เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2555 สถาบัน กศน.ภาคใต้ ได้มีหนังสือเชิญ ครูจำนง หนูนิิล ผม และพี่ทวี สร้อยศิริสุนทร ไปร่วมกำหนดเนื้อหาหลักสูตรที่จะจัดอบรมให้กับครู กศน. ตำบล ซึ่ง ผอ. สถาบัน กศน. ภาคใต้ บอกว่ามีครู กศน.ตำบล ได้แจ้งความประสงค์ที่จะเข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาตนเองแล้วจำนวน 333 คน ซึ่งนับว่ายังน้อยอยู่ เพราะถ้ามาหมดก็คิดว่าเป็นพันคน
เมื่อพวกเราไปถึงก็ได้รับการต้อนรับจากทีมงาน สถาบัน กศน. ภาคใต้ และเพื่อนร่วมงานที่เป็นครูอาสาฯ ครู กศน. ตำบล อีกจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ การประชุมเป็นบรรยากาศเรียบง่าย หลุดจากกรอบจริงๆ นั่งล้อมวงคุยกันที่โรงอาหาร ประเด็นที่คุยกันวันนั้นคือ จะใช้เนื้อหาอะไรในการที่จะทำให้ครู กศน. ตำบลที่ผ่านการอบรมแล้วกลับไปทำงานได้อย่างมีคุณภาพ คนที่เสนอคนแรกคือ ครูนง ผมเป็นคนเสนอคนที่ 2 มีพี่ทวี คอยจับประเด็นและขมวดเนื้อหา ซึ่งทุกคนได้มองเหมือนกันว่าจะให้ครูกศน. ตำบล ทำงานได้เก่ง และมีประสิทธิภาพอย่างไร....
ผมได้นำเสนอหลักการไปว่า...ประการที่หนึ่ง ต้องทำให้ครู กศน. ตำบล รู้และเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนอย่างชัดแจ้ง....และทำอย่างไรให้ครู กศน. ตำบล มองงานในพื้นที่ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง....ประการที่สอง การพัฒนาสมรรถนะครู กศน. ตำบล ให้มีประสิทธิภาพต้องพัฒนาครู กศน. ตำบล ให้เป็นสองอย่างคือ...
หลายคนอาจแปลกใจว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ สิ่งที่ผมคิดก็คือว่า กศน. ต้องไม่ทำงานอย่างโดดเดี่ยว....ตอนนี้งานทุกงานในชุมชนเป็นของ กศน. ไปหมดแล้ว ซึ่งบางหน่วยงานที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ไม่มีกฎหมายรองรับด้วยซ้ำ แต่เรามี พ.ร.บ. กศน. รองรับอยู่ในทุกเรื่อง ซึ่งงานที่หน่วยงานอื่นลงไปทำนั้นล้วนแล้วแต่บรรจุอยู่ใน พ.ร.บ. ของ กศน. เพราะฉะนั้น กศน. โดยเฉพาะ กศน. ตำบลจะต้องเป็น "สารตั้งต้น" คือเป็นหน่วยงานที่อยู่แนวหน้าในการจัดกิจกรรมต่างๆในชุมชน โดยมีหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมจัดกิจกรรม ซึ่งเปรียบได้ว่ายาหนึ่งหม้อที่จะแก้ปัญหาของ ชุมชน ตำบล จะต้องมี กศน. เป็น"สารตั้งต้น" และมีหน่วยงานอื่นมามีส่วนร่วมในการที่จะทำให้งานสำเร็จได้...ซึ่งเราน่าจะเอาเนื้อหาอะไรใส่ให้กับ ครู กศน. ตำบล ในการที่จะพัฒนาสมรรถนะเป็นสารตั้งต้นได้...
แล้วทำไมต้องพัฒนาตนเองให้เป็น "ยาดำ" ก็เพราะว่าบางกิจกรรมที่หน่วยงานอื่นเขามีงบประมาณดำเนินการในส่วนของกิจกรรมที่เป็นงานของ กศน. (ต้องมองให้เห็นนะว่าทุกงานเป็นของ กศน. เป็นเรื่องของกระบวนการเรียนรู้) กศน. ก็จะต้องทำหน้าที่ในการที่เข้าไปบูรณาการงานร่วมกัน...ซึ่งคิดว่ากิจกรรม และกระบวนการของหน่วยงานต่างๆ ที่ลงไปทำกับทุกกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่คงไม่พ้นภาระกิจหลักของ กศน. ถ้าเราไม่พัฒนาตนเองให้เป็นยาดำแล้วรับรองได้ว่าหน่วยงานอื่นจะโจมตีได้ว่า ภาระกิจมีกำหนดใน พ.ร.บ. ของตนเองแต่ไม่ทำ มันจะหน้าอายมาก
ผมได้่นำเสนอสองประเด็นในการกำหนดเนื้อหาในการทำหลักสูตรอบรม ครู กศน. ตำบลให้กับ สถาบัน กศน. ภาคใต้ ซึ่งก็มาจากประสบการณ์ และสิ่งที่ได้พบ ได้เจอ ได้สัมผัส กับครู กศน. ตำบล ที่ทำงานด้วยกัน...แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าไปร่วมพัฒนาตนเองกับ ครู กศน. ตำบล 333 คนที่แจ้งความประสงค์ต่อ สถาบัน กศน. ภาคใต้ไว้แล้วหรือเปล่า....
ครู กศน. เป็น สารตั้งต้น เป็นยาดำ และเป็นหัวยาจีนด้วยน่ะครับครูราญ
ทีม กศน. อุบลฯ ยกทีมมาอบรม ClassStart จำนวน 14 คนที่ มอ. หาดใหญ่ศุกร์หน้านี้ค่ะครูราญ :)
สวัสดีครับ...ฒ ผู้เฒ่า อดทน... ขอบคุณครับ... จริงด้วยซิครับ...ถ้าพัฒนาถึงขนาดเป็นหัวยาจีน...หรือเป็นหัวพญาว่าน...ก็จุสุดยอดครู กศน. ตำบลเลยแหละ...
สวัสดีครับ อาจารย์ ดร. จันทวรรณ
จะนำภาพมาฝากผ่านบล็อกนะคะครู
เยี่ยมเลยครับ...
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ...อาจารย์