ใช้ AI_Appreciative Inquiry (สุนทรียสาธก)สืบค้นที่มาของภูมิปัญญาการพร่องน้ำโดยเรือ จนกลายเป็นการพร่องน้ำโดยเรือครั้งใหญ่และใช้เรือมากที่สุด"ที่สุดในโลก"
11 ต.ค. 54 ผมรอลุ้นดูข่าว การพร่องน้ำโดยเรือเพื่อช่วยระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ว่ากันว่า จะใช้เรือมากถึง 1,000 ลำ ซึ่งเป็นการใช้เรือผันน้ำครั้งใหญ่ที่สุดในโลก และงานนี้ก็เช่นกัน กินเนสส์บุ๊คจะได้จดบันทึกสิ่งนี้ว่าจะเป็น การพร่องน้ำโดยเรือครั้งใหญ่และใช้เรือมากที่สุด"ที่สุดในโลก"ด้วย (ทราบในเวลาต่อมาว่าเลื่อนเป็นวันที่ 16 ต.ค. แล้ว)โดยวิธีการนี้กำลังเป็นความหวังของคนกรุงเทพ ที่จะทำให้รอดฟ้นจากวิกฤติน้ำท่วมในครั้งนี้ ผมอดตั้งคำถามไม่ได้ ว่ารัฐบาลได้ความคิดนี้มาจากไหน ก่อนหน้านี้ผมทราบมาก่อนว่าเครือข่ายรักษ์แม่น้ำท่าจีน เคยใช้วิธีการแบบนี้อย่างได้ผลมาก่อนแล้ว ………..
เมื่อวาน 10 ต.ค. 54 ผมอยู่ที่ศูนย์เรียนรู้ ชุมชนตำบลทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม จัดเวทีความร่วมมือชุมชนท้องถิ่น ท้องถิ่น(อบต.) ท้องที่( กำนันผู้ใหญ่บ้าน) ชุมชน(สภาองค์กรชุมชน) รวมทั้งภาคีในพื้นที่ ได้แก่ โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ว่าจะสร้างความร่วมมือรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชนอย่างไร มีแกนนำของตำบลเข้าร่วมเวทีครบครับ ทั้งนายกชิน ประเสริฐมรรค นายกอบต.ทรงคนอง นายยุทธนา บุญทน ปลัด อบต. กำนันบุญสม ประเสริฐมรรค ผอ.สัมฤิทธิ์ เนตรประไพ ผู้อำนวยการโรงเรียน นางสุนี ขาวสำอาง หัวหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล นายวิถี หลงสมบุญ ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลทรงคนอง นางสุนา สร้อยเซียน ผู้ประสานงานสภาองค์กรชุมชนตำบลทรงคนอง
................
กระบวนการที่ผมใช้จัดเวทีคือการฝึกให้มองสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ในอนาคตเป็นสามแบบคือ
แล้วพวกเราเครือข่ายความร่วมมือชุมชนท้องถิ่นตำบลทรงคนอง เราจะเตรียมรับสถานการณ์อย่างไร
..........
การสร้างเรียนรู้อีกแบบคือการเรียนรู้สไตล์การทำงานของคนเป็นคน 4 แบบ คือ กระทิง เหยี่ยว หนูและหมี
ซึ่งในการทำงานร่วมกันในภาวะวิกฤตินั้น เราจะต้องเข้าใจสไตล์คนที่เป็นทีมงานเครือข่ายเราว่ามีหลายสไตล์ ทัศนะและข้อมูลของเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ และข้อมูลราชการไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นแบบไหนกันแน่ แบบที่หนึ่ง เลวร้ายสุดๆ แบบที่สองเหตุการณ์ขนาดปี 38 และ 49 แบบที่สาม สถานการณ์มีปัญหาแต่ไม่มาก
แต่ก็มีข้อมูลหลายอย่างที่ทำให้เชื่อได้ว่าสถานการณ์น้ำครั้งนี้ไม่ปกติ แม้ทางราชการจะบอกว่า เอาตัวเมืองนครสวรรค์อยู่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ อยุธยา นิคมอุตสาสหรรม ศาลากลางจังหวัด(ศูนย์พักพิง)ก็สะท้อนถึงการตัดสินใจบนข้อมูลที่ผิดพลาด (คนเราผิดพลาดกันได้ให้อภัยครับ) ปทุมธานีด่านปราการสุดท้ายติดกับกรุงเทพ ก็เริ่มแตกแล้ว นนทบุรีเริ่มท่วมแล้ว
นั่นเป็นหนึ่งในเสียงสะท้อนจากเวที ครับ
ครับจากการแลกเปลี่ยนกับเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นที่นครปฐมริมแม่น้ำท่าจีน ทำให้ผมเริ่มเชื่อในสัญญาณที่เป็นข้อมูลบ่งบอกจากเวทีนี้ได้ว่าน้ำครั้งนี้ไม่ธรรมดา แม้ข้อมูลจากทางราชการทุกสำนักแจ้งว่า จะเอากรุงเทพไว้อยู่
แต่ผมกังวลมากต่อบ้านเมืองครับ ผมกังวลมากเกินไปหรือเปล่า
................
สุดท้ายได้จัดกระบวนการเรียนรู้แบบAI_Appreciative Inquiry (สุนทรียสาธก) ซึ่งเป็นกระบวนการค้นหาเรื่องราวที่ดีๆด้วยความชื่นชมยินดีว่าท่ามกลางปัญหาเราสามารถที่จะเรียนรู้ว่ายังมีสิ่งดีๆ เรื่องราวที่ดีๆเกิดขึ้นได้ ครับท่ามกลางปัญหาทุกปัญหาล้วนมีโอกาสดีๆเกิดขึ้นเสมอครับท่ามกลางความอัปยศอดสู ล้วนมีเรื่องราวที่ดีๆซ่อนอยู่
จากการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบAI_Appreciative Inquiry (สุนทรียสาธก)ครั้งนี้ ทำให้ผมทราบว่า การพร่องน้ำแบบ"เรือดันน้ำ"ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังทั่วประเทศและกำลังดังไปนานาชาติด้วยนั้น เป็นภูมิปัญญาคนที่นี่ครับ ที่ตำบลทรงคนองและเครือข่ายผู้คนลุ่มแม่น้ำท่าจีน ครับ
จากการค้นหาเรื่องราวที่ดีๆแบบAI ของพวกเขา ทำให้ทราบว่าเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นลุ่มน้ำท่าจีน นครปฐม ได้เคยใช้การผลักดันน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบนี้มาก่อนหลายปีแล้วครับ อย่างน้อยก็เคยใช้มาก่อนตั้งแต่เมื่อเมื่อน้ำท่วมครั้ง ปี 26 38และ49 และกำลังใช้อยู่ในช่วงทุกวันนี้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
นายวิถี หลงสมบุญ ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลทรงคนอง บอกว่าเครือข่ายรักษ์แม่น้ำท่าจีนได้เสนอวิธีการกระบวนการบริหารจัดการเป็นระบบในการใช้เรือดันน้ำ ให้กับรัฐบาลไปใช้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งรัฐบาลก็ได้ขานรับ จนกำลังจะทำให้เกิดปรากฎการณ์ใช้เรือ1,000 ลำ ในการผันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งนี้ ซึ่งงานนี้ กินเนสส์บุ๊คจะได้จดบันทึกสิ่งนี้ว่าเป็น การพร่องน้ำโดยเรือครั้งใหญ่และใช้เรือมากที่สุด"ที่สุดในโลก"ด้วย
…………
แต่เป็นที่น่าเสียดายครับ
นายวิถี หลงสมบุญ ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลทรงคนอง ยังบอกต่ออีกว่า พอเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นรักษ์แม่น้ำท่าจีน นครปฐม ซึ่งเป็นผู้เสนอวิธีการกระบวนการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบในการใช้เรือดันน้ำ นี้ ได้ขอความร่วมมือจากศูนย์มหัศจรรย์ ศปภ.ที่ดอนเมือง พวกเขาได้คำตอบกลับมาว่า ทางศุนย์ดอนเมืองมีแต่งบให้แม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น ไม่มีให้แม่น้ำน้ำท่าจีนครับ
......
ครับผมฟังเรื่องราว แล้วอึ้งครับ ทั้งๆ ที่แม่น้ำท่าจีนก็มีส่วนช่วยพร่องน้ำลงทะเลได้เร็วเช่นกัน "เรือดันน้ำ" เป็นภูมิปัญญาคนลุ่มน้ำท่าจีน ที่พวกเขาเคยใช้ผลักดันน้ำเมื่อปี 26 38และ49
ครับกลุ่มเครือข่ายคนแม่น้ำท่าจีน โดยเฉพาะแถวย่าน บางระกำ บางเลน พวกเขาวางแผนจัดการเรื่องน้ำ จัดการแม้กระทั่งการเก็บเกี่ยวพืชผลเพื่อใช้พื้นที่ที่เก็บเกี่ยวแล้วเป็นแก้มลิง ผู้คนทั้งบางของเขาร่วมมือกัน ยอมให้พื้นที่ของตัวเองจมน้ำเพื่อให้ส่วนใหญ่รอด มีวิธีดันน้ำตามประสบการณ์ของเขา และพวกเขาก็ช่วยกันดูแลในระดับพื้นที่มาตลอด
ทั้งๆที่เขาดูแลตัวเองซึ่งช่วยแบ่งเบาการไล่น้ำจากเหนือได้ด้วยเช่นกัน กลับไม่สนใจ
ในครั้งนี้เมื่อพวกเขาทราบว่าจากการ โทร.ไปที่ศูนย์ที่ดอนเมืองขอให้ช่วยค่าน้ำมันเรือ แล้วได้คำตอบจากทีมของนายปลอดประสพบอกว่า ให้เฉพาะเรือที่มาช่วยดันน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น
ดังนั้นเครือข่ายรักษ์แม่น้ำท่าจีนเขาจึงร่วมกับภาคีในท้องถิ่น เปิด บ/ช ระดมทุนกันเองด้วยการขอบริจาคค่าน้ำมันกันในพื้นที่ครับ ซึ่งโรงงาน ภาคอุตสาหกรรมแถวนี้ก็ยินดีช่วยครับ
นี่ครับเป็นตัวอย่างของการพึ่งตนเองในการจัดการกับปัญหา ของชุมชนท้องถิ่นสองฝั่งแม่น้ำท่าจีนตั้งแต่สุพรรณฯ ยันมหาชัยก่อนออกทะเล ของเครือข่ายรักษ์แม่น้ำท่าจีน ซึ่งรวมถึงเครือข่ายความร่วมมือชุมชนท้องถิ่นตำบลทรงคนอง ก็เป็นส่วนร่วมสำคัญในการคิดค้นนวตกรรมการพึ่งพาตนเองอย่างมีศักดฺิ์ศรี ด้วยเช่นกันครับ
สนใจ รายละเอียด อ่านตอน 2 ครับ
สภาองค์กรชุมชนที่จดแจ้งจัดตั้งแล้วควรมีเวทีแบบนี้ เพราะความรู้สึก ความทรงจำในการสนทนาจะยังคงอยู่เมื่อได้พบได้เจอกัน ณ ที่แห่งใดก็ยังนำเอาเรื่องราวนั้นมาสนทนากันต่อ ทำให้เกิดการพัฒนาในองค์กรขึ้นแบบมาจากข้างใน (จิต-ใจ)
ครับคุณสุนา
ยอดเยี่ยมมากๆครับ เป็นอะไรที่น่าทึ่งนะครับคุณสุเทพ.
*** น่าจะเป็นความหวังสุดท้ายของการช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ นะคะ....ขอให้ประสบผลสำเร็จนะคะ ***
มีความหวัง ใช้กำลังปัญญาแก้ปัญหา
แค่ได้เห็นการแสดงความคิดเห็นเพื่อระดมความคิด
ก็ชื่นชมและนับถือน้ำใจกลุ่มรักษ์แม่น้ำท่าจีนกลุ่มนี้จริงๆ
ยอดเยี่ยมมากเลยครับ
ขอบคุณค่ะ ชื่นชมแนวคิดเพื่อลงสู่การปฏิบัติเช่นนี้ พี่ใหญ่เองไม่เคยนิ่งนอนใจว่ากทม.จะรอดปลอดภัยจากน้ำท่วม แต่ติดตามการบริหารจัดการของทุกฝ่ายด้วยความสนใจ เห็นถึงความร่วมมือกันมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งจะสร้างบทเรียนรู้ในการรับวิกฤตภัยในครั้งต่อไปค่ะ และสำหรับตัวเอง ได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่เช่นกัน
ขอบคุณมากครับสำหรับการบอกเล่าภูมิปัญญาไทยที่ยอดเยี่ยม
คนตัวเล็กๆนี่มีความรู้เอาตัวรอดมาได้ตั้งแต่นมนานแล้ว
รอคนรุ่นใหม่ไปเรียนรู้ ครานี้เจอหนัก คงมีความพร้อมที่จะไปเรียนรู้อดีตกันได้มากขึ้น
นมัสการพระมหาแล
สุนทรียสาธก พกพาสิ่งที่ดีงาม
สุนทรียสาธก ค้นหา ค้นพบภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยความชื่นชมยินดี ครับ
สนับสนุนกองทุนผลักดันน้ำแม่น้ำท่าจีน ร่วมกับชมรมเรารักแม่น้ำท่าจีน
ได้ที่