บ่ายวันเสาร์ที่ ๙ ก.ค. ๕๔ มีพิธีมอบรางวัลสิปปนนท์ ๒๕๕๔ และปาฐกถา เรื่อง “วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า เศรษฐกิจไทยยั่งยืน” โดยองค์ปาฐกคือ ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อรำลึกถึงคนดีของชาติ คือ ศ. ดร. สิปปนนท์ เกตุทัต
งานนี้เริ่มครั้งแรกในปี ๒๕๕๑ โดยได้มีบันทึกไว้ที่นี่ และผมบันทึกความรู้สึกไว้อย่างละเอียดที่นี่
ผมบันทึกการไปร่วมงานปีที่แล้วไว้ที่นี่
ปีนี้ช่วงเช้าผมไปประชุมสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่จุฬาฯ กินข้าวเที่ยงเสร็จผมก็รีบขับรถจากจุฬาฯ ไปที่วังสวนผักกาด รถมาติดตรงเลยสี่แยกราชเทวีมาแล้ว ใช้เวลาตรงนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงจึงเลี้ยวขวาตรงสี่แยกพญาไทได้
นักเรียนที่สอบ โอเน็ตวิชาวิทยาศาสตร์ได้คะแนนสูงสุดในปี ๒๕๕๔ และได้รับรางวัลสิปปนนท์ คือนายฐิติกร กิตติบุญญา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เวลานี้เป็น นักศึกษาแพทย์ศิริราช และผู้สอบได้คะแนนอันดับที่ ๒ คือ นส. นัยน์ชนก แขดอน โรงเรียนเตรียมฯ และเวลานี้เป็น นศพ. ศิริราชเหมือนกัน
ดร. ประสาร กล่าวปาฐกถา เรื่อง “วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า เศรษฐกิจไทยยั่งยืน” ใน ๓ ประเด็นใหญ่ๆ คือ
๑. ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท่านกล่าวว่า ทั้งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ ต่างก็มีเป้าหมายหรือคุณประโยชน์ต่อสังคมใน ๓ ด้าน คือ (๑) ความเจริญก้าวหน้า มีความเป็นอยู่ดีขึ้น (๒) ความยั่งยืน (๓) ความทั่วถึง โดยมีเป้าหมายทั้งในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ว&ท ช่วยเพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และคิดค้นสินค้าใหม่ๆ
๒. สภาพปัจจุบันของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย
ท่านอ้างรายงานของ IMD ว่าประเทศไทยผลิตบุคลากรด้าน ว&ท
ไม่น้อย แต่สร้างนวัตกรรมไม่ได้
ทำได้เพียงพัฒนารูปร่างภายนอก
๓. แนวทางพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต ท่านเสนอ
๓ ประการคือ (๑) ปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์ (๒)
ส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร (๓) ร่วมมือระหว่างภาครัฐ
ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจเอกชน นำความรู้ ว&ท
ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์
ดร. ประสารอ้างผลการวิจัยเปรียบเทียบการพัฒนาประเทศเกาหลีใต้กับไทย ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงกัน แต่ ๒๐ ปีให้หลัง ในปี ๒๕๔๓ ไทยล้าหลังเกาหลี ๑๐ – ๑๕ ปี เขาบอกว่าข้อแตกต่างคือบุคลากรด้าน ว&ท ที่ไทยผลิตน้อยเกินไป และการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยเน้นการหยิบยืมและซื้อเทคโนโลยี ไม่พยายามสร้างเอง แต่เกาหลีสร้างคนของตนเอง สำหรับสร้างเทคโนโลยีเองด้วย
มีคนถามวิธีดึงดูดคนเก่งไว้เป็นนักวิทยาศาสตร์ ท่านตอบแบบมวยหลัก ว่าต้องมี incentive ทั้งที่เป็นเงินและที่ไม่ใช่เงิน คนเราบางคนต้องการทำสิ่งที่ตนใฝ่ฝัน และต้องการสร้างสิ่งที่เกิดผลดีต่อสังคมและต่อโลก หากจัดอำนวยความมั่นใจว่าหากเข้ามาเป็นนักวิทยาศาสตร์เขาจะมีโอกาสทำสิ่งที่ใฝ่ฝันนั้น คนเก่งบางคนก็จะเข้ามาอุทิศชีวิต
ผมขับรถกลับบ้านด้วยความอิ่มใจที่ได้มาร่วมงานเพื่อรำลึกถึงครูของผม
วิจารณ์ พานิช
๘ ก.ค. ๕๔
ไม่มีความเห็น