ทอดแหนง


ความเชื่อ

ทอดแหนง :  ความเชื่อ

                ทอดแหนง  เป็นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่งเสมือนเป็นคำสาป มิให้ผู้หญิงที่ถูกทอดแหนงมีคู่ครองได้โดยเกิดความเบื่อหน่าย ความหวาดระแวงต่อผู้ชายที่มาขอแต่งงานกับตน คนสมัยก่อนมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดีเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติและทรัพย์สินเงินทอง แต่ไม่สามารถมีคู่ครองได้ตลอดชีวิต เพราะถูกผู้ชาย “ทอดแหนง”

                การแต่งงานสมัยก่อน ส่วนมากเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่เคยรัก หรือรู้จักกันมาก่อน ฝ่ายชายก็ตามใจพ่อแม่ แล้วแต่จะเลือกสาวคนใดให้ ยิ่งฝ่ายหญิงต้องอยู่ในอำนาจของพ่อแม่ แม้ตนจะรักผู้ชายคนนั้น ถ้าพ่อแม่ไม่ยินยอม แต่งงานกันไม่ได้ พ่อแม่ของฝ่ายหญิงบางคน นอกจากไม่ยอมให้ลูกสาวแล้วยังต่อว่าต่อขานอย่างรุนแรงดูถูกดูแคลนฝ่ายชายที่มีฐานะต่ำต้อยกว่าตน “ผักเบี้ยหรือจะล่าขึ้นต้นยาง” หรือไม่ก็ตกทอดสินสอดทองหมั้นเป็นจำนวนมาก ๆ เกินฐานะฝ่ายชายที่จะรับได้ ยิ่งกว่านั้นถ้าลูกสาวไม่พอใจด้วยมักจะกล่าวสบประมาทอย่างรุนแรง ฝ่ายชายเกิดความโกรธแค้นต้องการทรมานให้สาสม จึงหาหมอมาทำพิธีทอดแหนง หมิเองก็กลัวบาปกลัวกรรม จะทำให้เฉพาะญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดเท่านั้น และต้องปกปิดเป็นควาลับสุดยอด

                พิธีกรรมการทอดแหนงอาจแตกต่างกันำปบ้าง แต่มุ่งเอาผลอย่างเดียวกัน มี ๓ วิธีดังนี้

                วิธีที่ ๑ ใช้ไม้ไผ่ตายพรายกลางกอ เลือกลำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกินนิ้วครึ่ง ตัดไว้ข้อหนึ่งข้อ ยาวประมาณ ๗ นิ้ว เขียนรูป เขียนชื่อผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับลงอักขระ เลขยันต์บนผ้าขาว ยัดลงในกระบอกไม้ไผ่ บริกรรมคาถาปลุกเสกนำไปฝังในป่าช้า โดยอธิฐานว่า “ถ้าไม้ไผ่นี้แตกแหนง (แตกหน่อ) ให้นาง.....มีผัวได้”

                วิธีที่ ๒ ใช้ลูกสะบ้า ดัดตรงขอบประมาณครึ่งนิ้ว แคะเอาเนื้อภายในลูกออก เขียนรูป เขียนชื่อผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับลงอักขระเลขยันต์บนผ้าขาว ยัดลงในลูกสะบ้า บริกรรมคาถาปลุกเสก นำไปทิ้งลงในแม่น้ำลำคลองโดยอธิษบานว่า “ถ้าลูกสะบ้านี้ งอกขึ้นเมื่อใด ให้นาง ..........มีผัวได้”

                วิธีที่ ๓ เขียนรูป เขียนชื่อผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับลงอักขระเลขยันต์บนกระดานชนวน ขนาด ๔ ตารางนิ้ว บริกรรมคาถาปลุกเสก นำไปทิ้งในหลุมฝังลูกนิมิตตรงท้องโบสถ์โดยอธิษฐานว่า “ถ้ากระดานชนวนนี้ผุดขึ้นจากท้องโบสถ์ เมื่อใด ให้นาง.........มีผัวได้” วิธีนี้ต้องรอคอยจนกว่าจะมีวัดหนึ่งวัดใดประกอบพิธีฝังลูกนิมิต อาจต้องเดินทางไปทำพิธีต่างจังหวัดก็เป็นไปได้

                หมอบางคนมีความเชื่อว่า หากหารทอดแหนงผ่านไปแล้วถุง ๓ ปี เวทมนตรืและคำอธิษฐานอาจเสื่อมคลายลงได้ ต้องประกอบพิธีใหม่ เรียกว่า “เพิ่ม”

                เมื่อเวลาผ่านไป ความโกรธแค้นหายไป ผู้ชายบางคนเกิดความสงสารไปหาหมอคนเดิมมาถอนหรือแก้ให้ เพื่อให้ผู้หญิงที่ถูกทอดแหนงมีผัวได้ คาถาถอนว่าดังนี้

                “สะมุหะตาสา สีมา สังเฆนะ สะมานะ สังวาสา เอกุ โปสถา ขะมะติ สังฆัสสะ ตัสมา ตุณหี เอวะเมตัง ธาระ ยามิ”

                คาถาปลุกเสกหมอไม่ค่อยยอมบอกให้ กลัวผู้รู้จะนำไปประกอบพิธีทอดแหนงหรือทดลองใช้ บาปกรรมจะตกมาถึงผู้บอกด้วย

                ปัจจุบันนี้ ความเชื่อในเรื่องทอดแหนงยังหลงเหลืออยู่บ้าง ผู้หญิงที่ถูกทอดแหนงยังมีชีวิตให้เห็นเป็นหลักฐานได้ ความเชื่อเรื่องนี้ยังอีกนานจึงจะหมดไปจากภาคใต้แน่นอน (พ่วง บุษรารัตน์)

                ทอดแหนง  เป็นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่งเสมือนเป็นคำสาป มิให้ผู้หญิงที่ถูกทอดแหนงมีคู่ครองได้โดยเกิดความเบื่อหน่าย ความหวาดระแวงต่อผู้ชายที่มาขอแต่งงานกับตน คนสมัยก่อนมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดีเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติและทรัพย์สินเงินทอง แต่ไม่สามารถมีคู่ครองได้ตลอดชีวิต เพราะถูกผู้ชาย “ทอดแหนง”

                การแต่งงานสมัยก่อน ส่วนมากเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่เคยรัก หรือรู้จักกันมาก่อน ฝ่ายชายก็ตามใจพ่อแม่ แล้วแต่จะเลือกสาวคนใดให้ ยิ่งฝ่ายหญิงต้องอยู่ในอำนาจของพ่อแม่ แม้ตนจะรักผู้ชายคนนั้น ถ้าพ่อแม่ไม่ยินยอม แต่งงานกันไม่ได้ พ่อแม่ของฝ่ายหญิงบางคน นอกจากไม่ยอมให้ลูกสาวแล้วยังต่อว่าต่อขานอย่างรุนแรงดูถูกดูแคลนฝ่ายชายที่มีฐานะต่ำต้อยกว่าตน “ผักเบี้ยหรือจะล่าขึ้นต้นยาง” หรือไม่ก็ตกทอดสินสอดทองหมั้นเป็นจำนวนมาก ๆ เกินฐานะฝ่ายชายที่จะรับได้ ยิ่งกว่านั้นถ้าลูกสาวไม่พอใจด้วยมักจะกล่าวสบประมาทอย่างรุนแรง ฝ่ายชายเกิดความโกรธแค้นต้องการทรมานให้สาสม จึงหาหมอมาทำพิธีทอดแหนง หมิเองก็กลัวบาปกลัวกรรม จะทำให้เฉพาะญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดเท่านั้น และต้องปกปิดเป็นควาลับสุดยอด

                พิธีกรรมการทอดแหนงอาจแตกต่างกันำปบ้าง แต่มุ่งเอาผลอย่างเดียวกัน มี ๓ วิธีดังนี้

                วิธีที่ ๑ ใช้ไม้ไผ่ตายพรายกลางกอ เลือกลำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกินนิ้วครึ่ง ตัดไว้ข้อหนึ่งข้อ ยาวประมาณ ๗ นิ้ว เขียนรูป เขียนชื่อผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับลงอักขระ เลขยันต์บนผ้าขาว ยัดลงในกระบอกไม้ไผ่ บริกรรมคาถาปลุกเสกนำไปฝังในป่าช้า โดยอธิฐานว่า “ถ้าไม้ไผ่นี้แตกแหนง (แตกหน่อ) ให้นาง.....มีผัวได้”

                วิธีที่ ๒ ใช้ลูกสะบ้า ดัดตรงขอบประมาณครึ่งนิ้ว แคะเอาเนื้อภายในลูกออก เขียนรูป เขียนชื่อผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับลงอักขระเลขยันต์บนผ้าขาว ยัดลงในลูกสะบ้า บริกรรมคาถาปลุกเสก นำไปทิ้งลงในแม่น้ำลำคลองโดยอธิษบานว่า “ถ้าลูกสะบ้านี้ งอกขึ้นเมื่อใด ให้นาง ..........มีผัวได้”

                วิธีที่ ๓ เขียนรูป เขียนชื่อผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับลงอักขระเลขยันต์บนกระดานชนวน ขนาด ๔ ตารางนิ้ว บริกรรมคาถาปลุกเสก นำไปทิ้งในหลุมฝังลูกนิมิตตรงท้องโบสถ์โดยอธิษฐานว่า “ถ้ากระดานชนวนนี้ผุดขึ้นจากท้องโบสถ์ เมื่อใด ให้นาง.........มีผัวได้” วิธีนี้ต้องรอคอยจนกว่าจะมีวัดหนึ่งวัดใดประกอบพิธีฝังลูกนิมิต อาจต้องเดินทางไปทำพิธีต่างจังหวัดก็เป็นไปได้

                หมอบางคนมีความเชื่อว่า หากหารทอดแหนงผ่านไปแล้วถุง ๓ ปี เวทมนตรืและคำอธิษฐานอาจเสื่อมคลายลงได้ ต้องประกอบพิธีใหม่ เรียกว่า “เพิ่ม”

                เมื่อเวลาผ่านไป ความโกรธแค้นหายไป ผู้ชายบางคนเกิดความสงสารไปหาหมอคนเดิมมาถอนหรือแก้ให้ เพื่อให้ผู้หญิงที่ถูกทอดแหนงมีผัวได้ คาถาถอนว่าดังนี้

                “สะมุหะตาสา สีมา สังเฆนะ สะมานะ สังวาสา เอกุ โปสถา ขะมะติ สังฆัสสะ ตัสมา ตุณหี เอวะเมตัง ธาระ ยามิ”

                คาถาปลุกเสกหมอไม่ค่อยยอมบอกให้ กลัวผู้รู้จะนำไปประกอบพิธีทอดแหนงหรือทดลองใช้ บาปกรรมจะตกมาถึงผู้บอกด้วย

                ปัจจุบันนี้ ความเชื่อในเรื่องทอดแหนงยังหลงเหลืออยู่บ้าง ผู้หญิงที่ถูกทอดแหนงยังมีชีวิตให้เห็นเป็นหลักฐานได้ ความเชื่อเรื่องนี้ยังอีกนานจึงจะหมดไปจากภาคใต้แน่นอน (พ่วง บุษรารัตน์)

หมายเลขบันทึก: 452466เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2011 11:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 02:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ความรู้ที่เป็นตำนานนับวันจะหายไปนะคะ

ขอบคุณ อาจารย์ เกือบสามสิบปีแล้วที่ไม่ได้ยินคำว่า"ทอดแหนง"

เหมือนกับ "โจ" ที่ลืมเลือนกันไปตามกาลเวลา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท