ต่อจากเมื่อวานครับที่ผมได้นำเสนอเกี่ยวกับ การทำนาต้องวัดดวง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ และน่าสงสารอย่างมากสำหรับพี่น้องเกษตรกรไทยโดยเฉพาะพี่น้องชาวอิสาน ที่ต้องเสี่ยงอย่างมากในการทำนาโดยอาศัยน้ำฝน
และจากการที่มีโอกาสได้ลงพื้นที่ในการทำงานกับพี่น้องเกษตรกรหลายจังหวัดในภาคอิสาน และได้พูดคุยกันก็พบว่าส่วนใหญ่ทำนาแล้วขาดทุน
แล้วเมื่อเป็นอย่างนี้เราจะทำอย่างไรจึงจะทำให้พี่น้องเกษตรกรทำนาแล้วไม่ขาดทุน และเป็นการสืบทอดอาชีพสืบทอดต่อลูกหลานได้อย่างยั่งยืน ผมจึงใคร่เสนอทางออกอย่างนี้ครับ
1. ต้องทำนาแบบผสมผสาน กล่าวคือ ในการทำนานั้น เกษตรกรต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำนาจากทำนาแบบเชิงเดี่ยว (ปลูกข้าวอย่างเดี่ยว) มาเป็นการทำการเกษตรแบบผสมผสานเพื่อลดความเสี่ยง จากภัยแล้ง น้ำท่วม อีกทั้งในเรื่องของราคาซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เราไม่สามารถกำหนดเองได้ อีกทั้งจะได้มีรายได้ที่หมุนเวียนตลอดทั้งปี ซึ่งกิจกรรมที่ควรนำมาเสริมได้แก่การปลูกกล้วยตามคันนา ไม้ผล หรือถ้าหากมีแหล่งน้ำเพียงพอก็สามารถปลูกพืชผัก หรือไม้ดอกสำหรับขาย ก็จะสามารถมีรายได้ตลอดทั้งปี
2. ลดพื้นที่การทำนา ในการทำนานั้นเมื่อเราพอที่จะรู้แล้วว่าทำแล้วมันขาดทุน เราก็ควรที่จะลดพื้นที่การทำนาให้เหลือน้อยลงเพื่อลดความเสี่ยง โดยทำแต่พอสำหรับกินในครัวเรือน
3. ทำนาให้สอดคล้องกับแรงงานในครัวเรือน โดยพี่น้องเกษตรกรต้องคำนึงถึงแรงงานในครัวเรือน ไม่ต้องพึ่งแรงงานจากภายนอก ซึ่งมีค่าจ้างที่ค่อนข้างสูง และหายาก
4. ทำนาโดยใช้ปัจจัยการผลิตภายในเป็นหลัก กล่าวคือพี่น้องเกษตรกรต้องมีการผลิตปุ๋ยใช้เอง เช่นการทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ หรือเลี้ยงวัว ควาย ซึ่งนับว่าเป็นโรงงานการผลิตปุ๋ยชั้นเยี่ยม สำหรับใช้ในการทำนา หรือการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ภายในฟาร์ม
5. ทำนาแบบปลอดสาร หรือทำนาอินทรีย์ ซึ่งเป็นการทำนาโดยไม่ใช้สารเคมี หรือปุ๋ยเคมีในกระบวนการผลิต ในการทำนาแบบนี้จะทำให้เกิดความปลอดภัยทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค อีกทั้งเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย และในการทำนาแบบนี้อาจจะทำให้ราคาของข้าวเพิ่มขึ้นอีก20 -30 เปอร์เซนต์
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
12 กันยายน 2549
ขอบคุณท่าน ผศ.ดร. แสวง รวยสูงเนิน เป็นอย่างสูงยิ่งครับ ผมจะพยายามเต็มที่ครับ
ด้วยความเคารพ
อุทัย อันพิมพ์