ลาว-อุดมไชย : ความไม่เข้าใจบทบาทพระกับการทำยาสมุนไพรเพื่อสังคม


เพราะองค์ความรู้ด้านนี้เป็นของเฉพาะตระกูลการจะถ่ายทอดให้บุคคลนอกครอบครัวนั้นยาก เป็นสูตรเฉพาะตัวด้วย ผู้เขียนนึกเสียดายว่าถ้าพระสงฆ์ลาวมีโอกาสทำงานด้านสมุนไพรมากขึ้น ก็สามารถช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ห่างไกล หรือถิ่นทุรกันดาลได้มากขึ้น

     เมื่อผู้เขียนออกจากเมืองปากแบ่ง เพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองอุดมไชย สภาพที่เห็นสองข้างทางเมื่อปี ๒๕๕๒ กับปัจจุบัน พฤษคม ๒๕๕๔ ในความรู้สึกมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เช่น ภูเขาหัวโล้นแทบทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่เมื่อสองปีที่แล้ว มีไม่กี่แห่ง จึงคิดในใจว่าประเทศไทยได้เพื่อนแล้ว อันหมายความว่าสภาพป่าเริ่มหมดสภาพไป และยังไม่แน่ใจว่า นโยบายลาวที่จะเป็น Bettery of Asia  นั้นจะยังคงมีอยู่อีกหรือไม่?

 

     เมื่อไปถึงสถานีขนส่งเมืองอุดมไชยคณะผู้ติดตามได้ไปชื้อตั๋วรถ และรอเวลา แม้จะเป็นบรรยากาศของเมืองลาว แต่ก็มีรายการทางทีวีไทยให้ผู้โดยสารทั้งลาว-ไทย-เทศ ได้ดูเพื่อฆ่าเวลาไป ส่วนตัวผู้เขียนเมื่อฉันเพลเสร็จก็ออกสำรวจพื้นที่ และสายตาไปสะดุดอยู่ที่ชายชราแก่ ๆ นั่งขายยาสมุนไพรอยู่ลานข้างสถานีขนส่ง จึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยในหลายเรื่อง ดังต่อไปนี้

 

     ผู้เขียนถามว่า ตัวยาสมุนไพรเหล่านี้ทางการลาวให้การส่งเสริมอย่างไรบ้าง? พ่อสุกแสน  อายุ ๗๓ ปี บ้านบ่อ แขวงอุดมไชย ได้ให้ทัศนะว่า ยาสมุนไพรนี้ทางสภากาแดง (สภากาชาติ) ได้ให้การสนับสนุน มีบริการอยู่แล้ว เมื่อมีชมรมแพทย์แผนโบราณลาว ก็สามารถนำออกมาขายเพื่อเลี้ยงชีพได้ พร้อมกับสาธยายสรรพคุณตัวยาหลายอย่าง นั้น-นี้-โน้น จนครบสูตร และยังบอกอีกว่ามีคนไทยมาชื้อเยอะมากทั้งพระทั้งโยม ซึ่งผู้เขียนก็ได้แต่พยักหน้ารับทราบเท่านั้น

     เมื่อผู้เขียนถามว่า ในส่วนของพระสงฆ์มีใครบ้างที่เก่งทางด้านสมุนไพร? เท่านั้นแหละพ่อสุกแสน ถึงกับร้องลั่นว่า สาธุทำไม่ได้ มันผิดระเบียบ (สงฆ์) ผิดศีลธรรม ห้ามขาย   ทำให้ผู้เขียนนั่งงง ว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ผู้เขียนจึงตั้งประเด็นถามตัวเองว่า เราสื่ออะไรผิดไปหรือเปล่า?

     ๑)คนไทย-คนลาว แม้เพียงแม่น้ำโขงกั้น ภาษาก็ไม่ต่างกัน บริบทก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก การสื่อความหมายไป แต่กลับมีการแปลความหมายคาดเคลื่อนออกไป ทั้ง ๆ ที่เขาก็ได้รับสื่อไทยทั้งทางทีวีและวิทยุ จะป่วยการกล่าวไปใยถึงชาวต่างชาติที่คุยกันคนละภาษาและวัฒนธรรมเล่า

     ๒)การพูดว่า สาธุ (พระ) ทำไม่ได้ มันผิดระเบียบสงฆ์ ผิดศีลธรรม ห้ามขาย  ในบริบทแรกผู้เขียนเข้าใจว่าพ่อสุกแสนอ้างวินัยมารองรับ คือ วินัยข้อที่ว่าห้ามพระภิกษุพรากของเขียว นั้น นับว่าใช้ได้-รู้วินัยพระดีพอควร แต่ประโยคหลังที่ว่า ห้ามขาย นี้ คงเข้าใจว่าผู้เขียนกำลังถามว่าพระที่ทำการค้าขายยาสมุนไพรมีหรือไม่-ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ผู้เขียนไม่มีเจตนาถามอย่างนั้น เพียงแค่ต้องการทราบว่าพระที่ทำยาสมุนไพรเพื่อสาธารณะมีหรือเปล่าเท่านั้นเอง?

     เมื่อพูดไปพูดมาก็ได้พระลาวที่มาด้วย เล่าว่าเมื่อก่อนประมาณเกือบสิบปี มีสาธุบุญเพ็ง อดีตเจ้าคณะแขวงอุดมไชย ได้ทำยาสมุนไพรเพื่อแจกให้กับประชาชนเหมือนกัน แต่ตอนนี้ท่านได้ลาสิกขาและได้ทำยาสมุนไพรโดยส่งไปขายที่ เมืองสิบสองปันนาประเทศจีน ซึ่งพระลาวได้อธิบายเพิ่มเติมว่าการที่พระไม่นิยมทำเนื่องจากองค์ความรู้ด้านสมุนไพรไม่มี เพราะองค์ความรู้ด้านนี้เป็นของเฉพาะตระกูลการจะถ่ายทอดให้บุคคลนอกครอบครัวนั้นยาก เป็นสูตรเฉพาะตัวด้วย  ผู้เขียนนึกเสียดายว่าถ้าพระสงฆ์ลาวมีโอกาสทำงานด้านสมุนไพรมากขึ้น ก็สามารถช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ห่างไกล หรือถิ่นทุรกันดาลได้มากขึ้น

    

     เมื่อผู้เขียนถามว่า พระพุทธศาสนาในอุดมไชยเป็นอย่างไรบ้าง? ได้รับคำตอบจากพ่อสุกแสนว่าไปทำบุญทุกวันพระ โดยพระสงฆ์จะร่วมกันทำวัตรสวดมนต์ และมีการเทศนาโดยใช้วิธีอ่านตามคัมภีร์ใบลานเป็นหลัก

 

     แต่เมื่อถามว่าพระภิกษุสามเณร ไม่ได้สอนอะไรอีกหรือ? ก็ได้รับคำตอบว่า พระภิกษุสามเณร มุ่งขวนขวายแต่การเรียนหนังสือของตนเอง ไม่ได้สอนชาวบ้าน คงหมายความว่าพระภิกษุสามเณรเมื่อเข้ามาบวชเรียนแล้วก็มุ่งออกไปเรียนหนังสือต่างถิ่น ส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมความรู้เพื่อกลับมาสอนชาวบ้าน หรืออาจหมายถึงชาวบ้านมีความรู้ดีกว่า เนื่องจากผ่านการบวชเรียนมาก่อน มีประสบการณ์มากกว่า เข้าใจในหลักธรรมมากกว่า

 

     ตามสถิติแล้วพระภิกษุสามเณรที่อุดมไชยก็มีการบวชในระยะสั้น ๆ หลายวัดที่ร้างพระเณรมาหลายปี บางครั้งบวชได้วันเดียวก็เป็นเจ้าอาวาสได้แล้ว และหลายพื้นที่ในชนบทของลาว เราจะเห็นสามเณรทำหน้าที่แทนเจ้าอาวาส เนื่องจากไม่มีใครบวช หรือเมื่อบวชแล้วก็มุ่งสู่เมืองใหญ่กันหมด  นับเป็นวิกฤติปัญหาด้านศาสนทายาทของชาวพุทธลาวมิใช่น้อย?

     เมื่อผู้เขียนไปลงพื้นที่จริง ๆ เห็นเหตุการณ์หลายอย่าง พบปะผู้คนมากขึ้น จึงสรุปในสิ่งที่เห็นเฉพาะการดำรงชีวิต เปรียบเทียบลาวกับไทยในสองประโยค เพื่อให้ผู้อ่านไปคิดต่อ คือ 

     "คนลาว-ทำมาหากิน    ส่วนคนไทย-ทำงานหาเงิน" 

    

หมายเลขบันทึก: 439296เขียนเมื่อ 14 พฤษภาคม 2011 12:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เยี่ยมมากคับ

เจริญพรคุณโยมกิตติพงษ์ที่ได้เข้ามาทักทาย

ผู้เขียนได้บันทึกในสิ่งที่ปรากฏเห็น

และพยายามศึกษาค้นคว้าพระพุทธศาสนาในประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท