รัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น(อิงจันทร์)
รัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น(อิงจันทร์) ครูตาล วงษ์ชื่น

พ่อจ๋า.....อ่านบทความนี้ให้จบนะ


เช้าวันนี้ได้อ่านบทความจากหน้าเฟสบุ๊ค ของน้องคนหนึ่งเธออยู่ที่ปัตตานี เธอส่งบทความนี้ให้กับสามีของเธออ่าน ฉันไม่แน่ใจนักว่าสามีของเธฮได้ให้ความสำคัญกับบทความนี้หรือเปล่า แต่ฉันอยากให้ผู้ใช้ชีวิตคู่ทุกคนได้อ่านจัง.........
    
   
          "เมื่อผมกลับถึงบ้านในคืนนั้น ภรรยาของผมกำลังเสิร์ฟอาหารมื้อค่ำ ผมถือมือของเธอและพูดว่า ผมมีบางสิ่งบางอย่างที่จะบอกคุณ เธอนั่งลงและกินอย่างเงียบ ๆ เป็นอีกครั้งที่ผมสังเกตเห็นความเจ็บปวดในสายตาของเธอ ทันใดนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดต่อไปยังไง ผมแค่รู้ว่าผมจะต้องบอกเธอในสิ่งที่ผมคิดให้ได้ “ผมต้องการหย่า” ผมเริ่มบทสนทนาอย่างเรียบๆ เธอดูไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของผม แต่กลับถามผมอย่างสงบ “ทำไม?”

          ผมหลีกเลี่ยงคำถามของเธอ และนั่นทำให้เธอโกรธ เธอโยนตะเกียบทิ้งและตะโกนมาที่ผม “หน้าตัวเมีย!” คืนนั้นเราไม่ได้พูดคุยกัน เธอร้องไห้ ผมรู้ว่าเธอต้องการที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเรา แต่ผมคงไม่สามารถจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับเธอได้ เธอได้สูญเสียความรักของผมให้กับเจน ผมไม่ได้รักเธออีกต่อไป ผมแค่สงสารเธอ!

          ผมร่างข้อตกลงการหย่าด้วยความรู้สึกผิดอย่างใหญ่หลวง สัญญาระบุว่าเธอจะเป็นเจ้าของบ้านของเรา รถของเราและสัดส่วนการถือหุ้น 30% บริษัท ของผม เธออ่านมันเผินๆแล้วฉีกมันเป็นชิ้น ผู้หญิงที่ได้ใช้เวลาสิบปีที่ผ่านมาในชีวิตของเธอให้กับผมได้กลายเป็นคนแปลกหน้า ผมรู้สึกเสียใจสำหรับเวลาที่เสียไปของเธอ แต่ผมก็ไม่สามารถกลับคำพูดที่ผมได้ขอหย่ากับเธอ เพราะผมเองก็รักเจนมาก ในที่สุดเธอก็ปล่อยโฮออกมาต่อหน้าผม อย่างที่ผมนึกคาดไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับผมการร้องไห้ของเธอเป็นเหมือนการปลดปล่อย ความคิดของการหย่าร้างซึ่งทำให้ผมสับสนมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ตอนนี้ดูเหมือนจะแน่ชัดและชัดเจนขึ้น

          วันรุ่งขึ้น ผมกลับมาถึงบ้านดึกมากและพบว่าเธอกำลังเขียนบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ ผมไม่ได้ทานอาหารมื้อเย็น แต่ตรงไปยังที่นอนและหลับลงอย่างรวดเร็ว เพราะผมเหนื่อยหลังจากวันที่แสนยุ่งกับเจน เมื่อผมตื่นขึ้นมาเธอยังคงนั่งเขียนอยู่ที่โต๊ะ ผมไม่อยากจะสนใจเธอผมจึงพลิกตัวหนีเพื่อจะนอนต่อ

          ในตอนเช้า เธอยื่นเงื่อนไขการหย่าร้างของเธอ เธอไม่ได้ต้องการอะไรจากผม แค่ผมจะต้องบอกให้เธอรู้หนึ่งเดือนก่อนที่ผมจะหย่ากับเธอ เธอขอร้องว่าในช่วงเวลาหนึ่งเดือนนั้น เราทั้งคู่จะพยายามดำเนินชีวิตคู่อย่างปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอให้เหตุผลง่ายๆว่า เพราะลูกชายของเรากำลังจะสอบ และเธอไม่อยากให้การหย่าของเรากระทบกระเทือนการสอบของเขา
     
            นี่คือข้อตกลงของเธอกับผม เธอขอให้ผมระลึกถึงวันแต่งงานของเราทั้งคู่และขอให้ผมระลึกถึงช่วงเวลาที่ผมอุ้มเธอเข้าเรือนหอในวันที่เราแต่งงานกันโดยการให้ผมอุ้มเธอออกจากห้องนอนของเราไปยังประตูหน้าบ้านทุกวัน ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนสุดท้ายของชีวิตแต่งงานของเรา ผมคิดว่าเธอบ้าไปแล้วแต่ก็ตกลงยอมรับคำขอของเธอ

           ผมบอกเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขการหย่าร้างของภรรยาของผม เจนหัวเราะเสียงดังและคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่ว่าภรรยาของผมจะใช้มารยาอะไรที่เธอมี มันก็ไม่ทำให้เธอหลีกเลี่ยงการหย่าร้างได้ เจนกล่าวอย่างเหยียดหยาม

          ผมและภรรยาไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันมาตั้งแต่ผมแสดงความตั้งใจเรื่องการหย่า ดังนั้นเมื่อผมอุ้มเธอออกไปที่ประตูบ้านเป็นวันแรก เราทั้งคู่จึงดูงุ่มง่าม ลูกชายของเราปรบมืออยู่ด้านหลัง “กำลังอุ้มแม่อยู่เหรอครับ” คำกล่าวของเขาทำให้ผมรู้สึกปวดใจ ระยะทางตั้งแต่ห้องนอนไปที่ห้องนั่งเล่นจนเลยไปที่ประตู ผมเดินกว่าสิบเมตรพร้อมกับเธอในอ้อมแขนของผม เธอปิดตาของเธอและพูดเบา ๆ ; อย่าบอกลูกของเราเกี่ยวกับเรื่องหย่า ผมพยักหน้ารู้สึกอารมณ์เสียบ้าง ผมปล่อยเธอลงที่ด้านนอกประตู เธอไปรอรถประจำทางเพื่อไปทำงาน ผมขับรถคนเดียวไปยังสำนักงาน

          ในวันที่สอง เราทั้งคู่ต่างเกร็งน้อยลง เธอโน้มตัวบนหน้าอกของผม ผมได้กลิ่นหอมจากเสื้อของเธอ ผมตระหนักว่าผมไม่เคยจ้องมองที่ผู้หญิงคนนี้อย่างละเอียดเป็นเวลานานแล้ว ผมรู้สึกตัวขึ้นมาว่าเธอไม่ได้อ่อนเยาว์อีกต่อไป มีริ้วรอยจางๆบนใบหน้าของเธอ ผมของเธอกำลังเปลี่ยนเป็นสีเทา! การแต่งงานของเราได้ทำให้เธออ่อนแรงลงไป นาทีนั้นผมถามตัวเองว่า ผมทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

           ในวันที่สี่ เมื่อผมได้อุ้มเธอขึ้น ผมรู้สึกว่าความผูกพันของเรากำลังย้อนกลับมา นี่คือผู้หญิงที่ได้มอบชีวิตตลอดสิบปีที่ผ่านมาของเธอให้ผม ในวันที่ห้าและหก ผมตระหนักว่าความผูกพันของเรายิ่งมากขึ้นไปอีก ผมไม่ได้บอกเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งนานวันผ่านไป การอุ้มเธอไปที่หน้าประตูก็ยิ่งรู้สึกง่ายดายขึ้น บางทีการออกกำลังกายกับเธอในอ้อมแขนทุกเช้าอาจทำให้ผมแข็งแรงขึ้น

           เธอเลือกชุดที่เธอจะใส่ในเช้าวันหนึ่ง เธอลองใส่ตัวนั้นตัวนี้อยู่พักใหญ่แต่ก็หาที่ถูกใจไม่ได้ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจ “ชุดของฉันหลวมไปหมด” ในตอนนั้นเองที่ผมได้รู้ว่าร่างกายของเธอนั่นเองที่ได้ผ่ายผอมลง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงสามารถอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น

          ทันใดนั้นผมก็เข้าใจทุกอย่าง ในหัวใจของเธอซ่อนความเจ็บช้ำและขมขื่นไว้มากมาย มือของผมยื่นไปแตะศรีษะของเธอโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ

          ลูกชายของเราได้เข้ามาขัดจังหวะ เขาพูดว่าถึงเวลาที่ผมต้องอุ้มเธอออกไปแล้ว การที่ลูกชายของผมได้เห็นผมอุ้มแม่ของเขาออกไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปเสียแล้ว ภรรยาของผมกวักเรียกเขาเข้ามาแล้วกอดเขาไว้แน่นผมหันหน้าหนีเพราะกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจเรื่องการหย่าในนาทีสุดท้าย ผมเข้าไปโอบเธอขึ้นมา อุ้มเธอออกไปจากห้องนอน ผ่านห้องนั่งเล่นจนถึงประตู มือของเธอคล้องคอของผมอย่างแผ่วเบาและเป็นธรรมชาติ ผมกอดเธอไว้แน่น ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับวันแต่งงานของเรา

           แต่น้ำหนักที่เบาโหวงของเธอทำให้ผมเศร้าใจ ในวันสุดท้ายเมื่อผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ผมแทบเดินไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว ลูกชายของเราไปโรงเรียนแล้ว ผมกอดเธอไว้แน่นและกล่าวว่า  ผมไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าชีวิตของเราขาดความใกล้ชิด จากนั้นผมรีบขับรถไปที่สำนักงาน กระโดดออกมาจากรถอย่างรวดเร็วโดยยังไม่ทันจะได้ล็อคประตู ผมกลัวหากผมมัวชักช้า ผมจะเปลี่ยนใจอีก ...ผมเดินขึ้นไปที่ชั้นบน เจนเป็นคนเปิดประตูและผมบอกกับเธอ “ผมขอโทษเจน แต่ผมเปลี่ยนใจเรื่องหย่าแล้ว”

           เธอมองผมด้วยความงุนงง จากนั้นจึงเอื้อมมือแตะที่หน้าผากของผม คุณไม่สบายรึเปล่า? เธอถาม ผมดึงมือของเธอออก “ขอโทษนะ เจน แต่ผมจะไม่หย่ากับภรรยาของผม ชีวิตแต่งงานของผมมันอาจจะเปลี่ยนเป็นน่าเบื่อเพราะหล่อนและผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดชีวิตของเรา แต่ผมไม่ได้เบื่อชีวิตคู่เพราะเราทั้งสองไม่ได้รักกันแล้ว ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า ในเมื่อผมโอบกอดเธอไว้ในวันแต่งงานของเรา ผมก็ควรที่จะโอบกอดเธอจนความตายจะพรากเราจากกัน เจนดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างในทันที เธอตบผมฉาดใหญ่แล้วกระแทกประตูปิด เจนทรุดลงทั้งน้ำตา ผมเดินลงมาชั้นล่างและขับรถออกไป มาถึงที่ร้านดอกไม้ ผมซื้อดอกไม้ช่อหนึ่งเพื่อภรรยาของผม พนักงานสาวที่ร้านถามผมว่าจะให้เธอเขียนข้อความบนบัตรว่าอะไร ผมยิ้มและเขียนว่า “ผมจะอุ้มคุณออกไปที่ประตูทุกเช้า จนกว่าเราจะตายจากกัน”

             เย็นวันนั้น ผมกลับบ้าน ผมถือดอกไม้ไว้ในมือ ผมมีรอยยิ้มบนใบหน้า ผมวิ่งขึ้นบันได...เพียงเพื่อจะพบภรรยาของผมนอนอยู่บนเตียง เธอไม่หายใจ ภรรยาของผมได้ต่อสู้กับโรคมะเร็งเป็นเวลาหลายเดือน ในขณะที่ผมมัวยุ่งอยู่กับเจนเกินกว่าที่จะรับรู้อาการผิดปกติของเธอ เธอรู้ว่าเธอกำลังจะตายและเธอก็อยากจะช่วยให้ผมหลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ๆของลูกชายที่เขาจะมีต่อผมหากว่าเราหย่าจากกัน เพราะว่าอย่างน้อย...ในสายตาของลูกชายผม ผมก็จะยังเป็นสามีที่รักใคร่ดูแลเธอ

            จริงๆแล้ว รายละเอียดเล็กๆน้อยๆในชีวิตของคุณ คือสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิตไม่ใช่คฤหาสถ์หลังใหญ่ ไม่ใช่รถไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองในธนาคาร สิ่งเหล่านี้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีความสุข แต่ไม่สามารถให้ความสุขในตัวของมันเอง

          ดังนั้น หาเวลาที่จะอยู่เป็นเพื่อนคนข้างๆคุณ และทำสิ่งเล็ก ๆ เหล่านั้นให้แก่กัน ขอให้มีชีวิตคู่ที่มีความสุข!

คำสำคัญ (Tags): #การใช้ชีวิตคู่
หมายเลขบันทึก: 480105เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2012 06:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2013 20:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

รายละเอียดเล็กๆน้อย ค่อยๆ บ่มเพาะ ความผูกพัน

ขอบคุณค่ะพี่ตาล

อรุณสวัสดิ์ค่ะ

Ico48
  • บทความมันยาวมาก
  • คุงสามีทั้งหลายคงไม่มีเวลาอ่าน คริ  คริ
  • แต่พี่ตาลก็อยากบันทึกไว้อยู่ดีแร่ะ  55555555+

อ่านครับน้องปู ตามมาอ่านแล้วคิดพิจราณา ทบทวนและแก้ไข ทำให้ก่อนที่จะไม่ได้ทำ

ผมก็อ่านครับ

ไม่ใช่ในฐานะสามีอย่างเดียว

แต่เพื่อเรียนรู้และแสวงหาสิ่งที่ดีงาม

ซาบซึ้งและเห็นคุณค่า

ช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดที่เรามิอาจรู้ตัว

ขอบคุณ คุณพี่ ที่นำบทความดีๆ มาเตือนสติกัน

สวัสดีค่ะท่านพี่

Ico48
  • เป็นบทความที่น่าอ่าน น่าคิด สำหรับชีวิตครอบครัว
  • อยากให้หลาย ๆ คนได้อ่าน
  • บางทีอาจทำให้หันมาใส่ใจคนใกล้เคียงมากขึ้นก็ได้

ขอบคุณ คุณพี่ ที่นำบทความดีๆ มาเตือนสติกัน

แต่มันสายไป ผมเลือกเลี้ยงลูก แต่ก็เสียใจ............

สวัสดีครับ...พี่ครูอิงจันทร์

-------------------------------------
นานมากมายที่น้องไม่ได้ทายทัก
ใช่หมดรักหมดสัมพันในพี่นี้
เวลาน้อยงานการก็มากมี
ให้น้องพี่ต้องห่างหาย GotoKnow
--------------------------------------

น้องได้อ่านบทความนี้ผ่านทางเฟส
พออ่านเสร็จรู้สึกซาบซึ้งมากโข
คู่ชีวิตยามลำบากทนอดโซ
พอใหญ่โตมักลืมรักสร้างร่วมกัน
---------------------------------------
จวบจนสายจึงซาบซึ้งค่าคำรัก
กว่ารู้จักว่ารักจริงนั้นสุขสันต์
เหลือเวลาน้อยนักรักนิรันดร์
เพียงข้ามวันคืนห่างรักอาจลา
---------------------------------------
ร่วมสดุดีกับบทความ "รัก" ของพี่
น้องคนนี้จะจดจำ "รัก" มีค่า
จะมิทิ้งห่างคู่ชีวีให้ร้างลา
จวบชีวาห่างร้างจากโดยดี..
---------------------------------------

ขอบคุณกับบทความดีๆ มีสาระครับ...

ครั้งหนึ่งผมเคยถูกภรรยาขออย่า...

เพียงเพราะเธอมองว่าเธอเป็นอุปสรรค.. ให้ชีวิตผมไม่ก้าวเดิน

โถ.. ใครจะทิ้งลง ในเมื่อเธอไม่สบาย...

สวัสดีค่ะ

Ico48
  • ขอบคุณค่ะสำหรับภาษากลอนที่แสนจะไพเราะ
  • ชีวิตคู่จะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อมีกันและกัน ห่วงใยกัน  ดูแลกัน
  • โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเจ็บป่วยต้องไม่ทิ้งกันให้เสียกำลังใจ
  • ขอให้ชีวิตคู่ของน้องมีความสุขนะคะ

เศร้า

สะท้อนใจ

อย่าลืมมองคนใกล้ัตัว

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ คะ

                 ได้แง่คิดจากการอ่าน ... ทำให้ได้คิดทบทวนชีวิตครอบครัวของคนเอง  พ่อ แม่ ลูก  อยู่กันนานวัน....ได้ทำหน้าที่เหมาะสมต่อกันเพียงพอไหม  ให้คุณค่าของกันและกันไหม   และจะสร้างสรรค์ครอบครัวให้น่าอยู่ได้อย่างไร.....คิดได้แล้วจงทำค่ะเพื่อการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขทุกคน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท