ในระยะนี้ผมพยายามคิดหาทางช่วยคนที่ยังไม่สามารถเข้าใจพัฒนาการของเนื้อ และผิวพระเนื้อผงปูนได้
โดยเฉพาะ
ความแตกต่างของ
พระสมเด็จที่เพิ่งสร้างใหม่ๆ และพระสมเด็จที่มีอายุมาก ว่ามีอะไรแตกต่างกัน
ผมตระหนักดีว่า
การอธิบายนี้อาจเป็นดาบสองคม คือ
นอกจากจะทำให้นักส่องพระเข้าใจพระมากขึ้น
ก็อาจเป็นช่องทางให้ช่างทำพระเก๊ได้ ทำเนียนมากขึ้น
แต่ผมก็มาชั่งใจว่า
การทำให้คนรู้มากขึ้น น่าจะคิดต่อได้ดีกว่าเดืม การโดนหลอกก็จะยากขึ้นและมีขีดจำกัดในตัวเอง
ประเด็นสำคัญของการพัฒนาการของเนื้อและผิวพระสมเด็จเนื้อปูนเปลือกหอย ก็คือ
ความเข้าใจเชิงปฏิกิริยาของปูน น้ำ และน้ำมัน ในการพัฒนาการของเนื้อพระผงปูนผสมน้ำมันตังอิ้ว
ปูนที่มีในระบบของพระผงปูนก็จะมี
น้ำ
และน้ำมัน ที่ใช้ก็คือนำมันข้นที่เรียกว่า "ตังอิ้ว"
ทั้งนี้ เพราะ ปูนกับน้ำจะทำปฏิกิริยากันได้ดี อย่างต่อเนื่อง ในระบบสารละลาย
ในขณะที่น้ำมันจะเป็นระบบสารแขวนลอย และจะกลั่นรวมตัวกันได้ดี เฉพาะเมื่อมีน้ำน้อยลงหรือแห้งสนิท
และถ้าเนื้อพระแห้งมากๆ นานๆ น้ำมันตังอิ้วก็จะมีแรงการกลั่นตัวและไหลออกมาถึงผิวด้านนอก
การไหลของตังอิ้วจะถูกปิดกั้นด้วยความชื้นที่สูงขึ้นในเนื้อ ที่ผิว หรือรอบๆองค์พระ เช่น การแช่น้ำทั้งร้อนและเย็น แต่การแช่น้ำร้อนนานๆ อาจทำให้น้ำมันบางส่วนระเหยออกมาแทนการไหลตามปกติ
พระเนื้อปูนดิบจะปิดกั้นการไหลของน้ำมันตังอิ้วได้ด้วยความชื้นที่สูงกว่า และช่องทางเปิดที่จำกัดกว่า
และการไหลของน้ำมันตังอิ้วจะถูกเร่งให้ไหลมากขึ้นในสภาพที่ร้อนและแห้ง เช่น การแขวนพระใช้กับตัว ที่มีความร้อนอบอยู่ตลอด
ดังนั้น ถ้าอยากให้พระเนื้อฉ่ำมันก็ต้องแขวนใช้บ่อยๆ
ถ้าอยากให้พระออกนวลสวย ก็ล้างบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชื้นให้กับองค์พระ
และโดยธรรมชาติ พระที่อยู่ในสภาพแห้งจะออกผิวฉ่ำ เพราะจะมีน้ำมันตังอิ้วออกมามาก
ในขณะที่พระอยู่ในสภาพชื้นจะออกผิวนวล เพราะน้ำจะนำปูนออกมาที่ผิวมากขึ้น
เมื่อเข้าใจแล้ว ก็สามารถนำไปใช้ทั้ง
ขอให้โชคดีครับ
น้ำปูนจะมีวันไหลปะคับถ้าเคยแช่แร้วครั้ง2ครั้งคับ