ช่วงวันปีใหม่ที่ผ่านมา พวกเด็กๆเขาเอาซีดีทอล์คโชว์ของพิธีกรดังคนหนึ่งมาดูกันที่บ้าน แว่วๆว่าเป็นเดี่ยวอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ได้ยินเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ก็เลยเลียบๆเคียงๆเข้ามาร่วมวงดูบ้าง แต่ก็ไม่ได้ต่อเนื่องอะไรเพราะต้องไปช่วยเขาเตรียมงานฉลองปีใหม่กัน
ตอนหนึ่งมีการพูดถึงเรื่องวันเด็กและคำขวัญวันเด็กในเรื่องเนื้อหาสาระและความสำคัญ รวมถึงวัตถุประสงค์ที่นายกรัฐมนตรีผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ได้แสดงความตระหนักถึงความสำคัญของเด็กผ่านคำขวัญทุกๆปี ก็เป็นทำนองประชดประชันให้ได้สนุกสนานกันไปนั่นแหละครับ สุดท้ายก็ถามว่าเราน่าจะมีคำขวัญวันเด็กกันอยู่อีกหรือเปล่า
จะว่าไปแล้ว เขาก็พูดมีเหตุผลอยู่บ้างเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่พูดเอาเฮอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนการให้คำขวัญในวันเด็กกับการกระทำเพื่อให้เด็กๆสมประสงค์ตามนั้นดูมันจะตามกันไม่ค่อยจะทันกันสักเท่าไหร่ บางทีแทบจะเรียกได้ว่าไปกันคนละทิศละทางด้วยซ้ำไป แต่คนที่ได้ดูได้ฟังจะซึมซับในแง่มุมนี้บ้างหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจครับ
การจัดงานวันเด็กนั้นเป็นประเพณีที่ทั่วโลกเขาทำกัน ก็คงจะเริ่มต้นจากการชักชวนของสหประชาชาติ เพื่อให้ประเทศสมาชิกเห็นความสำคัญของเด็กซึ่งจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต ซึ่งแต่ละประเทศก็ได้เห็นความสำคัญและกำหนดให้มีวันเด็กของประจำชาติของตนตามวันเวลาที่แตกต่างกันไป สำหรับวันเด็กสากลตามที่องค์การสหประชาชาติกำหนดจากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1954 ก็คือวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี
สำหรับประเทศไทยนั้น ปัจจุบันได้กำหนดให้วันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติ
ประวัติความเป็นมาของการจัดงานวันเด็กในประเทศไทย สามารถสืบค้นได้จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีรายละเอียดมากมายพอสมควร จะขอยกเอามาเป็นตัวอย่างสักเล็กน้อยดังนี้ครับ
"วันเด็กแห่งชาติ เป็นวันสำคัญในประเทศไทยตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้ คำขวัญวันเด็ก ทุกปีโดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น
ประวัติ
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้"
อันนี้ได้จากเว็บไซต์วิกิพีเดียภาคภาษาไทย http://goo.gl/1FFvC
"Universal Children's Day takes place on November 20 annually. First proclaimed by the United Nations General Assembly in 1954
Thailand
Thailand National Children's Day (Thai: วันเด็กแห่งชาติ) is celebrated on the second Saturday in January. Known as “Wan Dek” in Thailand, Children’s Day is celebrated to give children the opportunity to have fun and to create awareness about their significant role towards the development of the country.
Usually, His Majesty the King gives advice addressing the children while the Supreme Monarch Patriarch of Thailand gives a moral teaching. The Prime Minister also usually gives each Children's Day a theme and a slogan."
ส่วนอันนี้ได้มาจากวิกิพีเดียภาคภาษาอังกฤษ http://en.wikipedia.org/wiki/Children%27s_Day ครับ
คำขวัญวันเด็ก
"คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน"
http://goo.gl/1FFvC
"ในปี พ.ศ. 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา ได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมา"
http://www.act.ac.th/act_baby/index.asp
เราจะเรียกคำขวัญวันเด็กว่าเป็นอะไรดี ?..คำสั่งวันเด็ก คำแนะนำวันเด็ก นโยบายวันเด็ก คำแถลงยุทธศาสตร์วันเด็ก หรือคำเสนอฝันวันเด็ก !
ถ้าเราลองพิจารณาคำขวัญวันเด็กที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้ซึ่งเป็นคนแรกที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีไทยต้องให้คำขวัญในวันเด็กตลอดไปทุกปี ที่ขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง5ปีว่า.. "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จง..." ฟังดูเป็น"คำสั่งวันเด็ก"เสียมากกว่าที่จะเป็นคำขวัญ เด็กๆสมัยนั้นคงต้องยืนตรงยกมือขึ้นทำวันทยาหัตถ์เวลาที่ฟังท่านให้คำขวัญและกล่าวโอวาทด้วยเป็นแน่ ถ้าเช่นแล้วนั้นคำขวัญวันเด็กคืออะไรกัน
เป็นความจริงว่าผู้ใหญ่ทั่วโลกมองเห็นคุณค่าความสำคัญของเด็ก การกำหนดให้วันหนึ่งของปีเป็นวันเด็กแห่งชาติสามารถสะท้อนความตระหนักเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี คำขวัญวันเด็กจึงน่าจะเป็นคำสัญญาจากบรรดาผู้ใหญ่ และผู้ปกครองประเทศว่ามีแนวทางและความต้องการที่จะพัฒนาเด็กๆของพวกให้มีคุณลักษณะเป็นอย่างไร เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะได้สามารถนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตได้ คำขวัญวันเด็กจึงควรจะเป็นทั้งความปรารถนา คำสอน คำสัญญา และคำประกาศจุดเน้นทางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเด็กประจำปี เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเด็กอย่างจริงใจตลอดไปทุกๆปี และก็คงจะไม่ใช่คำเสนอฝัน แต่ในทางปฏิบัติจะบรรลุผลสำเร็จประการใด คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พวกเราควรให้ความสนใจ
ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์กันดู(เล่นๆ)ว่า จากคำขวัญวันเด็กนับตั้งแต่เริ่มแรกในปี พ.ศ. 2502 จนถึงปัจจุบันว่าในทัศนคติของผู้นำประเทศของเราตั้งแต่อดีตมามีความตระหนัก หรือความปรารถนาที่จะเห็นเด็กไทยเรามีคุณคุณสมบัติและคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นอย่างไรกันดีกว่าครับ
คำขวัญวันเด็กจากนายกรัฐมนตรีไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 จนถึงปี พ.ศ. 2555
ปี นายกรัฐมนตรี คำขวัญ
2499 จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
2503 จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
2504 จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
2505 จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
2506 จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
2507 จอมพลถนอม กิตติขจร ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
2508 จอมพลถนอม กิตติขจร เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
2509 จอมพลถนอม กิตติขจร เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
2510 จอมพลถนอม กิตติขจร อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
2511 จอมพลถนอม กิตติขจร ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
2512 จอมพลถนอม กิตติขจร รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
2513 จอมพลถนอม กิตติขจร เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
2514 จอมพลถนอม กิตติขจร ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
2515 จอมพลถนอม กิตติขจร เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
2516 จอมพลถนอม กิตติขจร เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
2517 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ สามัคคีคือพลัง
2518 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
2519 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
2520 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
2521 พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง
2522 พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
2523 พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
2524 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
2425 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
2526 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
2527 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
2528 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
2529 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2530 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2531 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2532 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2533 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
2534 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
2535 นายอานันท์ ปันยารชุน สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
2536 นายชวน หลีกภัย ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2537 นายชวน หลีกภัย ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2538 นายชวน หลีกภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
2539 นายบรรหาร ศิลปอาชา มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
2540 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
2541 นายชวน หลีกภัย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
2542 นายชวน หลีกภัย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
2543 นายชวน หลีกภัย มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
2544 นายชวน หลีกภัย มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
2545 พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
2546 พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
2547 พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
2548 พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
2549 พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
2550 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
2551 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม
2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ
2555 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี
เมื่อนำคำขวัญทุกปีตั้งแต่ พ.ศ. 2502 เป็นต้นมา (ไม่รวมคำขวัญของจอมพล ป. พิบูลยสงครามที่ให้ไว้เมื่อปี พ.ศ.2499 เนื่องจากยังไม่ได้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องให้คำขวัญวันเด็กอย่างต่อเนื่องทุกปี ปี พ.ศ. 2507 ไม่มีการจัดงานวันเด็ก และปี พ.ศ. 2522 ที่คำขวัญวันเด็กไม่มีสาระเชิงกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็ก) รวมจำนวน 52 ครั้ง มาวิเคราะห์ จำแนกเป็นคุณลักษณะเด่นๆที่อยู่ในคำขวัญทั้งหมดพบว่า มีอยู่ประมาณ 20 คุณลักษณะพึงประสงค์ที่นายกรัฐมนตรีของไทยแต่ละท่านได้นำไปใส่ไว้ในคำขวัญ มีจำนวนนายกรัฐมนตรีที่ให้คำขวัญในแต่ละคุณลักษณะและความถี่ของคุณลักษณะเรียงตามลำดับดังนี้
1.ประพฤติดี มีคุณธรรมจริยธรรม 29 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 10 คนจาก 16* คนคือ
(1)จอมพลถนอม กิตติขจร-7/9** (2)ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช-1/1 (3)พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์-1/3 (4)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-7/8 (5)พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ-3/3 (6)นายอานันท์ ปันยารชุน-1/1 (7)นายชวน หลีกภัย-4/7 (8)พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร-1/4 (9)พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์-2/2 (10)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-2/3
2.รักความก้าวหน้า รักการเรียนรู้ 18 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 10 คนจาก 16 คนคือ
(1)จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์-1/5 (2)จอมพลถนอม กิตติขจร-3/9 (3)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-2/8 (4)นายอานันท์ ปันยารชุน-1/1 (5)นายชวน หลีกภัย-2/7 (6)นายบรรหาร ศิลปอาชา-1/1 (7)พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ-1/1 (8)พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร-5/5 (9)พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์-1/2 (10)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-1/3
3.มีระเบียบวินัย 14 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 6 คนจาก 16 คนคือ
(1)จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์-1/5 (2)จอมพลถนอม กิตติขจร-1/9 (3)ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช-1/1 (4)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-6/8 (5)นายชวน หลีกภัย-4/7 (6)พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์-1/1
4.เป็นเด็กเก่ง เฉลียวฉลาด 9 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 6 คนจาก 16 คนคือ
(1)จอมพลถนอม กิตติขจร-3/9 (2)พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์-1/3 (3)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-1/8 (4)พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร-1/5 (5)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-2/3 (6)นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-1/1
5.มีความประหยัด 9 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 4 คนจาก 16 คนคือ
(1)จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์-1/5 (2)พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์-1/3 (3)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-5/8 (4)นายชวน หลีกภัย-2/7
6.มีความสามัคคี 9 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 7 คนจาก 16 คนคือ
(1)จอมพลถนอม กิตติขจร-2/9 (2)นายสัญญา ธรรมศักดิ์-2/2 (3)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-1/8 (4)นายอานันท์ ปันยารชุน-1/1 (5)พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์-1/2 (6)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-1/3 (7)นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-1/1
7.นิยมความเป็นไทย วัฒนธรรมไทย 9 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 5 คนจาก 16 คนคือ
(1)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-5/8 (2)นายชวน หลีกภัย-1/7 (3)นายบรรหาร ศิลปอาชา-1/1 (4)พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ-1/1 (5)นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-1/1
8.ขยัน หมั่นเพียร 6 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 5 คนจาก 16 คนคือ
(1)จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์-1/5 (2)จอมพลถนอม กิตติขจร-1/9 (3)พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์-1/3 (4)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-1/8 (5)นายชวน หลีกภัย-2/7
9.รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 6 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 5 คนจาก 16 คนคือ
(1)จอมพลถนอม กิตติขจร-1/9 (2)นายธานินทร์ กรัยวิเชียร-1/1 (3)พลเอกเปรม ติณสูลานนท์-1/8 (4)พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ-2/3 (5)พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร-1/5
10.มีจิตสาธารณะ 4 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 2 คนจาก 16 คนคือ
(1)นายชวน หลีกภัย-3/7 (2)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-1/3
11.รักประชาธิปไตย 4 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 1 คนจาก 16 คนคือ
นายชวน หลีกภัย-4/7
12.อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 3 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 1 คนจาก 16 คนคือ
นายชวน หลีกภัย-3/7
13.หลีกเลี่ยงอบายมุข/ยาเสพติด 3 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 3 คนจาก 16 คนคือ
(1)นายบรรหาร ศิลปอาชา-1/1 (2)พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ-1/1 (3)พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์-1/2
14.มีวิจารณญาณ ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ 3 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 2 คนจาก 16 คนคือ
(1)พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร-1/5 (2)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-2/3
15.รู้ทันเทคโนโลยี 2 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 2 คนจาก 16 คนคือ
(1)พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร-1/5 (2)นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-1/1
16.รู้เล่น 2 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 2 คนจาก 16 คนคือ
(1)จอมพลถนอม กิตติขจร-1/9 (2)พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร-1/5
17.ใช้ชีวิตพอเพียง 1 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 1 คนจาก 16 คนคือ
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์-1/2
18.รักความสะอาด 1 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 1 คนจาก 16 คนคือ
จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์-1/5
19.กล้าคิด กล้าพูด 1 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 1 คนจาก 16 คนคือ
พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร-1/5
20.สุขภาพแข็งแรง 1 ครั้งมีนายกรัฐมนตรีให้คำขวัญนี้ 1 คนจาก 16 คนคือ
จอมพลถนอม กิตติขจร-1/9
หมายเหตุ
* จากปี พ.ศ. 2502 - ปัจจุบัน (13 ม.ค.2555) ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีมาแล้วมากกว่า 16 คน แต่มีหลายท่านที่ไม่มีโอกาสให้คำขวัญวันเด็กเนื่องจากดำรงตำแหน่งเพียงระยะเวลาสั้นๆเช่น นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ และนายสมัคร สุนทรเวช ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งไปเพราะกระทำการขัดกับรัฐธรรมนูญ(ฉบับประชาธิปไตยแบบไทยๆ)จากการยุบพรรค และการทำกับข้าวออกทีวี
** |-x/y| x = จำนวนครั้งในคุณลักษณะนี้ของคำขวัญ y = จำนวนรวมทุกครั้งที่ให้คำขวัญในขณะดำรงตำแหน่ง
ตารางที่1 ตารางแสดงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยจากคำขวัญวันเด็ก
ตารางที่2 ตารางแสดงคุณลักษณะอันพึงประสงค์แยกตามรายชื่อนายกรัฐมนตรี
แผนภูมิที่3 ภูมิแท่งแสดงสถิติจำนวนคุณลักษณะจากคำขวัญวันเด็ก
แผนภูมิที่4 แผนภูมิวงกลมแสดงสถิติจำนวนคุณลักษณะจากคำขวัญวันเด็ก
แผนภูมิที่5 แผนภูมิวงกลมแสดงสถิติร้อยละของคุณลักษณะจากคำขวัญวันเด็ก
ตารางที่3 ตารางภาพสัญลักษณ์แสดงคุณสมบัติที่พึงประสงค์ของเด็กไทยจากคำขวัญวันเด็ก
ตารางที่4 ตารางภาพสัญลักษณ์แสดงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยจากคำขวัญวันเด็ก (1/2)
ตารางที่5 ตารางภาพสัญลักษณ์แสดงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยจากคำขวัญวันเด็ก (2/2)
*** ใส่รูปไม่ได้ตอนนี้ดูภาพจาก url ไปก่อนครับ ถ้าปกติดีแล้วจะมาแก้ให้ครับ
*** แก้ไขใส่รูปให้แล้วครับ /18 ม.ค. 2555
จากตารางจะพบว่า
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยจากคำขวัญวันเด็กจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีไทยทุกท่านที่มีจำนวนมากที่สุดคือ เด็กมีความประพฤติดี มีคุณธรรมจริยธรรม มีความถี่ 29 ครั้ง(ปี) จากนายกรัฐมนตรี จำนวน 10 คน 134 คุณลักษณะ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยจากคำขวัญวันเด็กจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีไทยทุกท่านที่มีจำนวนมากที่สุด 3 อันดับรวม 61 ครั้งคิดเป็นร้อยละ 45.52 ของคุณลักษณะรวมทั้งหมดคือ
1.ประพฤติดี มีคุณธรรมจริยธรรม 29 ครั้งคิดเป็นร้อยละ 21.64
2.รักความก้าวหน้า รักการเรียนรู้ 18 ครั้งคิดเป็นร้อยละ 13.43
3.มีระเบียบวินัย 14 ครั้งคิดเป็นร้อยละ 10.45
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยจากคำขวัญวันเด็กจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีไทยทุกท่านที่มีจำนวนน้อยที่สุดมี 4 คุณลักษณะคือ ใช้ชีวิตพอเพียง, รักความสะอาด, กล้าคิดกล้าพูด, และการมีสุขภาพแข็งแรง มีนายกรัฐมนตรีที่ให้คำขวัญที่มีคุณลักษณะเหล่านี้คุณลักษณะละ 1 คน
หากคำขวัญวันเด็กสามารถสะท้อนทัศนคติของผู้นำประเทศที่มีต่อการพัฒนาเด็ก ในภาพรวมจะพบว่านายกรัฐมนตรีไทยให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมมากที่สุด รองลงมาจะเป็นความใฝ่รู้ใฝ่เรียน และความมีระเบียบวินัยเป็นลำดับต่อมา
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่ให้ความสำคัญในระดับปานกลางจะเป็นเรื่องของความเฉลียวฉลาด ความประหยัด ความสามัคคีรวมถึงค่านิยมของความเป็นไทย
สำหรับเรื่องของความขยันหมั่นเพียร ความรักในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ การมีจิตสาธารณะ รักประชาธิปไตย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงการหลีกเลี่ยงอบายมุขต่างๆ จะมีอยู่บ้างประปราย และมักจะมาจากแนวคิดของนายกรัฐมนตรีเพียงบางคน รวมถึงมีความเกี่ยวเนื่องจากสภาพแวดล้อมของสังคมด้วย เช่นปัญหาการระบาดของยาเสพติดเป็นต้น
แต่ก็น่าแปลกที่คุณลักษณะสำคัญที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาเด็กอย่างเช่น การมีวิจารณญาณ ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญในการพัฒนาเด็กไทย ซึ่งจากรายงานของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน)หรือ สมศ.ก็พบว่าเป็นหนึ่งในสามมาตรฐานที่มีปัญหามากที่สุดที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนกลับมีอยู่ในคำขวัญวันเด็กน้อยมาก รวมถึงเรื่องการรู้ทันเทคโนโลยี การกล้าคิดกล้าพูด อันจะนำไปสู่ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเด็กที่ทุกประเทศเน้นย้ำความสำคัญก็เช่นเดียวกัน เพราะมีนายกรัฐมนตรีเพียงสามท่านที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้คือ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จุดหมายของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยต้องการพัฒนาผู้เรียน(เด็ก)ให้มีพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุลทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ซึ่งแม้จะเป็นเด็กที่โตขึ้นมาถึงระดับประถม และมัธยมศึกษาแล้วก็ควรจะมีรูปแบบเช่นนี้เป็นฐานในการพัฒนาเช่นเดียวกัน
http://school.obec.go.th/sup_br3/cr_03.HTM
ไม่น่าเชื่อครับว่าที่ผ่านมาห้าสิบกว่าปีแทบจะไม่มีนายกรัฐมนตรีของไทยที่ตระหนักในเรื่องของการพัฒนาเด็กให้มีร่างกายและพลานามัยแข็งแรง เพราะเด็กต่อให้เก่ง ให้ฉลาดปราดเปรื่อง หากร่างกายอ่อนแอ สามวันดีสี่วันไข้เสียแล้ว ความสามารถทั้งหลายทั้งปวงก็คงจะไม่มีประโยชน์อันใด มีเพียงท่านเดียวครับที่ตระหนักในเรื่องนี้ แถมยังเป็นผู้ที่ใครๆก็เรียกว่าเป็นหนึ่งในจอมเด็จการเสียด้วย
วันเด็กปี พ.ศ.2510 จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ให้คำขวัญวันเด็กไว้ว่า "อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย"
เกือบสี่สิบห้าปีมาแล้วที่เรายังไม่เคยเห็นประโยคนี้รวมอยู่ในคำขวัญวันเด็กอีกเลย...
วิเคราะห์ประกอบข้อมูลได้น่าสนใจมากคะ
ดูเหมือนคุณลักษณะในคำขวัญวันเด็ก เป็นไปตาม กระแสการให้คุณค่า (value) ของผู้ใหญ่ในยุคสมัยนั้น
หากดู แนวโน้ม จะพบว่า
ช่วงแรก เป็นแนววินัย เรียบร้อย และมักสั้นๆ เอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ช่วงหลัง เป็นแนว "คิด, ความรู้" และ หลายอย่าง (multitasking)
..
ไม่น่าแปลกใจที่ คำว่า "คุณธรรม" ที่่ติดท็อปฮิต ก็เพราะไม่จำเพราะเจาะจง กว้างๆ เหมือนคำว่า "ดี"
แต่แปลกใจเหมือนกันคะว่า สุขภาพพลานามัย ไม่ติดอันดับเลย
...
ยังเห็นว่า คำขวัญวันเด็กมีคุณค่า
น่าจะเป็นคำสั้นๆ - "Make Just One Change" ที่มีความชัดเจน และพลัง เช่น "ตั้งคำถามด้วยตนเองเป็น"
หาก "คำขวัญวันเด็ก" ที่คิดโดยนายกฯ แต่ละสมัย จะสอดคล้อง สัมพันธ์ และมีการขับเคลื่อนได้จริงจากรัฐ โดยกระทรวงศึกษาฯ เป็นหัวหอกหลักก็น่าจะดีกว่านี้นะครับเนี่ย
ชอบกระบวนการวิเคราะห์ที่เจ๋งมาก ๆ ครับ ;)...
@ วันเด็ก เด็กได้ อะไรบ้าง นอกไปจาก แบบอย่ าง ผู้ใหญ่ให้
นอกจากความ สนุกสนาน เบิกบานใจ นอกจากความ เอาใจใส่ ในวันนี้
...................................................
@ ขอวันเด็ก เด็กวอน สอนผู้ใหญ่ ว่าคำขวัญ นั้นมิใช่ คำเฉลย
แท้คือคำ ถามกลับ...นับได้เลย ผู้ใหญ่เอ๋ย เคยดี...สักกี่คน
เลยชะลอ...นักการเมือง....เรื่องของ....สามัคคี พงษ์ไพบูลย์
เห็นด้วยกับท่านอาจารย์หมอ ป. ครับ อย่างในเรื่องของความสามัคคีก็จะนำใส่เข้าไว้ในยุคหลังเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองทุกครั้ง ท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ยังเน้นเรื่องนี้เรื่องเดียวเสียสองปีติดกันเลยครับ
@ ท่านอาจารย์ wasawat อย่างที่ท่านว่าก็น่าจะดีนะครับ แต่ต้องมี Master Plan ที่ชัดเจนโดยมีทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วม คำขวัญวันเด็กก็น่าจะเอามาจากแผนปฏิบัติการประจำปีซึ่งแต่ละปีอาจมีจุดเน้นต่างกัน
กลัวแต่ว่าจะไปไม่รอดเพราะมัวเกี่ยงกันเสียก่อนน่ะซิครับ
@ ท่านอาจารย์วิไล แพงศรี
ผมเองก็ต้องใช้แว่นตา 2 อันครับ อันหนึ่งเอาไว้ใช้ทั่วไป (สายตาสั้น) อีกอันหนึ่งเอาไว้ใส่ตอนใช้คอมฯ ส่วนเวลาดูหนังสือต้องถอดแว่นครับ เรื่องพิมพ์ผิดนี่เป็นประจำ ต้องตรวจแล้วตรวจอีกหลายรอบเหลือเกิน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมครับ และคงไม่ช้าไปสำหรับการบอกสวัสดีปีใหม่ เพราะผมไม่ค่อยมีโอกาสเข้ามาโพสเลยครับ
ขอบคุณสำหรับ ส.ค.ส. ครับท่านอาจารย์วิไล แพงศรี สวยงามพร้อมความอุดมสมบูรณ์ดีจังครับ
ผมแก้ไขเอาภาพมาลงบันทึกไว้แล้วครับ