๓๓๔.แม้ราคาจะน้อย แต่ไม่ด้อยอย่างที่คิด

     ในขณะรอผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา (นายไมตรี อินทุสุต) ผู้เขียนได้รับเกียรติจากที่ประชุมให้ข้อคิดแก่มหาบัณฑิต บัณฑิต และผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัย แม้เป็นระยะเวลาที่สั้น ๆ แต่ทว่าทรงคุณค่ายิ่งสำหรับผู้เขียน แม้จะวางมือจากงานด้านบริหารแล้ว แต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมในวาระสำคัญ ๆ อยู่บ่อยครั้ง

                งานนี้ผู้เขียนได้กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิต บัณฑิตใหม่ ตลอดถึงว่าที่บัณฑิตทุกท่าน ที่ได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ นั้นก็สะท้อนให้เห็นว่าเลือดสีชมพูพะเยาได้ไหลมารวมกัน ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

            พระอาจารย์มองดูจากมุมด้านหน้า เมื่อเห็นเหล่าบรรดาลูกศิษย์ที่ได้สำเร็จการศึกษาไม่ว่าจะระดับใด ก็นำความปลาบปลื้มใจมาสู่หัวใจของคณาจารย์ทุกท่าน โดยเฉพาะวันนี้ท่านใส่ชุดครุยของมหาวิทยาลัย และมือได้ถือใบปริญญาเอาไว้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จแห่งชีวิตในระดับหนึ่ง แต่ความสำเร็จที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การบูรณาการความรู้สู่ภาคปฏิบัติ ที่แต่ละท่านจะได้ใช้ความรู้ ความสามารณของแต่ละท่านไปทำงาน ปฏิบัติหน้าที่อย่างสมกับความภาคภูมิใจที่ได้รับในวันนี้

            วันนี้เราจะเห็นคนทุกสาขาอาชีพที่ได้เข้ามาศึกษา ณ สถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร อบต. สท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พ่อค้า ประชาชนทั่วไป นั้นแสดงว่าท่านทั้งหลายได้มอบความไว้วางใจให้กับสถาบันในการมอบความรู้คู่คุณธรรมให้กับพวกท่าน บัดนี้ ความตั้งใจของพวกท่านที่ต้องการเข้ามาศึกษา กับความตั้งใจของสถาบันที่ได้พยายามถ่ายทอดความรู้ให้กับท่านอย่างเต็มที่นั้น สำเร็จแล้ว

            คำว่า มจร. (มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย) มิใช่คำที่พูดกันเล่น ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหมายที่ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งวันนี้จะขอให้ความหมายใหม่ว่า

            คำว่า “ม” มาจากคำว่า “มหา” ซึ่งแปลว่ายิ่งใหญ่ ดังนั้น พวกท่านเมื่อสำเร็จการศึกษาออกไปแล้ว ไปทำงาน หรือทำหน้าที่ใดใด ก็ควรจะคำนึงถึงสถาบันด้วย เพราะคนทั้งหลายเมื่อมองคนทำงานมักมองเลยมาที่สถาบันการศึกษาที่ให้ความรู้ ถ้าท่านทำดี เรียนรู้งาน มหาวิทยาลัยก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยคือการได้รับคำชม แต่ถ้าท่านทำตรงกันข้ามผลกระทบนั้น ๆ ก็จะเป็นผลในทางที่เสียหาย

            คำว่า “จ” มาจากคำว่า “จุฬา” ซึ่งเป็นพระนามของในหลวงราชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นสิ่งที่สูงค่ายิ่ง ที่ชาวมหาวิทยาลัยต่างก็ภาคภูมิใจในชื่อนี้ ดังนั้น เพื่อให้สมกับพระนามของพระองค์ท่าน มหาบัณฑิตและบัณฑิตทั้งหลายก็ควรจะต้องมีเป้าหมายให้งานที่ทำเกิดความสูงค่าตามไปด้วย

            คำว่า “ร” มาจากคำว่า “ราช” ในที่นี้ขอใช้คำว่า “ราษฎร์” นั้นก็หมายความว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาเพื่อปวงชนอย่างแท้จริง ที่มีค่าเล่าเรียนถูกที่สุด ไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท/เทอม นี้เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า เราจัดการศึกษาให้ได้อย่างไร?

     แต่วันนี้เป็นบทพิสูจน์ได้ว่า เพราะ มจร. นั้น

มีหัวใจอยู่ที่ “ทำเพื่อประชาชน” ไม่ได้เน้นกำไร? และเราจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “มหาวิทยาลัยสงฆ์” หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เล็กพริกขี้หนู”

     ดังนั้น จึงขอสรุปไว้ตรงนี้ว่า

“แม้ราคา(ค่าเทอม)จะน้อย แต่คุณค่าไม่ได้ด้อยอย่างที่คิด”

[Mr. Sumetee Chaisen]

การเรียนแบบต้นทุนต่ำ แต่สามารถสร้างคนให้เป็นคน เป็นมหาวิทยาลัยที่ให้โอกาสสำหรับคนรากหญ้าโดยแท้จริง  เพราะคนที่เข้าไปเรียนแล้วจบการศึกษา  อย่างน้อยเขาได้ผ่านคำว่า พอ เพียง อด ทน  และได้ศึกษา  พระธรรม และอันพระธรรมคำสั่งสอนนี่แหละเป็นทดสอบว่า  คนที่เข้าไปศึกษาควรค่าที่จะเป็นบัณฑิต ของ มจร.หรือไม่เพราะมีหลายคนที่เบื่อไม่อดทนต่อวิชาเหล่านี้  ดังนั้น มจร.เป็นมหาลัยที่ให้โอกาส  และคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ หรือ การเรียนแบบต้นทุนต่ำ แต่ผลที่ได้ไม่ต่ำเพียงแต่อยู่ที่ตัวบุคคล ขอบคุณพระอาจารย์ ที่ช่วยสั่งสอนคนขาดเขลา เบาปัญญาอย่างข้าพเองให้มีความรู้เท่าทันคนครับ สาธุ สาธุ สาธุ กับบทความนี้ครับ