518 สัมผัสอัลคาซาร์ คาบาเร่ต์ The Alkazar Show in Delhi


นักแสดงอาชีพ

 

 

 

(ขอบคุณภาพถ่ายจากเล็ก ปิยรัตน์ เศรษฐศิริไพบูลย์)

สัมผัสอัลคาซาร์ที่เดลี 

ในปีนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลีร่วมกับหน่วยงานของไทยในอินเดียจัดงาน Destination Thailand 2011 ณ ศูนย์การค้า Select City Walk ซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ยอดนิยมอันดับ 1 ในเดลี ในบันทึกก่อนผมได้เล่าแล้วเรื่องงาน Destination Thailand 2011 ที่จะกล่าวในบันทึกนี้ก็คือการแสดงของคณะคาบาเร่อัลคาซาร์ที่เลื่องชื่อซึ่ง ททท.ได้กรุณานำมาแสดงในงานนี้ด้วย ก็ต้องยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่ สอท.นำคณะแสดงดังกล่าวมาแสดงในเดลี

ทำไมถึงต้องอัลคาซาร์

ประเทศไทยเป็นจุดหมายการเดินทางยอดนิยมของคนอินเดียมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต คนอินเดียรู้จักดีและมีคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ตั้งความฝันว่าหากมีโอกาสจะต้องไปเที่ยวประเทศไทยให้ได้  เหตุผลก็คือไปเที่ยวประเทศไทยค่าใช้จ่ายถูก สมเหตุสมผล เดินทางไม่ไกลนัก ตั้งแต่ ชม.ครึ่งและไม่เกิน 4 ชม.ก็ถึงประเทศไทยแล้ว นอกจากนั้นประเทศไทยยังมีสถานที่น่าสนใจมากมายทั้งคนที่ชอบช๊อปปิ้ง ชอบทะเล ชอบทานอาหารอร่อยๆ และที่สำคัญ สวนสนุกและการแสดงที่ยอดเยี่ยม ซึ่งในจำนวนนั้นมีชื่อของอัลคาซาร์ พัทยารวมอยู่ด้วย คนไทยคงไม่ทราบว่านอกจากคนอินเดียจะชอบมาเที่ยวประเทศไทยมากถึง 8 แสนคนแล้ว ประเทศไทยเองก็ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ยอดนิยมที่สุดของบอลลีวู๊ดของอินเดียด้วย คนอินเดียจึงคุ้นเคยภาพบรรยากาศเมืองกรุงและทะเลที่งดงามในภาพยนตร์หลายเรื่องของอินเดีย

เมื่อเอ่ยถึงอัลคาซาร์ คาบาเร่ต์ คนอินเดียทีเคยไปเที่ยวเมืองไทยจึงรู้จักดี ส่วนคนที่ยังไม่เคยไปแต่ตั้งใจว่าจะไปก็ตื่นเต้นที่จะได้ชมอัลคาซาร์ในเดลี

ก่อนที่จะนำอัลคาซาร์มาแสดงที่เดลี ผมเองก็ไม่ร็จักคณะแสดงนี้เท่าใดนัก จำได้ว่าเคยไปชมที่พัทยาครั้งเดียวแต่ก็นานมากแล้ว (หลายสิบปี)เท่าที่จำได้ก็รู้สึกว่าเป็นการแสดงได้ดีมาก แต่การนำอัลคาซาร์มาแสดงที่อินเดียเป็นเรื่องที่ต้องคิดหลายตลบเพราะไม่แน่ใจว่าคนอินเดียทั่วไปจะสนใจและยอมรับอัลคาซาร์หรือไม่ เนื่องจากสังคมอินเดียซึ่งนับถือฮินดูยังค่อนข้างอนุรักษ์นิยมโดยเฉพาะการแสดงแบบคาบาเร่ยิ่งเป็นผู้ชายที่สวยกว่าผู้หญิง ผมก็ไม่แน่ใจเลยว่าผลจะออกมอย่างไร แต่ก็มั่นใจอย่างหนึ่งว่าเพราะอัลคาซาร์เป็นคณะแสดงคาบาเร่ที่ดีที่สุดหนึ่งในสองของเมืองไทย น่าจะได้รับการต้อนรับด้วยดีจากคนอินเดีย

กล่าวเปิดงาน

การจัดแสดงในที่สาธารณะในอินเดียต้องได้รับการอนุญาตจากตำรวจเดลีซึ่งจะดูว่าการแสดงนั้นหมิ่นเหม่ต่อศิลธรรมและจะไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายของคนดู ก็กว่าจะขออนุญาตตำรวจได้ ก็เล่นเอาใจหายใจคว่ำเนื่องจากต้องยืนยันกับตำรวจว่าการแสดงของอัลคาซาร์นั้นไม่หมิ่นเหม่ต่อศิลธรรมแน่นอนเพราะเป็นศิลปะการแสดงจริงๆ ที่ต้องการสร้างความบันเทิงผ่านเสียงเพลงและชุดแต่งกายที่สวยงาม เนื่องจากเป็นครั้งแรกของเดลี ตำรวจอินเดียจึงอนุมัติในที่สุด

การแสดงผ่านไปด้วยดี ( http://www.gotoknow.org/blogs/posts/468111 ) ด้วยความตื่นเต้นของทั้งคนดูและผู้จัด ต่างตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจกับการแสดงของอัลคาซาร์และผ่านไปด้วยดีทั้ง 3 วัน สิ่งที่ผมจะเล่าไม่ใช่เรื่องงานแสดงแต่จะเล่าถึงความประทับใจที่ได้รู้จักกับคณะแสดงของอัลคาซาร์

ในวันที่ 14 พย.2554 เราได้เชิญคณะอัลคาซาร์มาทานอาหารค่ำที่ทำเนียบ ออท. ทูตพิศาลติดราชการรัฐอื่น ผมจึงเป็นเจ้าภาพแทนและได้มีโอกาสสนทนากับผู้ชายที่สวยกว่าผู้หญิงเหล่านี้พอสมควร จึงขอเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

"พี่ฟ้า" หัวหน้าคณะอัลคาซาร์เล่าว่าธุรกิจอัลคาซาร์เป็นธุรกิจครอบครัวหนึ่งที่เกิดจากความต้องการจะสร้างงานให้ผู้ชายสวยเนื่องจากเห็นว่าพัทยามีคนต่างชาติมาเที่ยวเยอะและสนใจที่จะชมการแสดงลักษณะนี้ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่มีในประเทศไทยแต่ในต่างประเทศมีการแสดงแล้วในหลายประเทศ การแสดงก็คือการแสดง ซึ่งต้องใช้ความสามารถในการเต้นและร้องเพลงและการจัดฉาก เสื้อผ้าที่สวยงามอลังการและที่สำคัญต้องมีใจรักด้วยเพราะเป็นอาชีพที่นักแสดงต้องฝึกฝนอย่างหนักและแสดงอย่างน้อยวันละหลายครั้ง ผู้นำคณะ “พี่ฟ้า” บอกด้วยว่า ความสามารถมีแต่ใจไม่รักก็เป็นนักแสดงอัลคาซาร์ไม่ได้และอัลคาซาร์ไม่มีสาขา มีที่พัทยาแห่งเดียว แม้จะมีคนต้องการให้เปิดสาขาแต่ผู้บริหารต้องการคุณภาพมากว่าปริมาณ จึงไม่ต้องการขยายสาขา

คนที่จะมาเป็นนักแสดงอัลคาซาร์ได้นั้นต้องมีความเหมาะสมคือรูปร่างสูงหน้าตาดีหรือว่าสวยก็ได้ เท่าที่ผมดูแต่ละคนก็ผิวค่อนข้างขาว เต้นเก่งและร้องเพลงได้โดยเฉพาะการลิปซิ่งและต่างถูกฝึกฝนมาอย่างยาวนานจนมีความเป็นอัลคาซาร์ในตัว

สำหรับผมแล้ว อัลคาซาร์ก็คือนักแสดงที่มีความสามารถเช่นศิลปินนักร้องนักแสดงทั้งหลาย มีความตั้งใจที่จะแสดงสิ่งที่ตนชอบให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งต้องอาศัยธรรมะเช่นกัน คือต้องมีอิทธิบาท 4 เช่นเดียวกับการประกอบอาชีพอื่น ผมชื่นชมบุคคลเหล่านี้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ที่มีอาชีพสุจริต ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้เช่นเดียวกับศิลปินด้านอื่นๆ เมื่อถามว่าความสามารถของนักแสดงเหล่านี้ ผู้บริหารอัลคาซาร์ได้ส่งเสริมในการพัฒนาศักยภาพของแต่ละคนบ้างหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า มีการส่งเสริมโดยการจัดประกวดระหว่างผู้แสดงเอง ซึ่งอาจจะคิดทำนองดนตรีหรือท่าเต้นเอง ใครชนะก็จะมีรางวัลให้เพื่อเป็นกำลังใจ ผู้แสดงส่วนใหญ่จะอยู่กับอัลคาซาร์ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นครอบครัวอัลคาซาร์ไปแล้ว

จากการสนทนาในโต๊ะอาหารทำให้ทราบว่าบางคนนั้นก็ปฏิบัติธรรมและเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ดังๆ เช่นกัน สาธุ

หลังจากทานอาหารไทยกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว ผมก็ได้พานักแสดงเหล่านี้ไปสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งอยู่ในบริเวณสวนของทำเนียบ ออท.ซึ่งทุกคนต่างปลื้มปีติที่ได้สวดมนต์ อธิษฐานและเก็บใบโพธิ์ไปบูชากันหลายๆ ใบ

ผมสัมผัสกับนักแสดงอัลคาซาร์แล้วก็ต้องบอกว่าเป็นความงามของทั้งคนและจิตใจที่ใฝ่ดีเช่นเดียวกับพวกเราทุกคน ไม่ได้ต่างกันเลย และความงามนี้ จะเป็นปัจจัยให้ทุกคนพัฒนาตนเองไปสู่สิ่งที่ดีงามต่อไปๆ ในอนาคต ผมเชื่อเช่นนี้

 

...............................................................

 

คำสำคัญ (Tags): #อัลคาซาร์ พัทยา
หมายเลขบันทึก: 468563เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2011 18:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 18:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เจริญพร ท่านทูตฯ

  • ท่านยังตั้งใจทำหน้าที่ในฐานะนักการทูตโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย
  • ตอนนี้อาตมา และมหาวิทยาลัยกำลังในภวังค์ของน้ำท่วม
  • นำลิงค์มาฝากท่าน
  • http://www.gotoknow.org/blogs/posts/468566
Ico48

นมัสการครับท่าน

ดีใจครับที่ท่านแวะมาทักทาย ทั้งที่อยู่ในภวังค์ของน้ำท่วม

หากจะไปเยี่ยมท่านที่วังน้อย ต้องไปทางใดจึงสะดวกครับ

ช่วง 23 พย.ถึงปลายเดือนนี้ ผมจะแวะกลับไปเมืองไทยครับ จะไปช่วยคุณพ่อคุณแม่อพยพจากมินบุรีกลับบ้านที่บางแคเหนือ (หากน้ำลด) หรือไม่ก็อพยพต่อไปที่อื่น

อยากพบท่านครับ

นมัสการครับ

 

 

น้าจ้าก็เคยได้ดูค่ะ คิดว่าคงจะเมื่อประมาณ 10ปีมาแล้ว

จำได้ว่าประทับใจมากๆเลยค่ะ ความรู้สึกที่ดูตอนนั้นด้วยความที่สนุกสนานกับการแสดงเลยไม่ได้คิดแบ่งเพศว่าเป็นหญิงเล่นหรือชายเล่น คือมันเพลินไปกับการแสดงนะคะ น้าจ้าพาเพื่อนต่างชาติไปดูด้วยค่ะ เพื่อนก็คิดแบบเดียวกับน้าจ้าค่ะ เพื่อนบอกคนไทยเก่งมากๆ.

คุณพลเดชกลับจากเมืองไทยแล้วมาเล่าเรื่องน้ำท่วมที่เห็นให้ฟังด้วยนะคะ บ้านน้าจ้ายังปลอดภัยค่ะ แต่บ้านญาติคนอื่นๆก็โดนกันทั่วหน้า คุยกับเขาแล้วเขาร้องไห้เราก็เศร้าใจนะคะ

แต่เรื่องน้ำท่วมทำให้ตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองที่ไม่ชอบสะสมสมบัติอะไร คิดว่าถ้าตัวเองถูกภัยน้ำท่วมเรื่องห่วงสมบัติคงจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่คิด ฮ่า ฮ่า....

น้าจ้าครับ

จริงครับเรื่องการแสดง คนอินเดียหลายคนที่พบในช่วงที่อัลคาซาร์แสดงก็ไม่ทราบว่านักแสดงคือผู้ชาย แต่พอทราบ ก็ตื่นเต้นขึ้นไปอีกและต่างยกนิ้วให้ทุกคนว่าเก่งมาก

ผมจึงมองเห็นความงามที่มีอยู่ ตามธรรมชาติและทุกสิ่งก็ล้วนมีความงามนี้อยู่ด้วยทั้งนั้น

ทำให้นึกถึงสัญญลักษณ์ของเซน ที่เราเห็นก็คือ ในดำมีขาว ในขาวมีดำแต่ทั้งขาวและดำเป็นคนละสีกันแต่อยู่ด้วยกัน...ตามธรรมชาติ

ผมได้ช่วงเวลาแวะกลับไปเมืองไทยสั้นๆ เพื่อไปทำความรู้จักกับน้องน้ำของผู้ประสบภัยทั้งหลายและว่าจะตีสนิทกับน้องน้ำเพื่อจะได้รู้ธรรมชาติของน้อง ที่สำคัญจะไปช่วยคุณพ่อคุณแม่อพยพและช่อมบ้านชั้นล่างหากน้องน้ำกลับไปแล้ว

เรื่องคุณค่าของน้ำท่วมในครั้งนี้ มองให้ดีแล้วก็มีข้อดีหลายประการ ตามที่ผมพยายามมองน้องน้ำตั้งแต่ต้น การทำให้คนเรามีสติได้ไม่ใช่เรื่องง่าย......ดังนั้นหากน้ำท่วมทำให้คนมีสติขึ้นมาได้ ก็ต้องถือว่าเขาเป็นครูของเรา มาเตือนเราไม่ให้ประมาทครับ

แล้วจะนำเรื่องมาเล่าสู่กันฟังครับ

ขอบคุณ อจ.ขจิตและ คนไม่มีราก ครับ สำหรับดอกไม้กำลังใจ

ชีวิตคนเรา ต่างทางเดิน ต่างกรรมที่ทำมา แต่ทุกคนต้องเดินไปตามทางเดินแห่งชีวิต

ถ้าได้เรียนรู้กันทุกย่างก้าว ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ปรารถนาครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท