วันเสาร์ที่ ๒๒ กันยายน ๕๕
๑๒.๔๕ น. เราและ ทีมงาน อีก ๔ คนเดินทางจากปัตตานี แวะเอาพวงหรีดพัดลม จำนวนหลายตัว ขึ้นรถตู้ไปด้วย เป้นพวงหรีดจากผู้ตรวจเขต ๘ ,สภาการพยาบาล สมาคมพยาบาล ,ชมรมพยาบาลปัตตานี และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี
เส้นทางจากปัตตานี ไปสายบุรี ยังคงดูเหมือนเมื่อวันวาน ๒ ข้างทาง ที่ดูเงียบเหงา แต่เต็มไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง บ่งบอกถึงความอุดมสมบรูณ์ ของผืนแผ่นดินไทยแผ่นดินของคนไทย
ไปถึงวัด ที่สายบุรี มีศพของผู้สูญเสีย ในวัด ๒ ศพ ศพแรก เป็นสามีของพยาบาลหัวหน้าตึกผู้ป่วยใน โรงพยาบาลยุพราชสายบุรี ส่วนอีกศพตรงกันข้าม เป็นศพของ แม่ค้า ผลไม้ เรา และทีมงาน ไปวางพวงหรีด และไปกราบไหว้พระพุทธรูป แต่ยังไม่ได้ไหว้ศพ อันเนื่องมาจากยังไม่รดน้ำศพ รอประธาน ซึ่งเป็นรองผู้ว่่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งต้องเดินสายในการรดน้ำศพ ทั้ ๔ ศพ ส่วนอีก ๒ ศพ เป็นชาวมุสลิม อ. ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้นำศพกลับ ท่าศาลา นครศรี ฯ ไปแล้ว ระหว่างที่รอท่านประธาน เราและทีมงานก็ไปวางพวงหรีดที่ศพตรงกันข้าม พร้อมกับทำบูญ ช่วยงานศพ
หลังจากที่เรา รดน้ำศพแล้ว ก็ ไปวางพวงหรีดอีก ๒ ศพที่วัดไกล้ๆกันอีก ๒ วัด
อำเภอสายบุรี มีสัพปะเหรอ เพียงคนเดียว ทั้งอำเภอ
ศพที่ ๓ เป็น อส. และศพสุดท้ายเป็นผู้ช่วยพยาบาลโรงพยาบาลคริสต์เตียน
เราและทีมงาน วางพวงหรีดจนครบ และร่วมทำบุญช่วยเหลืองานกันตามเหมาะสม แววตาของญาติผู้สูญเสีย ดูแกร่งเกินกว่าที่เราคาดคิด แววตาของความเป็นผู้เห็นแล้วซึ่งความจริงกับการเดินทางบนเส้นทางของความเป็นจริงที่ต้องเผชิญ ช่างเป็นอีกแววตาที่ทำให้เราเกิดความเข็มแข็งด้วยเช่นกัน
โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดสงขลา คงต้องเตรียมรับย้ายพี่เบริด์ หัวหน้าตึกผู้ป่วยในจากรพ.ยุพราชสายบุรี ผู้สูญเสียสามี จากเหตุการณ์ใต้เมื่อวันวาน
นี้เราจะต้องสูญเสีย คนดีๆไปอีกเท่าไหรถึงจะพอ
ไม่รู้เหมือนกันคะ ทุกอย่างมันต้องมีคำตอบสักวัน