พี่วั้นเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายของสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) แล้ว เผลอแป๊บเดียวจากวันแรกซึ่งคุณแม่ไปนั่งฟังปฐมนิเทศน์ที่ SIIT ในม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ยังจำบรรยากาศวันนั้นได้ว่าลูกดูอ่อนเยาว์เป็นน้องใหม่ ที่กังวลว่าจะเรียนได้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่หลุดทุนหรือเปล่า เพราะพี่วั้นสอบได้ทุนแบบเต็มจำนวนซึ่งมีกติกาว่าต้องเรียนทุกวิชาในแต่ละปีได้ไม่ต่ำกว่า C เลย มาถึงวันนี้ที่เหลืออีกเพียงเทอมเดียว พี่วั้นไม่มีเกรดวิชาไหนต่ำกว่า B เลย นอกจากนั้นยังร่วมกิจกรรมสารพัดอย่างของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และของ SIIT เองตลอดมาตั้งแต่ปีแรก พี่วั้นบอกว่าอยากใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่า ซึ่งคุณแม่ก็เห็นด้วยและรู้ว่าลูกบริหารจัดการตัวเองเป็น ได้คุยกันอยู่เรื่อยๆและได้ดีใจเสมอๆในแนวคิดที่ลูกมี พี่วั้นชอบที่จะเป็นฝ่ายลงมือทำงานมากกว่าฝ่ายที่นำเสนอตัวเอง ไม่เกี่ยงงาน และคุณแม่เคยชื่นชมลูกมาแล้วที่เลือกจะทำงานที่ไม่มีใครอยากทำ เพื่อให้งานเสร็จเรียบร้อย มากกว่าที่จะทำงานเอาชื่อเสียงหรือตำแหน่งใดๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงานเบื้องหน้า พี่วั้นก็ทำได้ เพราะคุณแม่มารู้ทีหลังว่า พี่วั้นเป็นพิธีกรงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษใหญ่ๆมาแล้ว (และลูกก็ไม่ได้เล่าแบบเป็นเรื่องสำคัญอะไร)
เห็นผลการเรียนครั้งล่าสุด ที่ทางสถาบันฯส่งมาให้แล้ว ต้องบอกว่าลูกทำได้น่าทึ่งมาก คิดย้อนดูแล้วเชื่อว่าน่าจะมีส่วนมาจากวิธีการอ่าน วิธีการคิดของลูก เพราะจำได้ว่าพี่วั้นเป็นคนอ่านหนังสือเรียนสมัยมอ.ปลายแล้วก็บ่นว่า แบบเรียนเขาน่าจะเอาเรื่องมาเรียงใหม่ จะทำให้เข้าใจง่ายกว่าที่เป็นอยู่ และพี่วั้นจะคิดแก้โจทย์ต่างๆแบบธรรมชาติมากกว่าการจำสูตร ทำให้บางครั้งก็จะมาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนคิดไม่ออกเพราะมันไม่มีสูตร และพี่วั้นจะสามารถอธิบายอะไรๆให้เพื่อนเข้าใจได้ โดยที่บางครั้งตัวเองบอกว่ายังไม่ค่อยเข้าใจ ซึ่งคุณแม่เดาเอาว่าความเข้าใจที่ลูกว่าคงหมายความไม่เหมือนที่คนอื่นเขาคิด
การที่ลูกหัวดี เรียนเก่ง เป็นความน่ายินดีที่เขามีคุณสมบัติดีๆติดตัว แต่สิ่งที่ทำให้คุณแม่อย่างเรายินดียิ่งกว่าก็คือแนวคิดในการใช้สิ่งที่ตัวเองมีให้เป็นประโยชน์ในทางที่ดี ได้เห็นว่าลูกเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นที่รักของเพื่อนๆเพราะพี่วั้นช่วยติว ช่วยงานเพื่อนได้ดีเสมอ ทำงานเพื่อผลของงาน มาวันนี้ได้เห็นหลักฐานที่ออกมาชัดเจนจริงๆจากสิ่งที่เพื่อนๆของลูกส่งมาให้ลูกดูใน Facebook แล้ว ต้องบอกว่ารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกับตัวตนของพี่วั้นและดีใจที่ลูกเป็นที่ชื่นชมในด้านนี้มากกว่าการที่เห็นลูกเป็นคนเก่งหลายเท่านักทีเดียวค่ะ
ทำให้ยิ่งยืนยันได้ว่า วิธีการเลี้ยงลูกแบบที่เราทำมา น่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกเป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบัน ขอย้ำคุณพ่อคุณแม่ที่ยังมีลูกเล็กกว่าสิบขวบว่า เป็นเวลาที่เราควรใช้กับลูกให้มากที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราให้เขาในช่วงนั้นจะเป็นทุนชีวิตที่มีค่า ซึ่งเวลาทองช่วงนั้นเราจะเรียกกลับคืนมาไม่ได้เลย และเป็นเวลาที่เราจะแลกกับอะไร ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ตำแหน่งหน้าที่การงานหรือความสุขส่วนตัวอันใด ก็ไม่มีทางคุ้มจริงๆค่ะ
เรียนอาจารย์ โอ๋ ลูกคือของขวัญอันล้ำค่าที่พระเจ้าประทานมา น้องวั้น สร้างความมีคุณค่าให้กับการเรียน ที่สำคัญรู้และเข้าใจ หลักคิด ของการเรียน จัดความสัมพันธ์ระหว่างคุณค่าแท้และคุณค่าเทียม ที่สำคัญคือมีความสุขในการเรียน สุขก่อเกิดจากครอบครัว (เป็นลูกแก้วที่ไม่ต้องกะ)
ยินดีด้วยคนครับ กับความภูมิใจของครอบครัวครับ
คนเป็นแม่ย่อมชื่นชมและภูมิใจในตัวลูกมากกว่าใครๆอยู่แล้วนะคะ
ยินดีด้วยอีกคนค่ะ....
ขอชื่นชมพี่วั้นด้วยคนครับ
เป็นบุญทางใจของคุณแม่โอ๋ที่มีลูกดีเช่นนี้..รักลูกให้ถูกทาง..ย่อมนำไปสู่ความสุขความเจริญอย่างยั่งยืนค่ะ
น่าชื่นใจยังครับ ...... หวนคิดว่า ผมกับซัน จะเป็นอย่างไร.....:):)
มีความสุขและอิ่มใจไปด้วยกับคุณแม่โอ๋ค่ะ พร้อมทั้งชื่นชม ยินดีด้วยอย่างมากนะคะ
นำแกงผักเชียงดามาฝาก ปรุงเองนะคะ คิดถึงเสมอค่ะ
ขอร่วมแสดงความยินดีกับน้องโอ๋ที่ครอบครัวประสบผลสำเร็จและมีความสุขใจ....จะรอดูความสำเร็จของน้องวั้น