บทเรียนจิตอาสาบทที่1:ตอนเรียบๆเคียงๆ


ความแออัดภายในโรงพยาบาลเริ่มทวีความหนาแน่นมากขึ้นเมื่อใกล้เวลา08.00 น.

อันที่จริงมันก็เป็นของมันเช่นนี้ทุกๆวันเปิดทำการของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง  จากการสอบถามผู้ป่วยที่ใช้บริการจำนวน 10 ราย พบว่าผู้ป่วย5ราย เลือกที่จะมาโรงพยาบาลในวันต้นสัปดาห์ ด้วยความรู้สึกว่ามันเป็นวันแรกของสัปดาห์ ผู้ป่วยอีก 3 ราย ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณหมอนัด เขามาร.พ ตามนัด ฟังดูเหมือนแล้วเกิดความรู้สึกดีจังเลย และจิตพาให้คิดไปถึงภาพของผู้นัดว่าป่านนี้คงมานั่งรอผู้ถูกนัด พร้อมกับเตรียมการต่างๆเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยเป็นไปด้วยภาพของการบริการที่ดี มีไมตรีจิตและความกรุณารออยู่ หันไปมองผู้ป่วยอีก 2 รายที่หมายตาไว้ เป็นชายชรา วัย 75 ปี 1 คน มารพ.เพราะมีอาการจุกแน่นตั้งแต่ตี 5 ลูกๆจึงพามาส่งรพ.และอีกรายเป็นคุณยายวัย 80 ปี  ฉันเกิดความรู้สึกประทับใจในบุคลิกของคุณยายวัย 80 ปี ขึ้นมาทันที ท่วงท่าที่รอคอยเวลาพบแพทย์นั้นช่างสงบนิ่ง ใบหน้ายิ้มอ่อนโยน คุณยายนั่งบนรถเข็น มองไปรอบๆและถามไถ่ดูแล้วไม่พบญาติในเวลานั้น หลังจากได้สนทนากับคุณยายจึงทราบว่าคุณยายเป็นเบาหวาน เป็นมานานกว่า 30 ปีแล้ว..สมองเริ่มคำนวน คุณยายน่าจะเริ่มเป็นเบาหวานในช่วงอายุประมาณ 50 ปี หรือไม่ก็ก่อนหน้านั้น แล้วความคิดก็หยุดลง เมื่อมีเสียงกระซิบในกายให้ระลึกรู้ลมหายใจของตัวเอง เรื่องราวของคุณยายที่กำลังเกิดจากความคิดของฉันเองจึงยุติลง

เวลา 08.00น. เสียงพยาบาลเชิญชวนให้ผู้ป่วยร่วมกิจกรรมเคารพธงชาติ ผู้ป่วยทุกคนยืนขึ้นพร้อมกัน บางก็เขย่งยันกายลุกขึ้น บ้างก็มีญาติประคองให้ทรงตัวยืนขึ้น ฉันมองคุณยาย เห็นขยับกายเล็กน้อย และมือทั้งสองข้างนั้นดูเหมือนกำลังพยาบาลยกขาข้างซ้ายให้ขยับเพื่อปรับเปลี่ยนการนั่ง คุณยายไม่มีขา!..ฉันรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที และขยับเข้าไปใกล้รถของคุณยาย พร้อมกระซิบว่า นั่งสบายๆนะคะ คุณยายมองหน้าฉัน และถามว่าฉันทำงานที่นี่หรือ ฉันคงต้องตอบคำถามนี้ไปอีกนาน ตราบที่ฉันยังใช้เวลาหลังเออรี่มาทำกิจกรรมช่วยเหลือผู้ป่วยเช่นนี้    

ขาคุณยายบวมเต่ง ใส ฉันอดที่จะก้มไปเอามือลูบขาคุณยาย และถามว่ารู้สึกตึงไหมคะ คุณยายพยักหน้า และพูดว่าเพราะมันตึงนี่แหละ ยายจึงต้องมาหาหมอวันจันทร์ หากรอให้ถึงวันนัดมันคงระเบิดออกมาก่อน แน่ คุณยายกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มๆ

ความทุกข์กาย  ทุกข์ใจ เมื่อได้ทำความเข้าใจ และเกิดการยอมรับแล้ว ...อะไรๆที่ใจเราคิดว่ามันหนักหนา สาหัสนั้น บางทีมันอาจเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของคนที่คิดได้ หรือมีสติระลึกรู้ลมหายใจทุกเวลา

คิดได้อย่างนี้แล้วจิตใจเริ่มสดชื่น และมีพลังจึงก้าวไปขยับรถเข็นของคุณยายให้หันไปทางเสาธง และร่วมร้องเพลงชาติกับพยาบาล และผู้ป่วยที่OPD ก่อนจะจากกันฉันได้เข็นรถคุณยายไปจอดให้ใกล้ๆจุดที่พยาบาลจะเรียกให้มากที่สุด คำขอบใจของคุณยายในเช้าวันจันทร์นั้นเป็นพลัง ให้ตระหนักถึงภาระงานจิตอาสามิตรภาพบำบัดเพื่อนเบาหวาน ฉันรีบกลับไปยังโต๊ะทำงานที่ศูนย์พึ่งได้จัดหาให้ และลงมือขีดเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะเริ่มโทรศัพท์ถึงมิตรรักแฟนเพลงเบาหวานสุขได้แบบไม่หวาน

หมายเลขบันทึก: 485773เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2012 15:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 23:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • พี่ต้อยหายป่วยแล้วใช่ไหมครับ
  • เห็นคนไปโรงพยาบาลตอนคนมากๆเข้าใจเลยครับ
  • ขอให้มีความสุขกับการทำงานครับพี่

ขออนุโมทนาบุญสำหรับงานจิตอาสานี้ค่ะ..ทั้งใส่ใจ..และเอื้ออาทร..

สวัสดีครับพี่ต้อย

เล่าเสียเห็นบรรยากาศเลย พบเห็นเหมือนทุกวัน หากเราเอาใจใส่ ก็เป็นการเยียวยาเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณจิตอาสาทุกท่าน

ขอบคุณ น้องดร.ขจิต ฝอยทอง ขอบคุณพี่ใหญ่ และน้องวอญ่าค่ะ อาการป่วยก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดี ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท