การเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพใน ปี 1991 ช่วยให้ชีวิตเธอพ่านพ้น จากการสิ้นหวัง ท้อแท้ พร้อมๆกัน นั้นโอกาสพิเศษนี้ดูราวจะเป็นลำแสงที่สาดส่องให้โลกมองเห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในพม่า.
สดุดี “อองซานซูจี”.. สตรีที่โลกยกย่อง..สันติภาพ & การปรองดอง..ในพม่า
(ภาพ: http://www.huffingtonpost.com/2012/06/16/myanmar-aung-san-suu-kyi-nobel-peace prize _n_1602284.html?utm _hp_ref=fb&src =sp&comm _ref=false)
คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (16 มิย.'55) หากใครได้ชมรายการ BBC เผยแพร่ภาพและเหตุการณ์ที่น่าประทับใจยิ่ง .. อองซานซูจี.. กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ย้อนหลังจากการที่ได้ประกาศเป็นทางการไปถึง 21 ปี...(1991).... จนกระทั่งมีวันนี้ ขอสดุดีสตรีนักต่อสู้ เสียสละ มีคุณธรรม เพื่อจรรโลงความถูกต้อง เป็นบรรทัดฐานที่ดีของสังคมและโลกต่อไป..
ติดตามฟังคำกล่าว (speech) ของซูจี อย่างชื่นชม มีหลายตอนที่ปรบมือไปพร้อมกับแขกผู้มีเกียรติ 600 คนที่นั่งร่วมเป็นสักขีพยาน รวมทั้งคณะกรรมการ กษัตริย์และราชินีแห่งนอร์เวย์ ..ซูจีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเตรียมร่างสุนทรพจน์ครั้งนี้ว่า ..เน้นเรื่องของสันติภาพ ซึ่งสะท้อนมาจากตัวเธอเอง..
อองซานซูจี วัย 66 ปี กล่าวชื่นชมว่า การเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพใน ปี 1991 ช่วยให้ชีวิตเธอพ่านพ้น จากการสิ้นหวัง ท้อแท้ พร้อมๆกัน นั้นโอกาสพิเศษนี้ดูราวจะเป็นลำแสงที่สาดส่องให้โลกมองเห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในพม่า
ขณะที่ซูจี ยืนกล่าวบนโพเดียม ถ้อยคำที่เรียงร้อยออกมา ย้อนหลังไปทำให้เรานึกถึงภาพความรู้สึก ที่ซูจีได้ยินข่าวครั้งแรกว่าเธอเป็นผู้ได้รับรางวัล โนเบลนี้เมื่อ 21 ปีที่แล้ว...ชีวิตการถูกกักบริเวณให้อยู่เฉพาะในบ้าน ซูจีรู้สึกราวกับว่าตนเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ “โลก” ที่ใครๆเผชิญในความเป็นจริง โลกของเธอดูราวจะแตกต่างจากผู้อื่น....จากนั้นเธอให้สัมภาษณ์ว่า.. สิ่งที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องไม่แตกต่างกันไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ..
หลายคนที่ได้มีโอกาสฟังในคืนนั้นก็จะรับรู้ได้ว่า สิ่งที่ อองซานซูจี ได้กล่าวออกมา และจากการสัมภาษณ์เพิ่มเติม เธอได้รับการยกย่อง ควรค่าแก่การได้รับรางวัลนี้..หลายประโยคที่ สร้างแรงบันดาลใจได้ดี และเมื่อซูจีกล่าวต่อเนื่องกรณีผู้ที่ยังถูกจองจำในคุก จากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย (prisoner of conscience) ในพม่า ตามด้วย.. "As you look at me and listen to me, please remember the often repeated truth that one “prisoner of conscience” is one too many," จบประโยคนี้ เสียงปรบมือจากแขกผู้มีเกียรติ ทำลายความเงียบในห้องนั้นลง....
หรืออีกหลายๆตอน..ที่สะท้อน สันติภาพ (peace) ทั้งในที่อื่นๆบนโลกและในพม่าเอง “the Burmese definition of peace -- it really means removing all the negative factors that destroy peace in this world. So peace does not mean just putting an end to violence or to war, but to all other factors that threaten peace, such as discrimination, such as inequality, poverty."
หรือแม้แต่ ใช้วิถีแห่งพุทธ..ในการเข้าถึงสันติภาพที่แท้จริงแบบองค์รวม Touching on the Buddhist concept of peace and kindness, or compassion, she said “perfect peace is not of this earth, [but] common endeavours to gain peace will unite individuals and nations in trust and friendship and help to make our human community safer and kinder.”
คำกล่าว (speech) และ lecture ที่ซูจีให้ไว้ มีประเด็นที่น่าสนใจอีกมาก.. รวมทั้งการให้สัมภาษณ์ในรายการย่อยต่างๆของสำนักข่าวต่างๆ ได้เผยแพร่ไว้หลายที่..ใครสนใจก็หาอ่านเพิ่มเติมได้ค่ะ...
..quote คำกล่าวของหลายคนที่กล่าวถึงเธอ...
-
"In your isolation, you have become a moral leader for the whole world"…
-
"There's so few people in the world willing to sacrifice everything for justice and peace. She's in the same league as Nelson Mandela. Everyone should cherish and honor her,"....
-
I have been inspired by Aung San Suu Kyi's courage and unfailing pursuit of justice and human rights for years. She truly is a beacon of hope in a world which has grown so cynical and distrusting.....
-
I admire people who stand up for what's right and decent in any society. There are too many people who just follow along and do not think of why. This woman is to be admired for her courage and her trying to change something that is just wrong!....
- (ที่มา: http://www.huffingtonpost.com/2012/06/16/myanmar-aung-san-suu-kyi-nobel-peace-prize_n_1602284.html?utm_hp_ref=fb&src=sp&comm_ref=false)
หวนกลับมาคิดถึงบ้านเมืองเรา.. เปลี่ยนอารมณ์จากความชื่นชมเป็น..ขมขื่นในบัดดล...สันติภาพและ การปรองดองแห่งชาติไทย สมัย ญ..หญิง..ป..ปู :-((
..๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๕...
...pax vobiscum..
(๑๓)