วิถีชีวิตเกษตรกรกับการพัฒนา จากที่ประเทศไทยเราได้ใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจมากว่า 4 ทศวรรษ ต่างก็มุ่งหวังที่จะมีการส่งเสริมการผลิตในระดับเกษตรกรให้ใหญ่ขึ้น เน้นการผลิตเชิงเดี่ยวผลิตให้ได้มากๆ เพื่อจะได้ผลผลิตมากๆ ดังนั้นจึงทุ่มปัจจัยการผลิตลงไปอย่างไม่อั้น แต่สุดท้ายเมื่อบวกลบคูณหารแล้ว ผลผลิตที่ได้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน และมีการหมักหมมมาเรื่อยๆ ทำให้เกษตรกรเป็นหนี้อย่างไม่หยุดยั้งจนกระทั่งเป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้
เกษตรประณีตกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ทำอย่างไรเราจะไม่เป็นหนี้ แล้วหนี้ที่เรามีอยู่จะทำอย่างไรจึงจะหมด "เป็นคำพูดของพ่อชาลี มาระแสง" ปราชญ์ชาวบ้านแห่งลุ่มน้ำห้วยปลาแดก จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งในปัจจุบันไม่มีหนี้สินแล้ว และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง พ่อชาลี เล่าให้ฟังว่า ประมาณปี 47 ได้เข้าร่วมประชุมกับปราชญ์ชาวบ้านอีสาน ซึ่งมีนายแพทย์ อภิสิทธิ์ เป็นผู้ประสานงาน
จากประสบการณ์การปลูก การฝังของพี่น้องปราชญ์ชาวบ้านอีสานที่เรามีมาตลอดชั่วอายุไขของเรา เราจะมาเชื่อแต่นักวิชาเกิน (การ) ที่มีแต่เรียน และไม่เคยปลูกนี่หรือ คงไม่ไหวแล้ว ต่อไปเราต้องเปลี่ยนกระบวนคิด กระบวนการทำใหม่ ต่อไปเราจะปลูกในสิ่งที่เรากิน และจะกินในสิ่งที่เราปลูก เหลือกินเราก็แจก เหลือแจกเราก็ขาย และในกระบวนการผลิตของเราให้ใช้ของที่มีอยู่ในฟาร์มเป็นหลัก
รายได้มากกว่าตั้งเป้าการขาย พี่น้อง KM เชื่อไหมครับว่าจากที่เคยตั้งเป้าการผลิตเพื่อขาย กับการผลิตเพื่อกิน ที่เหลือค่อยนำไปขาย กับพบว่าการผลิตเพื่อกินเหลือค่อยขายกลับมีรายได้ที่มากกว่าการผลิตเพื่อขายอย่างเดียว จนกระทั่งทำให้คุณพ่อชาลี สามารถปลดเปลื้องหนี้สินได้หมดในเวลาต่อมา
เกษตรประณีตดีกว่า ในการทำการเกษตรประณีตเป็นการทำเกษตรแบบผสมผสาน ไม่ต้องทำมากหรอก เพียงหนึ่งไร่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเลี้ยงคน 4-5 คน "พ่อชาลีบอก" ในการทำการเกษตรในพื้นที่ 1 ไร่นั้น ให้เราวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับแรงงานที่เรามี มีผลผลิตออกทุกวัน ซึ่งจะมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 300-500 บาท เราผลิตที่เน้นระบบอินทรีย์เป็นหลัก จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี และไม่มีหนี้สิน แถมยังมีเพื่อนฝูงมากมาย และมีครอบครัวที่อบอุ่นอีกด้วย
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
7 กันยายน 2549
หลังจากที่ผมเริ่มงานนี้มาสามปี ตั้งแต่ปี ๔๖ โดยนำแนวคิดเข้าเสนอต่อเครือข่ายปราชญ์ จนเกิดแนวคิดและตัวอย่างที่หลากหลาย ทำให้ผู้ใหญ่หลายท่านมั่นใจและนำสู่นโยบาย "๑ ไร่ หายจน" จนมาถึงการหนุนของ อบต. ในเขต อำเภอตระการฯ และจังหวัดอุบลฯ และคาดว่าน่าจะมีที่อื่นๆอีก แน่นอน ผมคิดว่านี่คือตัวอย่างหนึ่งของการทำงานเชิงนโยบายที่เริ่มมาจากหลังบ้านผม
ตอนนี้ผมเลยกำลังฝันถึง " การทำนาโดยไม่ไถ" จะเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งที่น่าจะได้ผลเช่นเดียวกัน อีกไม่นานก็คงจะรู้ ว่าจะเป็นอย่างไร
ขอให้คุณติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดให้ด้วย
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับอาจารย์ครับ
ผมมีความสนใจจริงๆ ครับ ซึ่งแน่นอน อนาคตอันใกล้นี้ ปริมาณที่ดินมีจำกัด และวิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงไป เราต้องเน้นการผลิตที่ครบวงจร พึ่งตนเองให้ได้ สุดท้ายสังคมไทยก็จะมีความแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอาชีพ
ด้วยความเคารพ
อุทัย อันพิมพ์