มือใหม่ๆ มักจะไม่เข้าใจ และสับสนปะปนกัน จากความเข้าใจไม่ตรงกัน และบางทีก็พูดแบบเจตนาไม่บริสุทธิ์
สมัยที่ผมเข้ามาในวงการพระใหม่ๆ ได้มีความสับสนในภาษาที่ใช้กันอยู่ในวงการหลายคำ และคำหนึ่งที่ใช้กันมาก ได้ยินบ่อยที่สุดคือ "ความหนึกนุ่ม"
ที่พบว่ามีความหมายทับซ้อนกันอย่างน้อยในสามประเด็น
ที่มือใหม่ๆ มักจะไม่เข้าใจ และสับสนปะปนกัน คือ
- การกลมกลืนของพื้นผิว สี และเนื้อพระ ทางสีสัน ที่มองด้วยตา หรือ จากถ่ายภาพองค์พระ
- ความเรียบมนกลมกลืนของผิว จากการสัมผัส ไม่สากมือ ไม่กระด้าง ไม่มีเหลี่ยมมุมคม และ
- ความนุ่มของเนื้อพระ ที่ได้จากการจับต้อง
ในวงการทั่วไปที่มีคนหลายระดับ ที่ใช้คำนี้ทั้งสามประเด็น อย่างปะปน สับสน เพราะ
- ความเข้าใจไม่ตรงกัน และ
- บางทีก็พูดแบบเจตนาไม่บริสุทธิ์
จึงทำให้ความสับสนของมือใหม่ หัดส่องมีมากขึ้นไปอีก
นอกจากจะใช้ภาษาอย่างปะปนกันแล้ว
ยังมีปัญหาจากความพยายามของช่างทำพระเก๊
กล่าวคือ
ในประเด็นแรก ความนุ่มนวลทางสีสัน
- ช่างทำพระเก๊ มีความสามารถในการทำให้เกิดการกลมกลืนทางสี
- ที่ทั้งดูจากภาพถ่าย และดูด้วยตา
- ถ้าแต่งมาดี พระเก๊ก็ดูแท้ หรือ สวยจากภาพถ่าย
- และยิ่งกว่านั้น
- ความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถของการถ่ายรุป ก็ยังเป็นปัจจัยรบกวนการดูพระแท้-พระเก๊อีกด้วย
- นอกเหนือไปจากความพยายามที่จะซ่อนร่องรอยเก๊
- จากการถ่ายรูป และแต่งรูป ให้ดูนุ่มตา กลมกลืน
- จึงทำให้การดูพระจากรูปมีอัตราเสี่ยงพอสมควร
- จึงควรขอดูหลายๆมิติ และเน้นๆ
- และถ้าเป็นไปได้ ขอดูองค์จริงไปเลย
ประเด็นที่สอง ความเรียบมนของผิว ที่รู้ได้จากการสัมผัสผิว
- ไม่มีจุดคม
- ไม่มีเหลี่ยมมุม
- ไม่มีจุดสากมือ
- ที่ถ้าช่างแต่งมาดี พระเก๊ ก็เนียนมนได้ จากการสัมผัส
- จึงต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย
และประเด็นที่สาม ความนุ่มในเนื้อพระ ที่จะรู้ได้ด้วยการจับต้องเท่านั้น
- ที่ยังไม่พบว่าแต่งได้
- เพราะเกิดอยู่ในเนื้อพระ จับต้องจะรู้ทันที
- แบบเดียวกับการเลือกผลไม้ จำพวกมังคุด ระดับความสุกของเนื้อทุเรียน หรือความสดของผลไม้ต่างๆ
- จะต้องไม่บีบมาก แต่กดเบาๆ ก็จะรู้ได้
- ข้อนี้ต้องชิน และอาศัยการฝึกพอสมควรครับ
ภาษาที่ใช้กันก็อยู่ประมาณนี้ครับ