...๑ กรกฏาคม ๒๕๕๕...
...pax vobiscum.. (๑๔)
ขอบคุณค่ะเรื่องดีๆ ที่ชลัญคงไม่มีโอกาสได้ไปเรียนรู้ ขอเรียนรู้ผ่านบล็อกอาจารย์ก่อนค่ะ
ส่องนกต้องใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว ด้วยใจเย็น
ขอบคุณอาจารย์ขวัญที่นำมาแบ่งปันจากพากเพียร
สวัสดีค่ะอาจารย์
เป็นการทำงานการเรียนที่น่าเรียนน่าศึกษามากค่ะ น่าอิจฉาน้องๆ ที่ได้ทำในสิ่งที่ใจรัก ขอเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จโดยเร็วค่ะ
ชอบภาพลูกนกมากค่ะ ไม่เคยได้เห็นแบบนี้เลย ตื่นเต้นแทน ;)
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ พบ. ชลัญธร ..บังวอญ่า.. จ่าหมาย และน้องปริม..เป็นการเรียนรู้ที่สนุกและฝึกอะไรมากมายค่ะ...น้องชลัญธร ...โดยเฉพาะความอดทน...ที่ต้องตื่นเข้าไปยังพื้นที่ก่อนนก และ กลับหลังจากนก...อย่างกะที่..บังวอญ่า.. ว่าไว้"ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว" เป็นความภูมิใจที่ พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเรือนจำกลางปัตตานี หน่วยงานรักษาเอาไว้ และท่าน ผบ.และเจ้าหน้าที่ที่นั่นเห็นความสำคัญ..เราจึงได้เข้าไปใน "คุก"ทุกอาทิตย์ค่ะ..สมัยนั้น..ก่อนเข้าไปทำวิจัย ก็ต้องรายงานตัวอย่างแข็งขัน เพราะชีวิตท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ แต่ไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับเรา เพื่อการเรียนรู้
ส่วนงานวิจัยของนักศึกษาปโท. อยู่ในระหว่างการตีพิมพ์เผยแพร่ (ที่แก้ไขมาหลายรอบแล้ว รอการตอบรับว่า accept หรือให้แก้ไขอีก :-(( หากได้เผยแพร่ดังที่คิดไว้ คงจะนำมาแบ่งปันที่นี่ต่อไปค่ะ ..น้องปริม..และภาพลูกนกนั้น..ตั้งแต่เค้าฝักออกมา เป็นอย่างที่เห็น ทั้งพ่อและแม่ก็ผลัดกันยืนบังแดดให้ เมื่อแสงแดดจัดในยามสาย เที่ยง บ่าย เพราะลูกนกยังไม่มีขนตัว อุณหภูมิมีผลมากในช่วงแรกๆ หรือแม้กระทั่งการป้อนอาหาร พ่อแม่จะใช้เวลามาก ทั้งฝึกให้รู้จักปลา (ที่ยังมีชีวิต) และอื่นๆ ถ้าลูกไม่กิน พ่อแม่ก็จะรอที่จะสอนให้รู้จัก และกินได้ ในเวลาต่อๆมา ..เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการประมวลพฤิตกรรมของ พ่อ แม่ ลูกในแต่ละรังค่ะ .. amazing จริงๆ :-))
ขอบคุณค่ะ น้องแอ๊ด..ที่แวะเข้ามาทักทาย..อืมม์...ตัวนี้เหรอ ถ่ายรูปได้ชัดเจนนะค่ะ เอียงคอท่าสวยด้วย เจ้านกช่างฉลาดนักหล่ะค่ะชนิดนี้.. (Yellow -vented Bulbul) ที่ปักษ์ใต้ ใน มอ. ตานี พี่มีกิจกรรมใส่ห่วงขานก (bird ringing) ทำมาสัก 5 ปีแล้วหล่ะ ปฏิบัติต่อเนื่องทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง ถือเป็นโอกาสในการเจอพลพรรค น้องๆที่สนใจรักธรรมชาติ และลูกเล็กเด็กแดง ของอาจารย์ในมอ. หรือใครๆที่สนใจ เราก็ปลูกฝังความใกล้ชิดธรรมชาติให้ มาร่วมกิจกรรมกะเรา แฮ่ๆ พี่เป็นหัวหน้าเด็กๆตั้งแต่ตัวน้อย จนตัวโตๆค่ะ..จะบอกให้ว่า เจ้าปรอดหน้านวลชนิดนี้ (บางพื้นที่เรียก ปรอดหน้าหมา:-)) หลังจากที่ได้แหวน (ring) ไปมากพอดู และจับได้ใหม่ที่ใส่แหวนแล้วก็มี (recapture) เพราะเป็นนกประจำถิ่นที่นี่. ต่อมาเราก็ไม่ค่อยได้ใส่แหวนให้อีกเลย จะไ้ด้อีกครั้งก็เมื่อ นกรุ่นใหม่ เข้าสู่ระบบ...อย่างเดือนนี้ (มิย.) เพิ่งเสร็จกิจกรรมไปเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้นกปรอดหน้านวลหลายตัวเชียวค่ะ แต่เป็นนกวัยละอ่อน (juvenile) ปีแรกทั้งงั้น ...ตัวพ่อแม่ไม่มาย่างกรายให้จับได้...แต่มาทำรังทีต้นไม้เล็กๆ หน้าห้องพี่ปีละหลายคู่เชียวค่ะ เลยแอบดูได้ถนัดทั้งกลางวันกลางคืนเลยนะ เพราะอยู่ข้างหน้าต่าง จะเปิดไฟก็ต้องเกรงใจเค้า สงสัยว่าจะชอบที่ตรงนั้นเพราะเงียบดี เจ้าของห้องเลยต้องระวังไม่ให้รบกวนนก ..ของน้องแอ๊ดอยู่หลังห้องเหรอค่ะ?? ...ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ:-))
ขอบคุณ..ทุกท่านที่มอบดอกไม้....สำหรับบันทึก.. "ที่แห่งนี้มีรัก".. ค่ะ
ขอบคุณค่ะ อ.วิ ที่ชอบคล้ายๆกัน บรรยากาศที่บ้านอาจารย์ก็น่าจะมีนกมากมาย หลายชนิดนะค่ะ.. อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติก็ได้เรียนรู้จากธรรมชาติ ที่สอนโดยการเข้าใกล้ และเรียนรู้อะไรมากมายค่ะ...ถือโอกาสเป็นหัวหน้าแกงค์นำทีมเด็กๆเข้าไปศึกษาเรียนรู้ค่ะ องค์ความรู้ก็เลยส่งผ่านมารุ่นต่อรุ่น ช่วยกันหมุนไปด้วยกันเป็นทีม สักวัน natural history ของบ้านเราก็คงจะมีความชัดเจนขึ้น ถ้าทำไปอย่างต่อเนื่องค่ะ...อ. วิค่ะ รอชม planet birds นะค่ะ :-))
ศึกษาธรรมชาติ อย่าได้หยุด นะครับ เพราะธรรมชาตินี่แหละ คือวิชาที่สอน คน
คุณ แว่นธรรทองค่ะ...เห็นด้วยค่ะ ธรรมชาติคือวิชาที่สอน..คน...เพียงแต่บางครั้งผู้ถูกสอนจะรู้หรือไม่ ว่ากำลังถูกสอนเรื่องอะไร?? คล้ายๆกับจูน (tune) คลื่นไม่ติดหรือไม่ตรงกัน..?? บางครั้งถ้าไม่ปรับตัวให้รับรู้ได้ ก็พลาดไม่ได้เรียนรู้ในสิ่งนั้นๆ ปัจจุบันนี้การดำรงชีวิตมักจะแยกตัวจากธรรมชาติ จนจูนกันยากมากขึ้น สัมผัส รับรู้ที่ดีๆที่มีอยู่ ก็ไมได้รับการขัดเกลา จนเกือบจะนำมาใช้ไม่ได้ ค่ะ..ในฐานะ "ผู้สอน" ก็เลยทำหน้าที่ส่วนนี้มากขึ้นค่ะ บ่มเพาะทั้งองค์ความรู้และิด้านจิตวิญญาน
ส่วนที่ว่า ..ศึกษาธรรมชาติ "อย่าได้หยุด".. อืมม์ ... อันนี้แทนที่จะไม่หยุด ขอเป็น ชลอบ้าง ช้าลงบ้าง ส่งไม้ผลัดกันไปบ้างในทีม ...จึงเน้นการเรียนรู้เป็นทีมค่ะ ..คงได้นะค่ะ...กรณีเรื่องนกที่เราศึกษา มีการเปลี่ยนแปลงเป็นฤดู เราก็เลยทำงานแบบหนักบ้าง เบาบ้าง หยุดพักเพื่อหาเวลามาร่วมพินิจ พิเคราะห์ ใคร่ครวญสิ่งที่ผ่านมาบ้าง เผื่อจะสกัดองค์ความรู้เพื่อแลกเปลี่ยน/แบ่งปันกันได้บ้าง จะไ้ด้รู้สึกว่า มีความสุข และไม่หนักเกินไป..มีกำลังใจ ที่จะตามฝัำน ไปนานๆค่ะ :-)) ..ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย ฝากข้อคิดไว้...-^