ะ...แฮ่...อาจจะ "นก"..นำพาค่ะ
โดยส่วนตัวมีเพื่อนสนิทเป็นคนที่ร้องเพลงเก่ง มักจะถูกเรียกกันเมื่อไปกันครบเซ็ทว่า "สาว สาว สาว" สมัยวงนี้ดังๆนั่นหล่ะค่ะ เดี่ยวนี้ก็ตามวัย ...ก ก ก.. เวลาไปกับเพื่อนก็จะเป็นผู้ฟังที่ดี ร้องก็ดำน้ำบ้าง แต่เวลาไม่มีเพื่อนก็จะทำหน้าที่ทดแทนกันได้แบบไม่ให้ล่ม อิอิ.....เรื่องจังหวะ ทำนอง มักจะไม่เพี้ยนค่ะ..

พลังจากดนตรีและการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ปลูกไม้ผลไม้ดอกเลี้ยงหมาแมว ไ่ก่ นก ฯลฯ ช่วยให้วัย หลังเกษียณอายุราชการของทั้งพ่อและแม่ที่บ้าน ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขกาย-ใจตามอัตภาพ และแข็งแรงตามวัย ทุกครั้งที่น้องกลับไปเยี่ยมบ้าน พ่อก็ยังเล่นดนตรี และร่วมร้องเพลงอย่างที่อยากจะร้องเวลาได้ยินเสียงดนตรี เป็นความสุขจากบ้านสวนค่ะ เชื่อแน่ว่าวิถีที่ ป้าวิ กำลังดำเนินอยู่และตามหลังพ่อใหญ่สอไปใกล้ๆกัน ความสุขกับธรรมชาติและแวดล้อมด้วยความอบอุ่นจากครอบครัวคงเป็นสูตรที่ลงตัว คงเพิ่มกระจายไปทั่วๆฟาร์มนะค่ะ....ขอแบ่งมายังปักษ์ใต้บ้าง ได้ไหม๊น๊า:-))

สวัสดีค่ะบังวอญ่า

ขอบคุณที่แวะมาทักทาย ฝากตัวอักษไว้ให้คิด อืมม์...ใช่ค่ะ แนวรบชายแดนใต้ยังไม่สงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด อุ๊ปส์ ขออภัย ร้องเพลงชาติผิดบริบทไปค่ะ

ด้วยเสียงเพลงร้อยถักทอ คงจะทะลุแนวรบด้านนี้ไปได้บ้างนะค่ะบัง ว่าแต่ว่า น้อง ยังถอด "รหัสคำ" ที่ฝากไว้ไม่ออกเลยนะค่ะเนีย ภาษาใต้วันละคำ อิอิ...

จริงๆแล้ว บรรยากาศที่เล่ามานี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งตรุษอีดิลฮัลฮา ปลายเดือนที่ผ่านมา ค่ำนั้นบรรยากาศ คลาคล่ำไปด้วยผู้คน รถหุ้มเกราะฮัมวี่ก็วิ่งให้เห็น น้องทหารก็ปะปนตรงโน้น นี้ นั่น ทุกบรรยากาศค่ะบัง เก็บภาพเหล่านี้ไว้เป็นความทรงจำค่ะ :-))

ดนตรีกับชีวิตแทบจะแยกกันไม่ออกนะคะ

จะว่าไปแล้วดนตรีเป็นภาษาสากลที่ทำให้คนเรามีอารมณ์สุนทรีย์ร่วมกัน

ชอบเสียงซอแว่วหวานเช่นกันค่ะ.....

สวัสดีค่ะคุณครู- krugui

ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ เห็นด้วยค่ะดนตรีกับชีวิตไปด้วยกัน แล้วแต่บางช่วงก็มีจังหวะ เร็ว ช้า กึ่งเร็วกึ่งช้า หรือ มีแบบ "ไร้จังหวะ" เอ๊ะ ยังไง??? ..และแตกต่างกันแต่ละบุคคลด้วย ยังไง เราก็ได้มาพบกันในบันทึกนี้ด้วย ดนตรีนำพา นะค่ะ krugui

เคยมีประสบการณ์ กับเพื่อนรักชาวเกาหลี...เราผู้หญิงสองคนและเพื่อนสนิทในกลุ่มไปฟังเพลง ไอริช ที่ผับในชนบท ช่วงที่เราไปเที่ยวกันก่อนที่จะแยกย้ายกลับบ้านเกิดเมืองนอน ผับที่โน่นก็เหมือน ห้องนั่งเล่น ของชุมชน มองไปที่ฝาผนังก็จะมีรูป คนหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความทรงจำของคนแต่ละรุ่น ภาพที่เห็นก็จะเก่าๆแต่มากด้วยเรื่องราวค่ะ วันนั้นบังเอิญเราเข้าไปแจมในขณะที่มีการเลี้ยงฉลองวันเกิดในเพื่อนๆในหมู่บ้านสักคนหนึ่งที่รู้จักกัน ผับก็ไม่ใหญ่ ดนตรีซึ่งเล่นสดอยู่แล้วและเล่นหลายคน ส่วนใหญ่ใช้ประเภทสายเสียงทั้งนั้น มีทั้งดีด สี ตี เป่า รวมถึงไวโอลิน ที่ที่ขาดไม่ได้คือการ แท๊ป.. .มีผู้หญิงใช้ซ่อมกับซ่อมเคาะจังเหวะ แท๊ปเพิ่มบรรยากาศให้สนุกตามสไตล์ไอริช ในช่วงนักดนตรีพักเบรก ถามเพื่อนว่ารู้สึกอย่างไร คำตอบคือ "monotonous ..:-((... เลยเห็นได้ชัดว่า รับสิ่งเดียวกันแต่ appreciate ต่างกันค่ะ เลยคืนนั้นก็อยู่ต่ออีกไม่นานจึงกลับออกมา เพราะเห็นใจเพื่อนที่รู้สึกเบื่อ ในขณะที่เราสนุก และก็ยังนึกบรรยากาศนั้น และยังจำได้จนทุกวันนี้ ถึงความเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีและบรรยากาศที่เขาเล่นที่นั่น..นึกถึงภาพช่วงทุพิกขภัยโรคระบาด ต้องหนีออกจากประเทศไปอยู่ในที่ต่างๆ ดนตรีอยู่ในวิถีชีวิตที่แยกกันไม่ออกจริงๆคะ่ ถึงอยู่ที่ไหนกลิ่นไอของไอริชก็ยังออกค่ะ .. krugui :-))

สวัสดีค่ะอาจารย์ 101 มา happy ba ด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ น้อง พบ. ชลัญ

ขอบคุณค่ะ มาให้กำลังใจกันครบทั้งคู่แล้วนะค่ะทั้ง... 101 & .99 คู่เฮ.คู่ฮา..Happy Ba ค่ะ....อืมม์... " ปิดวิก" ได้แล้วละค่ะเนี่ย....(.??ภาษาใต้วันละคำ)

Ico48Ico48Ico48Ico48Ico48Ico48Ico48Ico48Ico48Ico48Ico48Ico48

ขอบพระคุณกัลยาณมิตรทุกท่านทีี่ชื่นชอบเสียงซอ  มีดนตรีในหัวใจ แวะมาใ้ห้ดอกไม้ หรือฝากความเห็นไว้ทักทายกันค่ะ :-))

 

 



 

 อุ๊ปส์ ...ลืมไปละ ต้องใส่คำสำคัญเพิ่มซะหน่อยแล้วหล่ะค่ะ

Ico48 นั้นละครับ สิ่งที่ผมพยายามจะบอก......555

อาจารย์ตามมุขชมรม 101.99 ทันนะเนี่ย คุณสมบัติเหมาะสมกับสมาชิกชมรมเลย ......:):)

 " ปิดวิก"  จริงๆแล้วความหมายคือ  อันหยั่งเกาะ(อะไร) ครับ ?

สวัสดีค่ะ อาจารย์วิชญฯ .99 :-))

ขอบคุณค่ะที่แวะมาคุยด้วยอีกครั้ง อืมม์...พี่เห็นว่าทั้งน้องพบ. ชลัญฯ และ อาจารย์ ปล่อยมุขฮาในบันทึกหรืออนุทินที่เขียนกัน อ่านแล้วทำให้อมยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง สนุกดีค่ะ จึงเป็นคู่ที่รับมุขได้ทันกัน ช่วยสร้างสีสันค่ะ ชอบค่ะ...น่ารักดีทั้งคู่ที่ช่างแซวกัน ฉันท์ happy ba และ สมาชิกชมรม 101.99 :-))

อย่างที่พี่ชอบดูนก บางครั้งเขาบอกว่า นกบางชนิดเมื่อเห็นตัวที่หนึ่ง ก็รอได้เลยว่าจะมีตัวที่สองมา เพราะเขาหากินกันเป็นคู่ จึงบอกว่าให้เตรียม make a wish... เรียกว่า one for joy.. two for..??? ตามที่อธิษฐาน ถ้าโชคดีในวันนั้นก็จะเห็น .. เรื่องนี้จึง apply เข้ากับคู่หูดูโอของน้องทั้งคู่ ..จริงๆนะ เท่าที่สังเกต จะเห็นว่า เมื่อมี 101 มา ประเดี๋ยวก็จะมี .99 เข้ามารับมุขค่ะ (ถ้าไม่ป่วย...จริงก๊อ??)

ส่วนเรื่อง "ปิดวิก" จริงๆแถวบ้านพี่ ภาคใต้ตอนบน (ชุมพร) อาจจะต่างไปจากที่อื่นบ้าง คำว่า "วิก" หมายถึง โรงหนัง หรือสถานที่ให้ความรื่นรมย์ เช่น เล่นหนังตะลุง หรือลิเก...เช่นไปดูหนังที่ "วิก"ไหน??..เดี่ยวนี้ไม่ค่อยได้ยินแล้วค่ะ เมื่อพูดถึง วิก ก็รับรู้ได้ถึงความสนุกสนาน ประมาณนั้นหล่ะค่ะ "ปิดวิก" ก็เลยเป็นการแสดงที่ให้ความสนุกสนาน รื่นรมย์ ..

ปล. ตัวอย่างคำที่ติดปาก มาจากภาษาอื่นๆ มีข้อสังเกตดังนี้ * นัยว่า คำว่า" วิก มาจาก week หรือไง" ... ภาษาอังกฤษ ที่ปนๆมากับคำที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
* รถที่เขาใช้ลากซุงสมัยก่อน แถวบ้านพี่เรียก "รถวินช์" พอโตๆก็เดาเอาว่า น่าจะมาจาก "winch" เพราะเห็นเขาใช้..กว้าน เป็นมีสลิงยกซุงขึ้นรถ
* รถบรรทุก ...มีเพื่อนบางคน ชาวภูเก็ต /ระนอง เรียกว่า รถ "หลอลี่"..น่าจะมาจาก "lorry " และอีกหลายๆคำ นำเสนอเพียงเล็กน้อยก่อนวันนี้ อิอิ..

อันเมืองไทยนี้แต่ก่อน ปักษ์ใต้มี ป่าไม้ แร่ดีบุก ฯลฯ ทรัพยากรมีค่ามหาศาลที่ชาวต่างชาติเข้ามาสัมปทาน เราก็เลยมีคำที่เขาเรียกใช้สิ่งของที่ใช้ในวิถีการทำงานสมัยนั้น ติดมาให้ได้ยิน แฝงไว้ด้วยความช้ำใจว่า ชาติบ้านเมืองเราถูกฝรั่งมังค่า หาประโยชน์ไปจนจะหมดแผ่นดิน ...ฮือๆๆ ... คงไม่ happy ba นะค่ะ เรื่องมาจาก วิก คำเดียวแท้ๆ เลยเล่าซะยาวเลยหล่ะ...ขออภัยๆๆๆ

เพิ่งรู้ว่า 101.99 นี่เป็นสีสันของ web 555  ป๊ะสงสัยต้องชวน,99 เปลี่ยนอาชีพ ไปเล่นตลกคาเฟ่ ท่าจะรุ่ง  เอ หรือจะทำเป็นงานอดิเรกดีน้า 555

จริงๆนะ เท่าที่สังเกต จะเห็นว่า เมื่อมี 101 มา ประเดี๋ยวก็จะมี .99 เข้ามารับมุขค่ะ   คราวนี้ .99 มาก่อน 101 ค่ะอาจารย์  อิ อิ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท