อารมณ์เหนือเหตุผล(อีกแล้ว)


เคยพูดคุยกับลูกศิษย์ ม.1 เรื่องผี ใครว่าผีมีจริง? คนยกมือตอบว่าเชื่อมีไม่กี่คน จึงถามต่อ แล้วใครกลัวผีบ้าง? ทุกคนในชั้นยกมือพรึ่บ!อย่างพร้อมเพรียง(ฮา) ตามมาด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหลายๆคนอย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล”(ฮา) วันนั้นสัพยอกเด็กๆไปอย่างนั้น

เมื่อวานก่อนสอน ม.4 เรื่องวัฏจักรของสาร การเรียนการสอนในห้อง พยายามจะให้นักเรียนคิดเองทำเองให้มากที่สุด เท่าที่เวลาและความพร้อมที่ทั้งตัวเองและโรงเรียนมี สำหรับครั้งนี้เตรียมการตั้งแต่สัปดาห์ก่อนหน้า ด้วยการแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ตัวแทนกลุ่มจับฉลากเลือกเรื่องย่อยที่จะไปร่วมกันศึกษามาก่อน ได้แก่ วัฏจักรคาร์บอน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และกำมะถัน

ดังนั้นงานที่มอบหมายเป็นการบ้านก็คือ แต่ละกลุ่มวาดภาพแสดงวัฏจักรสาร ตามที่กลุ่มตัวเองรับผิดชอบหรือจับฉลากได้ พร้อมทำความเข้าใจให้กระจ่าง จนสามารถอธิบายให้เพื่อนกลุ่มอื่นฟังได้เลยว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิด มีลำดับขั้นตอน กระบวนการใด เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิตอย่างไรบ้างอธิบายได้หมายถึงเข้าใจตัวเองเชื่ออย่างนั้นครับ

ถึงวันเวลาเรียนจริง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจับคู่กลุ่ม แล้วแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันและกัน ด้วยการอธิบายเรื่องของตนเองที่ได้ศึกษามาล่วงหน้าให้เพื่อนกลุ่มอื่นเข้าใจ ในขณะที่กลุ่มตัวเองก็ต้องรับฟังความรู้จากเพื่อนกลุ่มอื่นจนเข้าใจด้วยเหมือนกัน ทำซ้ำๆอย่างนี้จนกระทั่งแต่ละกลุ่มได้ฟังความรู้เรื่องอื่น จากเพื่อนกลุ่มอื่น จนครบสาระสำคัญทุกเรื่อง

จากนั้นประเมินผลแต่ละกลุ่มด้วยการแข่งขันตอบปัญหา ตามลำดับขั้นตอน ครูตั้งและอ่านคำถาม แต่ละกลุ่มร่วมกันคิดหาคำตอบ ครูสุ่มเลือกสมาชิกในกลุ่มเป็นตัวแทน 1 คนให้ออกมาเขียนคำตอบ โดยการจับฉลากหมายเลขสมาชิก ซึ่งได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว ปกติตัวเองจะจำกัดเวลาแต่ละลำดับขั้นให้เหมาะสม เพื่อกระตุ้นความกระฉับกระเฉง

ประสบการณ์ที่ผ่านมาค่อนข้างมั่นใจครับว่า การแข่งขันตอบปัญหา หรือให้แข่งขันกันนั้น โอกาสที่จะไม่สนุกสนานไม่มี และแล้วก็เป็นดังคาด เหล่าลูกศิษย์คึกคัก สนุกเฮฮากันมาก ลุ้นเงียบกริบทุกครั้ง ทุกข้อ ยามที่ครูจับฉลากสุ่มเลือกตัวบุคคลให้เป็นตัวแทนกลุ่มออกมาตอบ

หมดชั่วโมง หัวหน้าห้องซึ่งขณะนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เปรยต่อหน้าครูดังๆเรียนอย่างนี้สนุกดี เข้าใจ ไม่เครียด ความรู้ที่ได้คงจำไปจนตาย

ตัวเองนึกขำคำพูดแก โดยเฉพาะประเด็นท้ายสุด “ความรู้ที่ได้คงจำไปจนตาย” ในใจนึกถึงประโยคเดิมๆที่เคยพูดกับ ม.1 มาแล้ว เมื่อหลายปีก่อน..

อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล(ฮา)

หมายเลขบันทึก: 492859เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2012 22:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กันยายน 2015 16:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
  • อารมณ์เหนือเหตุผล เพราะขาดสติไตร่ตรอง..

  • ชอบการเรียนรู้ร่วมกันเช่นนี้ค่ะ..

  • ปล่อยให้อารมณ์นำไปก่อนแล้ว ทั้งยังไม่ได้คิดอะไรละเอียดรอบคอบเลย การตัดสินใจก็อาจดูเหนือจริงได้ง่ายๆครับ (ฮา) 
  • ขอบคุณพี่ใหญ่ นงนาทครับ

บางครั้งการใช้ทั้งหัวใจและสมองในการเรียนรู้ก็สนุกและได้ความรู้ไปพร้อมๆ กันนะคะ ควบคู่กันไปขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป การเรียนรู้คงกร่อยไปนิดนิด

มาถึงวันนี้ยี่สิบกว่าปีผ่านไปยังจำได้ถึงวันที่หัวเราะกันท้องแข็งในการเรียนวิชาฟิสิกส์ที่อาจารย์อธิบายเรื่องกฎนิวตันได้อย่างสุกสนาน

ขอบคุณค่ะที่ชวนระลึกถึงความหลังแทบทุกครั้งที่มาอ่านบันทึกของอาจารย์ค่ะ

  • "เรียนด้วยหัวใจและสมอง" ขอบคุณครับ
  • สำหรับตัวเองประสบการณ์ที่ผ่านมา การจัดให้เด็กๆเรียนรู้ด้วยหัวใจดูจะยากกว่าการจัดให้เรียนรู้ด้วยสมองเยอะ แต่ก็ยังพยายามอยู่ตลอดครับ 
  • ขอบคุณคุณปริมอีกครั้งครับ

เรียนท่านอาจารย์ ธนิตย์

สอนให้คิด เรียนให้ รู้คิดรู้ทำ...

ภาษาเวทีชุมชนผมบอก อย่ารู้ตามที่เขาบอก แต่ต้องคิดให้ออกในสิ่งที่เขาพูด

เคยถูกถามในเวที ชาติหน้ามีจริงหรือไม่.....ถ้าชาติหน้าไม่มี.เราถูกหลอกให้ทำดี เพื่ออะไรกัน.......

เจอคำถามนี้ อภิปรายกันยาว แบบต่อเนื่อง ยกแม่น้ำทั้งห้า ยกราชาทั้งเก้า ยกเรื่องเล่าศาสนามาประกอบ

สุดท้ายก็ตอบว่า"ชาติหน้าคือสิ่งที่มาไม่ถึง ยังไม่ใครเห็น สิ่งที่เห็นที่รู้คือสิ่งที่ผ่านมา

ชาติหน้าก็เหมือนวันพรุ่งนี้ เราเชื่อว่ามีวันพรุ่งนี..เราเชื่อว่าต้องมีชาติหน้า.....เหนื่อยแต่ได้ปัญญากับคำถามที่ปัญญา

***ในการสอนวรรณคดี มีสำนวนที่เป็นโวหารอุปลักษณ์ พี่เคยเปรียบเทียบเยลลี่ 2 ถ้วย กับเขาพระสุเมรุที่เอนยอดเขาเข้าหากัน ...นักเรียนไปสอบเรียนต่อ แล้วโทรมาบอกว่า ครูครับภูเขาเยลลี่ของครูออกข้อสอบด้วย ตรงประเด็น “ความรู้ที่ได้คงจำไปจนตาย” จากการเชื่อมโยงให้เข้ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในชีวิตประจำวันเท่านั้น

*** การสอนวิธีคิดวิเคระห์ ด้วยการให้อ่าน ให้พูด และนักเรียนเขียนสื่อความได้ เป็นความรู้ที่ฝังลึกได้หากบริบทของการเรียนการสอน มีบรรยากาศที่สนุกสนาน และเด็กๆสามารถโยงเข้ากับเหตุการณ์และสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวันได้

*** เมื่อเด็กๆกลุ่มนี้เข้ามหาวิทยาลัย เขาจะดึงประสบการณ์ที่ถูกฝึกให้คิดมาใช้ ได้อย่างรวดเร็ว พี่ชอบห้องเรียนคุณภาพของ อ.ธนิตย์นะ

  • คำถามที่ชวนหรือท้าทายให้คิด มักคาบลูกคาบดอกนะครับ ชาติหน้า-ชาตินี้ นรก-สวรรค์ ความดี-ความเลว ฯลฯ หมายถึงออกหัวหรือก้อยก็ได้ ขึ้นว่าเหตุผลใครดีกว่า..แต่อย่างไรก็ตาม เป็นดังท่านวอญ่าว่าครับ คำที่ร่วมกันอภิปราย หรือข้อถกเถียง ล้วนสร้างปัญญา 
  • ขอบคุณท่านวอญ่าครับ
  • แค่นึกถึงตัวเองครับ ที่หลงๆลืมๆ กุญแจวางไว้ไหน ปิดไฟปิดแก๊สหรือยัง เมื่อตะกี๊ล็อครถแล้วหรือเปล่าหนอ..ฮาๆๆ อะไรพวกนี้ครับพี่ 
  • เชื่อมโยงสาระเข้ากับชีวิตจริง อ่าน พูด และเขียนสื่อความ รวมถึงสร้างบรรยากาศที่ดี..เป็นกิจกรรมหรือวิธีที่สามารถสร้างความรู้ฝังลึกให้เกิดขึ้นได้
  • ขอบคุณพี่กิติยามากครับ

ขอบคุณที่ให้ตัวอย่างการสร้างอารมณ์ "ลุ้น" ในพื้นที่ปลอดภัยแบบนี้ค่ะ :)

  • สุดยอดเลยครับ
  • ต่อยอดลงไปศึกษาเรื่องในชุมชนได้จะเยี่ยมมากๆเลยครับ

สวัสดีและขอบคุณค่ะคุณครู :)

  • พยายามคิดและทำเท่าที่ทำได้ เพื่อไม่ให้คนเรียน รวมทั้งคนสอนเซ็งครับ.. 
  • ขอบคุณอ.หมอป.ครับ
  • บางเรื่องจะพยายามบ้างครับในเรื่อง"ชุมชนที่เขาอาศัยอยู่"
  • ขอบคุณอ.ขจิตครับ
  • สวัสดีคุณPooเช่นกันครับ..หายไปนานเลยครับ 
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนนะครับ
  •  การเรียนรู้อะไรก็ตาม ถ้าเด็กสามารถอธิบายได้แสดงว่าเข้าใจ เป็นกุศโลบายที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ  และแน่นอนว่าเป็น “ความรู้ที่ได้คงจำไปจนตาย” 
  • อยากเห็นคุณครูในประเทศไทยสอนแนวนี้ถ้วนหน้ากันค่ะ จำแบบไม่ท่องจำ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำแล้วติดตัวไปจนตายเลยค่ะ 

ชอบกิจกรรมในทำนองนี้มากครับ..
เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์ทั้งในระดับปัจเจก-สังคม

ผมจะเน้นให้เล่าเรื่อง..
ฝึกให้ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยกลไกการเล่าเรื่อง
เสมือนการนั่งโสเหล่ในวิถีชีวิตประจำวันที่เราคุ้นเคยกัน..

...ชื่นชมครับ...

ÄÄÄÄÄ....คุณครูเจ้า..ขา..."ถ้าหนู..เหม็นหน้า..และเบื่อ..คำพูดคุณครู"..มีอารมณ์ที่เหนือเหตุผล ของ คุณครู..จะให้..หนู..ทำไง..เจ้าคะ..หนูคิด..ตรงนี้ไม่เป็น..เจ้าค่ะ...หนูอยากเรียน ปลูกข้าว..ทำนา..ช่วยแม่..ปู่ย่า..ตายาย..เรา..ขาดแรงงานต่อเนื่อง...คุณครูบอกว่า...ปลูกข้าว..เป็นแหล่งทำให้..โลก..ร้อน..ทำลายผืนป่า..แต่..พวกหนูต้องกินข้าวทุกวัน....แถมต้อง.มาเรียน..แปด..ชม..ต่อวัน..การบ้านเพียบ..เขียนรายงาน..ก็ต้องใช้.คอม..(ไม่งั้น..จะเป็นควาย)...กลับบ้าน..เห็นเจ้าหนี้มาทวงดอก..พ่อแม่เป็นประจำ...พื้นนา..หด..สั้นลง..ทุกปี....(มโนสาเหร่....อ้ะะ..ยายธี)....

  • ถ้าได้คิดและลงมือทำเอง ความรู้หรือประสบการณ์จะอยู่นานกว่าการเรียนรู้ด้วยวิธีอื่นๆ..จากประสบการณ์ที่ผ่านมาตัวเองเชื่อเช่นนั้นครับ 
  • ขอบคุณคุณSila Phu-chaya ที่ให้เกียรติแวะเยี่ยมเยือน พร้อมร่วมแสดงความเห็นครับ
  • สำหรับตัวเองแล้วเรียนรู้กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดีๆในgotoknowแห่งนี้มากมายเลยครับ รวมทั้งจากบันทึกของอาจารย์ด้วยครับ.. 
  • ขอบคุณอ.แผ่นดินครับ
  • เด็กๆหัวเราะพร้อมโห่ฮาอยู่เรื่อยเหมือนกันครับ ยามที่ครูพลั้งเผลอนำอารมณ์ตัวเองครอบงำเหตุผลดีๆที่เด็กๆรู้ทัน ฮาๆๆ 
  • ขอบคุณท่านยายธีครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท