คิดแค่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า นำสู่ความ "อนาถา" ของชีวิต


ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิต สังคม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม จะล่มสลายได้อย่างรวดเร็ว เพียงจากการคิดและใช้แบบ "เฉพาะหน้า"

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมได้ตั้งประเด็นคำถามกับตัวเอง ว่า

ทำไมคนจึงเห็นแก่เงิน และทำทุกอย่างเพื่อเงิน แม้จะต้องทำลายอะไรสารพัดอย่างในชีวิต ทำลายครอบครัว ทำลายทรัพยากร และทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้เงิน ก็ยอม

ทั้งๆที่ "เงิน" เป็นเพียงสัญญลักษณ์ที่เรากำหนดไว้เพื่อความสะดวกในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น

พอเราคิดทุกอย่างผ่านตัวเงิน ก็ดูเสมือนว่า ไม่มีอะไรดีกว่า หรือ สำคัญกว่า "เงิน"

แม้แต่ชีวิตเรา ความสุขของเรา คุณค่าในชีวิตเรา ศักดฺ์ศรี เกียรติยศ ชื่อเสียง ก็ยอมสละได้ เพื่อ "เงิน"

และเรามักเปรียบเทียบผลตอบแทนที่มองเห็นเป็นมูลค่าออกมาเป็น "เงิน"

ตีค่าน้ำใจของคนออกมาเป็น "เงิน"

ตีมูลค่าชีวิตและการทดแทนออกมาเป็น "เงิน"

ให้รางวัลและการตอบแทนบุญคุณ เป็น "เงิน"

ยิ่งกว่านั้น เรายังคิดว่า การได้ "เงินเร็ว" ดีกว่าการสร้างทรัพย์และระบบสำรองในชีวิต

และยังคิดว่า การหาเงินและการเก็บเงิน เป็นการออม "ทรัพย์" และ "ทรัพยากร" หรือ "ระบบสำรอง" ให้กับชีวิต

ผมก็เคยคิดแบบเดียวกัน

จนกระทั่ง ผม "ลอง" มาทำนาเอง ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ เลี้ยงปลา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ผมจึงเริ่มเข้าใจ ว่าสิ่งที่ผมเคยคิดมานั้น เป็นการคิดแบบมี "โมหะ" และหลงประเด็น

สมัยก่อนเมื่อผมดิ้นรนหาเงิน ก็ดูเหมือนจะได้ แต่ก็มีเรื่องต้องใช้ มีมากก็ยิ่งเหลิง ยิ่งใช้มาก แล้วก็กลับมาทุกข์ตอนเงินหมดไปอย่างดูไม่คุ้มค่า

แต่เมื่อผมกลับมาพัฒนาระบบสำรองของชีวิต ตามระบบจริงๆของทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม

ผมกลับพบว่า สิ่งเหล่านั้นมีแต่พอกพูน ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด (ถ้าไม่ไปคิดเปลี่ยนเป็นเงิน)

ข้าว สิ่งที่ผมใช้มาก กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด แจกก็แล้ว แลกก็แล้ว แค่สองสามไร่ก็เหลือเฟือ

คิดไปแล้ว

ข้าวแค่ ๑ ไร่ต่อครอบครัวก็เหลือ

ปลา สัก ๑ บ่อ ๑๐๐ ตารางเมตร ก็เหลือ

ผัก สัก ๒๐ ตารางเมตรก็เหลือ

ผลไม้ สักยี่สิบสามสิบต้น ก็เหลือ

พอเราพึ่งตนเองด้านปัจจัยพื้นฐานได้แล้ว อย่างอื่นก็เป็นเรื่องรองลงไป

เราคงไม่นอนคืนละสองสามเตียง เราคงไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าวันละ ๕ ชุด

และถ้าเรารักษาสุขภาพ ทำงานสม่ำเสมอ ก็คงไม่ต้องกินยาบ่อยๆ

ต่อจากนั้นก็นับได้ว่าเป็นของจำเป็นน้อย จนถึงฟุ่มเฟือย

เราจะตามใจตัวเองกับสิ่งเหล่านั้นมากมายขนาดไหน เพื่ออะไร ใครได้ ใครเสียจากการทำเช่นนั้น

แต่ ก่อนหน้านี้ ผมก็คิดและทำเหมือนคนอื่นๆ

คิดและทำแค่ผลประโยชน์ ทีเห็นได้โดยตรงเฉพาะหน้า ไม่คิดจะทำอะไรระยะยาว ไม่คิดให้ชัด ไม่รู้ ไม่พยายามจะเข้าใจ ไม่มีประสบการณ์ ทำอย่างที่คนอื่นเขาบอก หรือทำอย่างที่ใครๆเขาก็ทำกัน

จึงนำสู่ความ "อนาถา" ของชีวิต ขาดที่พึ่งที่แท้จริงของชีวิต มีแต่สิ่งลวงตาที่ล่มสลายได้ในพริบตา เพราะเราไปฝากทุกอย่างไว้ที่ "เงิน"

ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิต สังคม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม

จึงล่มสลายได้อย่างรวดเร็ว

สาเหตุหลักๆ ก็เพียงจากการคิดและใช้แบบ "เฉพาะหน้า"

ดูง่าย ดูดี ดูเท่ห์ แต่ก็เป็นภาพลวงตา ได้ง่าย หมดง่าย โดนปล้น โดนโกงง่าย สูญหายง่าย จ่ายง่าย และเสื่อมค่าง่ายๆ

แต่ "ทรัพย์" ตัวจริงนั้น ตรงกันข้าม แข็งแรง ยั่งยืน พึ่งได้ งอกงามได้เอง

อยู่ที่เราจะช่วยสร้าง หรือจ้องทำลาย

เท่านั้นเอง

ง่ายแค่พลิกฝ่ามือ

จาก "มิจฉาทิษฐิ" มาเป็น "สัมมาทิษฐิ" แล้วทั้งตัวเรา ครอบครัว สังคม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม จะ "ชนะ" ไปด้วยกัน

แต่ตอนนี้ เรากำลังนำพาตัวเองไปสู่ความ "พ่ายแพ้" อย่างเป็นกระแสหลัก มีแนวร่วม แนวทาง และปัจจัยสนับสนุนค่อนข้างสมบูรณ์

ด้วยภาพลวงตาว่า "เรากำลังชนะ" เพื่อนบางคน "ในระหว่างการเดินทางไปสู่ตวามแพ้" เท่านั้นเอง

เหมือนที่อาจารย์ของผม เคยสอนผมให้ "คิดใหม่" ในเวลาที่ผมทำอะไรผิดพลาดว่า " You are fighting t้he loosing battle.

ที่ผมต้องพยายามหนีเส้นทางนั้นให้ได้ เพราะมีแต่แพ้ ไม่มีทางชนะ

แต่ ถ้าเราคิดแบบนั้น เราก็จะมีวิบากกรรมแบบนั้น

ผมก้ได้แต่หวังว่าเราจะมีโอกาสหันมามองโลกแห่งความจริง และกลับตัวได้ทัน

เราจะได้มีตัวอย่างของทางรอดมากขึ้น

ใครยังอยากจะเดินตามกระแสหลัก ก็เชิญตามใจชอบ

ผมเพียงสะกิดให้มี "สติ" ในการดำรงชีวิตเท่านั้น

และชีวิตเรา "มีทางเลือก"เสมอ

ใครคิดว่า "ไม่มีทางเลือก" ลองคิดดูใหม่ ด้วยกรอบความคิดใหม่ๆ สักหลายๆครั้ง

แล้วท่านจะเห็นทางออกที่ดีกว่าให้กับตัวท่านเองครับ

ผมเดินผ่านเส้นทางนี้มาแล้ว ก็ช่วยบอกต่อๆครับ

ขอให้โชคดีครับ

หมายเลขบันทึก: 440866เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2011 10:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

คารวะครับ

ดีใจที่ได้ติดตามอ่านมาหลายนาน

ดีใจที่โลกมีเพื่อนเพิ่มอีกคน

(คนที่จ้องจะตักตวงทำร้ายทำลายโลกมีมากเสียจนละอายที่เกิดมาร่วมยุคสมัย)

ขอรับความจริงอีกครั้ง "It is easy to have all we 'need'. But it is impossible to have all we 'want'."

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

การใช้จ่ายเงินของหนูนะคะอาจารย์ในช่วงปิดเทอมของเด็ก ๆ กลับบ้านต่างจังหวัด คือจังหวัดอุดรธานีค่ะอาจารย์แทบจะไม่ได้ใช้เงินเลยค่ะ ผักต่าง ๆ ปลูกเอง ปลาก็เลี้ยง ข้าวก็ปลูกเอง เป็ดไก่ก็เลี้ยง อากาศก็ดีค่ะไม่เคยที่จะเป็นหวัด แต่ในขณะเดียวกันในสังคมเมืองทุกอย่างจะต้องซื้อ สิ่งที่ได้มาจะต้องแลกกับเงิน ตัวหนูเองหนูคิดว่าขึ้นอยู่กับสังคม สภาพแวดล้อม สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตที่มึความแตกต่างกันไป ขอบคุณค่ะ

ความแตกต่างนั้น แท้ที่จริง คือสิ่งที่เรา "เลือกได้"

และผมก็เลือกทำ อย่างที่ผมคิดว่าดีกับชีวิตผมครับ

ต้องดิ้นรน ต่อสู้ในทางฝันของเรา

ใครฝันอย่างไรก็ทำอย่างนั้น

มันน่าจะสำเร็จสักวัน ไม่ช้าก็เร็ว

ผมเชื่ออย่างนี้ และทำอย่างนี้ครับ

ครูครับ

กลับมาอ่านอีกรอบ ยิ่งชอบครับ

อ.แสวงคะ

บันทึกนี้ชี้แนะได้ตรงเปะ

ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ ^__^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท