เตรียมขุดบ่อเลี้ยงปลา อย่าด่วนรีบเร่งใส่ปูนขาว


การขุดสระหรือบ่อเลี้ยงปลาในอดีตสักสิบยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ทุกครั้งหลังขุดบ่อเสร็จประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องก็คือการ โรยปูนขาว

 

อาชีพเลี้ยงปลาเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ทำรายได้ดีพอสมควรเมื่อเทียบกับอาชีพหลักอย่างทำนาปลูกข้าวของเกษตรกร แถมเป็นอาชีพที่ช่วยเกื้อหนุนจุนเจือเกษตรกรไทยมาช้านานยามข้าวยากหมากแพงก็ยังพออาศัยปลาในบ่อตกหรือเหวี่ยงแห ลงอวนขึ้นมาเป็นกับข้าวกับปลาในแต่ละมื้อ เมื่อโตพอได้ขนาดก็วิดบ่อจับไปขายตลาดได้เงินมาพอเป็นค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆ พอใช้สอยกันไปในครัวเรือน ในอดีตตามหัวไร่ปลายนา หน้าบ้านหลังบ้านของเกษตรกรจึงมีแต่ห้วยหนองคลองบึงเป็นสระน้ำแก้มลิงสำรองเตรียมไว้ทำการเกษตรยามหน้าแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลและเลี้ยงปลาเป็นอาชีพเสริมไปด้วย แต่ปัจจุบันก็ค่อยๆลดน้อยถอยลงไปตามกาลเวลา แต่บ้างด้านบางมุมมีการพัฒนาขุดบ่อเพื่อเลี้ยงปลาอย่างเป็นล่ำเป็นสันควบคู่กันมานอกจากจะมีบ่อที่ไว้สำรองน้ำเพียงอย่างเดียวอย่างแต่ก่อน
 
การขุดสระหรือบ่อเลี้ยงปลาในอดีตสักสิบยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ทุกครั้งหลังขุดบ่อเสร็จประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องก็คือการ โรยปูนขาว ทุกๆบ้านจะต้องโรยปูนขาว บ้างก็โรยไปไม่รู้เพราะเหตุอะไร เห็นเขาโรยก็โรยบ้าง บ้างก็โรยเพราะความสบายอกสบายใจของตนเอง บ้างก็โรยเพราะคิดว่าเป็นการฆ่าเชื้อ แต่ความจริงยังไม่เคยมีรายงานในประเทศใดในโลกว่าปูนขาวสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ จึงเป็นการใส่ปูนที่ขาดเหตุผลโดยสิ้นเชิง ขาดการวิเคราะห์ถึงข้อดีข้อเสียที่จะตามมาในอนาคต เพราะการใส่ปูนขาวลงไปในบ่อจะทำให้ดินและน้ำสะเทิ้นกลายเป็นด่าง   ในกรณีที่ดินนั้นมีค่าพีเอชที่เหมาะสมสวยงามอยู่แล้ว เช่นน้ำและดินมีค่าพีเอชอยู่ที่ 7 คือมีค่าเป็นกลางพอเหมาะพอดีเหมือนกับน้ำที่อยู่ตามห้วย หนอง คลองบึงจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบและเคยชินของปลาน้ำจืดในบ้านเรา 
 
แต่ถ้าเรามีการเตรียมน้ำเตรียมบ่อโดยเติมปูนขาวเพิ่มเข้าไปก่อนจะทำให้ค่าพีเอชของดินและน้ำกลายเป็น "ด่าง"...  ซึ่งปลาไม่ชอบน้ำที่เป็นด่าง ปลาชอบน้ำที่เป็นกลาง จึงส่งผลให้ปลาเครียด กินอาหารได้น้อย โตช้า สร้างปัญหาซ้ำซ้อนต้องกลับไปซื้อยา วิตามิน มาบำรุงรักษาจากร้านที่ขายปูนขาวให้เราในตอนแรกอีกโดยคิดว่าปลาไม่สบายผ่ายผอมหรือเป็นโรค... หรือนี่! เป็นการวางยาของพวกฝรั่งมังค่าในอดีตที่ส่งออกยา และวิตามินมาขายให้ร้านค้าตัวแทนเกษตรในต่างจังหวัดจึงทำให้เกษตรกรชาวไร่ชาวนาที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ต้องเสียเงินซ้ำซ้อนไปกับการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
 
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
 
 

หมายเลขบันทึก: 480280เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2012 07:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 20:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับท่านประธาน....

ผมเลี้ยงปลาดุก ที่ใส่บูขาวเพราะ ต้องการฆ่าลูกปลา ไข่ปลาช่อน เพราะผมอนุบาลในบ่อตั้งขนาด สองนิ้ว

ปูนมาร์ล, ปูนเปลือกหอย, หินปูนบด อยู่ในรูปแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) เมื่อนำปูนเหล่านี้ไปเผา จะได้แคลเซียมออกไซด์ (Cao) ส่วนปูนขาว อยู่ในรูปของ แคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)2) เกิดจากการนำปูนมาเผาและทำให้เย็นลงโดยการผ่านหรือพรมน้ำก็จะได้ผงฝุ่นของปูนขาว มีความเป็นด่างจัด เมื่อนำมาใส่ในน้ำจะทำให้ค่าพีเอชของน้ำสูงขึ้นและด่างจัดตามปริมาณการใส่ ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่ชอบด่างมีการเจริญเติบโตช้า ระคายเคืองต่อเยื่อบุที่ละเอียดอ่อน จึงสามารถช่วยลดสิ่งมีชีวิตในน้ำที่ยังอ่อนแอ แต่ไม่สามารถฆ่าหรือกำจัดลูกปลา หรือไข่ได้ดีเมื่อเทียบกับ กากชา ที่มักเป็นที่นิยมของผู้เลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลาเกือบทั่วประเทศ ต้องพึงระวังและหมั่นสังเกตุสักนิดนะครับ ถ้าปูนทำอันตรายต่อปลาช่อนได้ นั่นย่อมแสดงว่า ปูนก็สามารถทำลายปลาดุกและปลาชนิดอื่นๆ ได้ (โดยต้องดูความเข้มข้นของปูน (พีเอช) ว่าสูงมากขนาดไหน เช่น เกินค่า 9, 10, 11, 12, 13,14,15 ฯลฯ ถ้าสูงเกิน 12 ไปแล้วนี่จะว่าแต่ลูกปลาหรือไข่ปลาเลยครับ สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ หรือตัวใหญ่กว่าก็ไม่มาอยู่อาศัยหรืออาศัยอยู่ได้ยากครับ

โดยปรกติปลาน้ำจืดจะอยู่อาศัยน้ำที่มีพีเอช 7 คือเป็นกลางครับ ส่วนน้ำทะเลค่าพีเอชเฉลี่ยโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 8.5 คือค่อนไปทางด่างเล็กน้อย (เล็กน้อยนะครับ...ไม่มาก) ในส่วนของปูนนั้นก็ดีและมีประโยชน์ครับ ไม่ใช่ว่าไม่ดี เพียงแต่ต้องนำไปใช้ให้เหมาะสมถูกต้องตามช่วงระยะเวลา เช่น นำไปแก้ดินและน้ำที่เป็นกรด เปรี้ยวจัด นำไปใส่ในพืชที่ขาดแคลเซียม นำไปใช้ในหอยเพื่อสร้างเปลือก ฯลฯ รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ 081-313-7559 นะครับ

รัตนภรณ์ ชะนะปรีชา

อยากศึกษาเรื่องการเลี้ยงปลาคะเริ่มจากขั้นตอนจากดินในบ่อคะว่าต้องทำอะไรบ้างเพราะเพิ่งลอกบ่อเก่ามาใหม่คะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท