เรื่องดี มีความสุข


นานหลายปีที่ฉันเลิกให้เงินขอทาน นานหลายปีที่ฉันพยายามไม่ไปงานสังคมต่าง ๆ ที่เจ้าภาพคาดหวังจำนวนเงินในซอง เพื่อที่จะเพียงพอต่อการจ่ายค่าจัดงานเลี้ยง และเหลือเพื่อเป็นกำไร

ฉันไม่มีงานแต่งงาน เพื่อรอจำนวนเงินในซอง

ฉันไม่มีศาสนาเพื่อแบ่งแยก

และฉันจะไม่มีงานศพ เพียงเพื่อจะสิ้นเปลืองพลังงานที่เผาร่าง และสร้างมลพิษให้ลูกหลานดมควันเหม็น ๆ ในอากาศ เพราะฉันได้บริจาคร่างกายไว้ให้ลูกหลานเอาไว้ผ่าเรียนรู้เล่นแล้ว

ความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นมานานหลายปี ตั้งแต่เริ่มสนใจอ่านคัมภีร์ เต๋าเต็กเกง ตอนม.5 หนังสือเล่มแรกที่ทำให้สนใจวิชาปรัชญา วิชาที่ไม่รู้เลยว่าเขาเรียนเกี่ยวกับอะไร และทำให้เลือกเรียนเอกปรัชญาในมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นหลายคนรอบข้างก็ตัดสินว่า ฉันเริ่ม “บ้า” เป็นพวกบ้าปรัชญาที่เข้าใจยาก

แต่วันนี้อยากจะเขียนเรื่องดี ๆ ที่บางทีคงจะน่าชื่นชมบ้างในสายตาของคนทั่วไป ฮ่าฮ่า เรื่องมีอยู่ว่า

หลายวันก่อน…

ฉันพาเฏไปร้านหนังสือ ในขณะที่กำลังรอคิวจ่ายเงิน คิวข้างหน้าเป็นเด็กผู้ชายผิวคล้ำ อายุราว 8 – 9 ขวบ ใส่แว่น หน้าตาคงแก่เรียน กำลังควักกระเป๋าสตางค์จ่ายเงินสำหรับหนังสือเล่มเล็ก ๆ สองเล่ม ราคาเล่มละ 9 บาท พนังงานคิดเงินบอกว่าทั้งหมด 18 บาท ฉันเห็นตอนนั้น รู้สึกว่า ช่างน่ารักอะไรเพียงนี้ น่ารักในความรักการอ่านของเขา น่ารักที่ยังอุตส่าห์เจียดเงินค่าขนมมาซื้อหนังสือเล็มเล็ก ขนาดสองนิ้วคูณสองนิ้ว ที่ฉันเคยเห็นว่าหนังสือพวกนี้ไร้ค่า และฉันแอบเห็นว่าเงิน 20 บาทในกระเป๋าใบนั้น เป็น 20 บาทสุดท้าย ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้

ฉันตัดสินใจเอื้อมหยิบหนังสือประเภทเดียวกันสองเล่ม แต่พยายามเลือกคนละเรื่องที่เด็กคนนั้นเลือกมา และถามว่า

“เอามั้ย น้าซื้อให้”

เด็กตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ”

“ไม่เป็นไร น้าซื้อให้ คิดเงินเลยค่ะ”

พนักงานยิ้ม ก้มหน้าคิดเงิน เด็กผู้ชายที่น่ารักคนนั้น ยกมือไหว้ และกล่าวขอบคุณ

วันนั้นฉันเป็นสุข

 

หลายเดือนก่อน...

ฉันไปซื้อไก่ทอดเคเอฟซี และเลือกซื้อเครื่องดื่มส่งเสริมการตลาดชนิดใหม่ ที่ตั้งใจว่าจะซื้อไปฝากเฏ หลังจากชิมรสชาติ ก็พบว่าเป็นน้ำอัดลมชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่เหมาะกับเฏ และฉันก็ไม่ชอบรสชาติเอาเสียเลย หลังรับเงินทอน มีเด็กผู้ชายคิวถัดจากฉันกำลังสั่งเครื่องดื่มของตนเอง ฉันยื่นแก้วไป แล้วถามว่า

“เอามั้ย น้าเพิ่งซื้อมาแต่ไม่ชอบ”

เด็กตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”

ฉันยื่นให้อีกครั้ง และบอกว่าไม่เป็นไร เอาไปเถอะ

เด็กคนนั้นยิ้มอย่างดีใจ และยกมือไหว้ขอบคุณ

หลายเดือนที่ผ่านมานั้น ฉันมีความสุข

 

หลายปีก่อน...

มะม่วงเบาที่บ้านออกลูกเยอะมาก ฉันสอยใส่ถุงได้สองถุงใหญ่ ตั้งใจจะเอาไปฝากแม่ พอไปถึงบ้านแม่ แม่บอกว่า มะม่วงนี้เปรี้ยวใครจะกินได้ ฉันตอบว่าก็แช่อิ่ม หรือไม่ก็ดอง อร่อยดี แม่บอกว่า เยอะอย่างนี้คงนั่งปอกกันหลังแข็ง

ฉันตัดสินใจนำมะม่วงสองถุงใหญ่กลับ ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปไหน เพราะที่บ้านก็มีอยู่เยอะ ก่อนกลับแวะห้องสมุดยืมหนังสือ เห็นลุงยามนั่งเหงา ๆ อยู่ เลยถามแกว่า “ลุงมีมะม่วงเบาสองถุง ลุงเอาไปสักถุงมั้ย เอามีดมาด้วยลุง ถุงมันผูกกันอยู่”

ลุงเดินมาพร้อมมีด และฟันฉับเขาที่เชือก เดินหิ้วมะม่วงถุงใหญ่กลับบ้านไป

หลายปีก่อนนั้นฉันมีความสุข และคิดว่า เย็นวันนั้นที่บ้านของลุงยามคงมีความสุขเหมือนกัน

 

หมายเลขบันทึก: 485898เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2012 01:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

หลายวันก่อน.....ซื้อหนังสือให้เด็ก ฉันมีความสุข

หลายเดือนก่อน ซื้อน้ำอัดลมให้เด็ก หลายเดือนผ่านมานั้น ฉันมีความสุข

หลายปีก่อน ให้มะม่วงเบาแก่ลุงยาม หลายปีนั้น ฉันมีความสุข........

คืนนี้ฉัน..... นั่งอ่านเรื่องดีๆ แล้วฉันมีความสุข

หลายเดือนก่อน คนรู้จักกัน พาครอบครัวมาเยี่ยมถึงบ้าน ฉันมีความสุข

หลายปีก่อน มีคนชวนกินข้าวเที่ยงที่หาดใหญ่พาราไดซ์ นึกว่าฉันเป็นวิทยากร แต่พอรู้ว่าฉันไม่ใช่วิทยากร เธอมาบอกขอโทษ ฉันเห็นความไม่สบายใจของเธอ เห็นถึงความรับผิดชอบของเธอ ฉันพูดให้เธอสบายใจในการเข้าใจผิด คิดถึงเรื่องนี้หลายปีก่อน ฉันมีความสุข

แวะมาอ่านเรื่องดีมีความสุขครับ

ขออนุญาตมีความสุขด้วยอีกคนนะครับ

..เป็นสุข..บนพื้นที่เล็กๆๆ..(แต่..ยิ่งใหญ่..ในใจ..คน)...สุขสงบสว่างว่างสบายๆๆ..นะเจ้าคะ..ยายธี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท