เคยคิดอยู่หลายครั้ง
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
ชีวิตแท้จริงเป็นของใคร
เป็นของเรา
หรือเป็นของคนอื่น
บางทีดูเหมือนเป็นของเรา
แต่ดูอีกทีเหมือนเป็นของคนอื่น
บางทีอยากทำนั่นทำนี่ก็ไม่ได้ทำ
สิ่งที่ไม่อยากทำกลับต้องทำ
ต้องทำเพราะใครใครเขาทำกัน
ใครใครเขาก็ไปทางนี้กัน
หากเราไม่ไปทางนี้
เหมือนกับเราตกทางหลงยุคไป
ตกลงจักรยานชีวิตนี้
เราเป็นคนปั่น
หรือใครเป็นคนบอกให้เราปั่น
ใช่เราเป็นคนปั่น
แต่เราจะปั่นไปไหน
เราก็ปั่นไปตามทางที่ใครใครเขากำหนดไว้ สร้างไว้
เออ...แล้วชีวิตมันเป็นของใครกันแน่
คิดดูอีกที
ชีวิตก็ไม่ใช่ของเรา
และก็ไม่ใช่ของใคร
หากแต่มันเป็นอย่างที่มันเป็น
และมันก็จะไปอย่างที่มันไป
แล้วมันก็ไม่มีอะไร
ไม่มีแม้แต่ตัวเรา
ไม่มีแม้แต่ชีวิต
มีแต่ความว่างเปล่า
และไม่มีแม้แต่ความว่างเปล่า
เป็นแง่คิดของการมีชีวิตในสังคมที่เป็นอยู่อย่างนั้น..
คุณค่าของการดำรงอยู่ในแต่ละช่วงเวลา จึงต้องค้นหาตนเองให้พบในวิถีอันเป็นพื้นฐานนั้นๆ..
ต่อยอดบนความเข้าใจโลกธรรมและโลกกุตรธรรมให้แจ่มแจ้ง..ด้วยการเพียรปฏิบัติให้หลุดพ้นจากกงล้อแห่งกรรมนั้น
พี่ใหญ่ขอร่วมนั่งคิดด้วยในบรรยากาศท่ามกลางฝนตกชุ่มฉ่ำทั้งวันทั้งคืนยามนี้ค่ะ