ตลอด 30 ชั่วโมงที่หลายฝ่ายพยายามต่อสู้กับกระแสน้ำเพื่อเร่งอุดรอยรั่วในหลายทิศทางของเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายพื้นที่หลายพันไร่ในเขตอุตสาหกรรมแห่งนี้ถูกน้ำท่วมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
เตียงที่ผมเคยนอนดูทีวีชั้นล่างนั้น...คงต้องยกขึ้นด้วยเเล้วใช่ไหม??
คิด “มุมเครียด” มานานบ้านน้ำท่วม
จุกจนอ่วมอรทัยน่าใจหาย
คิด “มุมดี” มีบ้างทางสบาย
หากไม่ตายคงซึ้งหนึ่งบทเรียน
มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ ไม่ไกลจากบ้านพี่ใหญ่แถวถนนรัชดา-ลาดพร้าว มีคลองบางซื่อที่มีชุมชนอาศัยกันมาช้านานเช่นกัน พี่ใหญ่มักจะชะเง้อดูระดับน้ำอยู่บ่อยๆเมื่อนั่งรถผ่านไปทำงานทุกวัน วันนี้ปริ่มๆติดขอบเหมือนกันค่ะ
ดีครับ
มาให้กำลังใจค่ะท่านอาจารย์ศิลา
ยิ้มสู้ อยู่ให้เป็น..เยี่ยมมากค่ะ..
.แล้วมันก็จะผ่านไปนะคะ..
ภาวนาขอให้ปลอดภัยค่ะ..^_^
Smile of Mind & Take Life Easy ;)...
ขอบคุณคะ บันทึกเหล่านี้ เป็นประวัติศาสตร์ บทเรียน เพื่อหาวิธีการรับมือกับธรรมชาติต่อไป
เห็นด้วยว่า มนุษย์เราเสมอภาคด้วยน้ำมวลเดียวกัน (อย่าเอามาเป็นเรื่องทะเลาะกันเลยนะ :-)
หากมีสติเราก็ได้เรียนรู้ตัวเองในยามวิกฤตนี่แหละค่ะ ข้าวของที่ต้องยกหนีน้ำ ยิ่งมีมาก นั่นคือภาระ
คนข้างกายพูดเสมอในยามน้ำเข้าหลากที่ต่างๆที่แล้วที่เล่า ว่าคนที่เป็นทุกข์และเสียหายมากที่สุดคือคนที่อยู่ตรงกลางๆ เป็นหนุ่มสาววัยทำงาน วัยสร้างตัว ไม่เคยมีความรู้อะไรกับแผ่นดิน ทำงานได้เงินซื้อหาข้าวของไว้เพื่อความสุขสะดวกสบาย น้ำมาวูบเดียวตั้งตัวไม่ทัน หมดตัวและไม่ทราบว่าอนาคตจะมีเงินซื้อใหม่ได้หรือไม่ ชั้นล่างคือชาวบ้านของแท้แบบเดิมๆและคนจนมากๆทรัพย์สมบัติน้อยอยู่แล้ว น้ำท่วมนั้นเดือดร้อนแน่แต่ไม่เสียหายมาก อาจได้รับความเอื้ออาทรเหลียวแลจากสังคมมากกว่ายามน้ำแห้งด้วยซ้ำ ส่วนคนชั้นสูง เศรษฐี นายทุน เสียหายอย่างไรก็ยังมีสิ่งรองรับ
อีกสิ่งที่พี่ได้เห็นจากสองบันทึกของคุณศิลาที่มาอ่านติดๆกันก็คือ ความยากยิ่งในการทำงานแบบมองทุกอย่างเป็นองค์รวม(เช่น ผู้ว่ากทม.ไม่เคยไปศึกษาเขื่อนต่างจังหวัดที่จะส่งผลต่อพื้นที่กทม.) และ บูรณาการความรู้ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นเอกภาพมาจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คงสะท้อนระบบการศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ที่ชินกับการคิดแบบแยกส่วน มองอะไรก็มองเฉพาะที่อยู่ตรงหน้าของตัวแถมพกด้วยอัตตาอีก
บุญรักษานะคะ
ยังสบายดีหรือเปล่าครับ
ส่งกำลังใจมาให้ ผมเคยมีเพื่อนเป็นชาวเวียตนาม หนีมาจากเวียตนาม ตอนกรุงไซง่อนแตก
พ่อแม่ให้เอาทองติดตัวมา โดนโจรสลัด(ไทย) ปล้นไปหมด เหลือแต่ตัวเปล่า ผู้หญิงโดนถูกจับไปขาย
เวลาทำงานกับผม เขาพูดเสมอๆว่าอะไรๆมันก็ไม่แน่ รวยได้ก็จนได้
ใช้ชีวิตให้ดีที่สุดก็แล้วกัน ตอนนั้นผมก็ลืมชวนให้เขามานับถือศาสนาพุทธ
เพราะยังหนุ่มด้วยกันทั้งคู่ มัวแต่ทำมาหากิน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้นำประเทศสำหรับที่สุด บ้านเมืองพังทลาย ก็เพราะได้ผู้นำที่เห็นแก่ตัวครับ
วันที่ 30 กรกฎาคม 2554 พายุมา ระบายน้ำไม่ทัน
น้ำท่วมบ้านหนองคายชั้นล่าง ฟุตกว่า ๆ
ดูจากรอยคราบน้ำน่ะค่ะ เพราะไม่อยู่บ้าน ไปประชุมที่อุดร
แต่ล้างขี้ตม และขนหนังสือออกจากลังกระดาษที่แช่น้ำไม่รู้เนื้อรู้ตัว อยู่เป็นอาทิตย์
เสียดายหนังสือก็เสียดาย
ล้างบ้านเปล่า ๆ น่าจะง่ายกว่า
สงสารแต่คนที่ท่วมขังอยู่เป็นเดือน ๆ
เอาใจช่วยให้อาจารย์รอเก้อนะคะ