ชนิดของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน (Ischemic stroke) เกิดจากหลายสาเหตุ ...
เกิดจากเส้นเลือดใหญ่ในสมองแข็งและตีบตัน (atherothrombosis) ทำให้เนื้อสมองตายเป็นบริเวณกว้าง และอาจเกิดสมองบวมกดเนื้อสมองข้างเคียงตามมาได้
เกิดจากก้อนเลือดเล็กๆ มาตามกระแสเลือด มาอุดตันเส้นเลือดใหญ่ในสมอง (embolism) อาจมาจากหัวใจ(cardioembolic) หรือเส้นเลือดใหญ่ก็ได้(artery to artery)
เกิดจากการเสื่อมของเส้นเลือดเส้นเล็ก (lacunar infarction) บริเวณเนื้อสมองตาย จะไม่มากแต่ผู้ป่วยอาจจะอ่อนแรงมากๆได้
โรคหลอดเลือดสมองแตก (Intracranial hemorrhage) มีได้หลายชนิด ...
เลือดออกในเนื้อสมอง (intracerebral hemorrhage) เกิดจากผนังเส้นเลือดเสื่อมสภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงนานๆ หรือควบคุมความดันโลหิตได้ไม่ดี
เลือดออกในเนื้อสมองจากการที่เส้นเลือดมีสารอมัยลอยด์สะสม (amyloid angiopathy)และทำให้เส้นเลือดแตก มักมีอาการสมองเสื่อมร่วมด้วย มักพบในคนสูงอายุ แต่พบได้ไม่บ่อยนัก
การแตกของเส้นเลือดโป่งพอง (ruptured aneurysm) ในช่องที่อยู่ของน้ำไขสันหลัง(subarachnoid hemorrhage) ซึ่งผู้ป่วยมักมีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วย
เส้นเลือดดำและแดงต่อกันผิดปกติ (arteriovenous malformation) ทำให้มีเลือดออกทั้งในเนื้อสมองและในช่องที่อยู่ของน้ำไขสันหลัง (subarachnoid hemorrhage)มักพบในคนอายุน้อย ไม่ทราบสาเหตุ
โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน (ischemic stroke)
เกิดจากการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนใดส่วนหนึ่ง ทำให้เกิดอาการผิดปกติของการทำงานร่างกายส่วนที่สมองส่วนนั้นๆ ควบคุม ทั้งนี้ถ้าอาการอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมงจะเรียกว่าเป็น การขาดเลือดแบบชั่วคราว (Transient ischemic attack หรือ TIA.หรือ mini-stroke) ซึ่งโดยมากอาการมักไม่นานเกินครึ่งชั่วโมง
ความสำคัญคือถ้าเกิด การขาดเลือดแบบชั่วคราว (TIA) แล้ว ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบตันถาวร ตามมาได้ถึง 1 ใน 10คน ในสัปดาห์แรก และประมาณ 2 ใน 10คน ในเดือนแรก หลังจากนั้นโอกาสจะน้อยลงเป็นประมาณ 4-5 ใน 100 คนต่อปี แพทย์จึงเน้นให้ผู้ป่วยที่สงสัยว่าตนมีอาการของการขาดเลือดแบบชั่วคราวมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
อาการที่จะทำให้คิดถึงโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน
อาการทางระบบประสาทที่เป็นอย่างรวดเร็ว หรือ ทันที
อ่อนแรงครึ่งซีก ชาครึ่งซีก
มองไม่เห็นครึ่งซีก
ตาบอดชั่วขณะ
พูดไม่เป็นภาษา หรือไม่เข้าใจภาษา
เวียนศีรษะตลอดเวลาโดยไม่ขึ้นกับการเปลี่ยนท่าทาง
เดินเซ ภาพซ้อน ตาเหล่ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัจจัยเสี่ยง
ทั้งนี้โอกาสที่จะเกิดโรคในแต่ละคนแตกต่างกันขึ้นกับปัจจัยที่เสี่ยงเช่น อายุมาก เพศชาย และ การมีประวัติคนในครอบครัว ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ จะมีโอกาสเป็นโรคมากกว่า คนอายุน้อย เพศหญิง และ คนที่ไม่มีประวัติในครอบครัว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนแปลงได้
ปัจจัยเสี่ยงอื่นได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ปัจจัยเสี่ยงกลุ่มนี้สามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนได้ด้วยการรักษาต่อเนื่อง และการใส่ใจดูแลตนเองของผู้ป่วย
มีรายงานว่าการดื่มเหล้าปริมาณเล็กน้อยไม่เกินวันละหนึ่งแก้วช่วยลดการแข็ง ของเส้นเลือด แต่ถ้าดื่มมากเป็นประจำจะเป็นพิษต่อตับ เกิดตับแข็ง โรคอ้วน ตับอ่อนอักเสบ เบาหวาน และ เส้นเลือดในสมองแตก เนื่องจากผลการศึกษาไม่แน่ชัด และประโยชน์ที่ได้เพียงเล็กน้อยโดยทั่วไปแพทย์จะไม่แนะนำให้ผู้ป่วยดื่ม เหล้าด้วยเหตุผลดังกล่าว
การรักษา
การใช้ยา เช่น ยาต้านเกร็ดเลือด เช่น แอสไพริน(aspirin) คโรพิโดเกล(clopidogrel) ไดไพริดาโมล(dipyridamole) หรือการใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin)
ถ้าผู้ป่วยมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ การรักษาโดยการผ่าตัดจะใช้ในบางกรณีทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ ระยะของโรค และการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วย เช่น ถ้าสมองส่วนที่ตายเกิดบวมมากจนกดสมองส่วนอื่นก็จำเป็นต้องผ่าตัด หรือ การผ่าตัดเส้นเลือดที่คอตีบที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการสมองขาดเลือด ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นรายๆไป
การป้องกัน
จึงเน้นที่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงเช่น คุมเบาหวาน ไขมัน ความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รักษาโรคร่วมเช่นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ อย่างต่อเนื่อง งดสูบบุหรี่ เหล้า และออกกำลังกายเป็นประจำ
ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นซ้ำหรือไม่
ถึงแม้ผู้ป่วยจะได้ยาต้านเกร็ดเลือดระยะยาว แต่1 ใน 4 ของผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน มีโอกาสเกิดซ้ำได้ใน5 ปี แอสไพรินจะลดโอกาสเกิดเส้นเลือดในสมองตีบซ้ำ ลงไปร้อยละ18 (เช่นจาก 5คน เป็น 4คน) นั่นหมายถึง ยาไม่ได้ป้องกันการเกิดซ้ำได้ทุกราย ยิ่งกว่านั้นการเกิดเล้นเลือดในสมองตีบซ้ำจะทำให้มีโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมตามมาในภายหลัง “ดังนั้น ผู้ป่วยจะต้องทานยาตลอดชีวิต ดูแลตนเองและควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”
ข้อมูล : http://www.phyathai.com by ไพโรจน์
สร้างเสริมสุขภาพ.....ดีกว่า....ป่วยไปเสียแล้วนะคะ....ดังนั้น...ควรป้องกัน..ให้มากๆนะคะ...โดยเฉพาะ การสูบบุหรี่....พฤติกรรมสุขภาพ
ขอบคุณสำหรับ บทความดีดีนี้นะคะ
แวะมาชวนชาวมโนรมย์ ไปชิมชาโบราณที่รพ.สตูล