จริงฉันเชื่อว่าชั้นไม่ได้โง่นะ
ตอนป.1 ชั้นเคยสอบได้ที่ 1
ป.2 ได้ที่ 2
ป.3 ก้อได้ที่ 1
ป.4 อาจารย์เขาคงเกียจขี้หน้าฉันแหละ เลยได้ที่ 5 (เราไม่ตั้งใจด้วยแหละ ช่วงนี้เล่นวงดุริยางค์) และอาจารย์เขียนมาในสมุดพกว่า การเรียนตกต่ำลงมาก นี่ชั้นไม่ได้สอบตกนะ แค่ที่ 5 ไม่เห็นต้องเขียนลงสมุดพกไปให้ พ่อแม่ ว่าฉันอีกรอบเลย (อย่าไปบอกใคร ครูชื่อ ครูบุปผา )
ป.5 ป.6 ชั้นก็สอบได้ที่ 1
เห็นมะชั้นไม่ได้โง่นี่
บางคนเรียน ป. ละตั้งหลายปี
พอขึ้นมัธยม ชั้นก็ไม่ได้โง่ลง
ก้อยังเป็นที่ 1 อยู่ ชั้นจบ ม.3 มาด้วยเกรด 3.85
แล้วปิดเทอมใหญ่ ม.3 ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับมิตรภาพที่ดีที่สุดสำหรับชั้น
ฉันมีเกรดดี จึงได้โควตา
แต่ ไป อาชีวะ..
จริงๆก็ไป โรงเรียน มัธยมดังๆแถวบ้านได้แหละ แต่ฉะน ไม่อยากไป ไม่รู้ทำไม
ฉันไม่ได้กระตือรือร้นอะไร
ตอนที่กรอกโควตา ฉันกรอก "วิจิตรศิลป์"
เช้าวันต่อมา ครูประจำชั้น เรียกไปพบ
แล้วย้ายชื่อฉันไปอยู่ใน "เลขานุการ"
ฉันไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจออกมา เพราะเห็นว่า อาจารย์ คงเลือกทางที่ดีที่สุด (สำหรับเขา)ให้กับศิษย์
ฉันไม่ได้กระตือรือร้นอะไร
พ่อแม่อยากให้ฉันเรียนโรงเรียนประจำจังหวัด
ฉันไปสมัครไว้ ตามใจพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก
เหมือนเด็กที่ยังไม่รู้ตัวว่าควรจะทำอะไรตอนนั้น
พอถึงวันสอบเข้า
คืนก่อนวันนั้น ฉันตั้งใจ...
ไปเดินเที่ยวงานประจำปีหลวงพ่อวัดไร่ขิง
กลับมาถึงบ้านก็เกือบๆ ตี 2
ไม่ได้อ่านหนังสือสักตัว
แต่ก่อนหน้านั้นก็มีอ่านบ้างแหละ
เช้าวันนั้นฉันไปสอบแบบลอยๆ
ฉันทำเท่าที่ทำได้
ไม่มีการคาดหวังอะไรจากการสอบครั้งนี้....
จนถึงวันประกาศผล
ฉันไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องติด
ฉันไปดูบอร์ด ไม่มีชื่อฉัน
ฉันไม่ได้เสียใจ
ไม่ได้ดีใจ
ฉันกลับไปบอกแม่ว่าไม่ติด
และเตรียมไปซื้อเสื้อผ้าที่อาชีวะ
ปิดเทอมนั้น ชั้ไม่ได้รีบร้อนเรื่องโรงเรียนใหม่แต่อย่างใด
ไปทำงานพิเศษด้วยซ้ำ..
ที่โรงงานขณะที่ทำงาน มีโทรศัพท์ โทรมา บอกใหห้ไปมอบตัวที่ โรงเรียนประจำจังหวัด
ฉันบอกเขาไปว่า คงโทรผิดแล้ว ฉัน ไม่ได้สอบติด
"พ่อ ของหนู เขามาฝากค่ะ"
ฉันไม่ได้ดีใจ หรือเสียใจ
3 ปี ผ่านไป ชีวิต ม.ปลาย วิทย์ คณิต ไม่สนุกนักสำหรับฉัน ฉันไม่ชอบไฟฟ้า ไม่ชอบ ฟิสิกส์เลย
"นี่ๆ วันสอบ แก สอบตึกไหนวะ " เพื่อนถามฉัน ว่า วันที่สอบเข้าฉันสอบตรงไหน ฉันก็บอกเขาไปว่าที่ไหน
แต่ฉันไม่กล้าบอกเขาหรอกว่า ฉันเป็นเด็กเส้น
ฉันเก็บความลับนั้นมา 3 ปี
จนถึงวันผลแอดมิชชั่นออก
ฉันเลือก มนุษ(เกษตร) สื่อสาร(มช.) นิเทศ(จุฬา) และ นิเทศ (บูรพา)
ฉันอยากติดเกษตรมาก
ผลออกมาว่าฉันติด มช. มหาลัยที่โคตรดัง
มีแต่คนอยากไป
ฉันก็อยากไป
พ่อบอกฉันว่า
"มีที่อื่นไหม"
ฉันไม่ได้ไป มช สื่อสารมวลชน...
ฉันไม่ได้ร้องไห้ ที่ตัวเองไม่ได้ไป
ไม่ได้เสียใจ ที่พ่อบังคับ
แต่ฉันร้องไห้เพราะเพื่อนคนนั้น
วันเดียวกันที่ผลแอดมิชชั่นออก
เพื่อนสนิทของฉัน ให้ฉันเช็คให้
ว่าผลที่ประกาศสำหรับเขาเป็นอย่างไร
"ฉันร้องไห้"
ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
แต่เพื่อเพื่อนสนิทของฉัน
เพื่อนคนที่เดินทางมาจากอยุธยา เพื่อมาเรียน โรงเรียนนี้
เธอตั้งใจสอบเข้าด้วยความสามารถของเธอ
เธอตั้งใจอ่านหนังสือ และตั้งใจเรียนเสมอ
เธอต้องจากครอบครัว มาอยู่หอ
เพื่อที่จะได้เป็น "เภสัช "
ไม่มีคำพูดมากนัก ในการสนทนาระหว่างเราครั้งนั้น
ฉันคิดว่าเธอคงรู้
ฉันไม่รู้จะปลอบเธออย่างไร
มันเป็นเหมือน ก้อนหิน ก้อน เท่าบ้าน ตกลงบนหัวเค้า
ความพยายามของเขา....
มันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกผิด
ที่ฉันเป็นเด็กเส้น
วันนั้น เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก
มีเพียงน้ำใสๆ
จากดวงตา 2 คุ่ ไหลรินอยู่ตลอด
แทบไม่มีคำปลอบใจใดๆ
ก่อนจะลาจากกันวันนั้น
ฉัน ตัดสินใจที่จะพูดกับเธอคนนั้นว่า
"มึง ตอน ม .4 กุไม่ได้สอบเข้ามาว่ะ กุเป็นเด็กเส้น"
เพื่อที่จะบอกให้เค้ารู้ว่า เธอน่ะ ยังมีเกียรติยศ และ ศักิศรี มากกว่าเราขนาดไหน
และฉันก็ไม่รู้ว่า เขาจะรู้สึกแย่ลง หรือดีขึ้น
เพื่อนของฉันตอบว่า
"ไม่เห็นเป็นไรเลยมึง เด็กเส้นแล้วมันไม่ดีตรงไหน ยังไงกูก้อรักเมิง"
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะให้คนที่กำลังเสียใจที่สุด มาให้กำลังใจคนที่สอบติด
เธอไม่จำเป็นต้องพูด คำดีแบบนั้นก็ได้
แต่เพื่อนคนนั้นของฉันเลือกที่จะพูด
พูดออกมาด้วยความรัก
และวันนี้ฉันก็คิดถึงเธอคนนั้นเพื่อนที่ดีที่สุด
ในวันที่ฝนตก วันที่เด็กเส้นคนหนึ่งกำลังจิตตก ...
แหล่งที่มาข้อมูล http://enjoy-dangnoi.exteen.com/20090904/entry
ความหมายที่ดีที่สุดของเด็กเส้น
คือคนที่เข้ามาด้วยระบบอุปถัมภ์ ไม่ใช่ระบบคุณธรรม ไม่ว่าจะใช้ เส้นสาย หรือ การเซ่นด้วยสิ่งตอบแทน คุณภาพที่ได้มามีทั้งที่ดีและไม่ดี ถึงได้มาไม่ถูก แต่ถ้าปกครองด้วยระบบคุณธรรมก็ไม่สร้างปัญหามากนัก
-----------------------------------
เพื่อนร่วมงานก็ไม่ควรกระทบกระแทก ว่าคนนั้นคนนี้เป็นเด็กเส้น ในขณะที่เด็กเส้นเองก็ต้องประพฤติปฏิบัติตนให้ดี ไม่ทำตัวเหนือผู้อื่น
แหล่งที่มาข้อมูล http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=1b326901e838e9dd