เล่าประสบการณ์จากการไปเป็นวิทยากรให้กับนักศึกษา
โครงการสัมมนาผู้นำกิจกรรมประชุมเชียร์และรับน้องใหม่ ๒๕๕๔
เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาเขตภาคกลางเพื่อพัฒนาบัณฑิตอุดมคติ
เรื่อง บนเส้นทางเสริมสร้างความเป็นพลเมืองของนักศึกษาใหม่ในสถาบัน
(Student Citizenship)ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ ณ อิงธาร
รีสอร์ท จังหวัดนครนายก
ตอนที่ ๑ ที่มาที่ไป
ในอดีตที่ผ่านมาการจัดกิจกรรมประชุมเชียร์และรับน้องใหม่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชน ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก ถึงรูปแบบการจัดกิจกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายและวัตถุประสงค์ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเชิงลบของกิจกรรมดังกล่าว ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง ทางฝ่ายคณะกรรมการประสานกิจเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาเขตภาคกลางเพื่อพัฒนาบัณฑิตอุดมคติได้จัดกิจกรรมการสัมมนาผู้นำกิจกรรมประชุมเชียร์และรับน้องใหม่ในปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ในปีการศึกษา ๒๕๕๓ ในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กิจกรรมความรุนแรงมีลดน้อยลง รูปแบบการจัดกิจกรรมเป็นไปในแนวทางสร้างสรรค์มากขึ้น
จากการนโยบายส่งเสริมของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้การจัดกิจกรรมประชุมเชียร์และรับน้องใหม่ในสถาบันอุดมศึกษา นำมาซึ่งความรัก ความสามัคคี ความผูกพันระหว่างนิสิตนักศึกษารุ่นพี่ กับ รุ่นน้อง และระหว่างนิสิตนักศึกษาใหม่ด้วยกัน ให้เป็นไปในรูปแบบการดำเนินงานให้สร้างสรรค์ ปราศจากความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ
ในปี ๒๕๕๔ นี้ ทางทีมอนุกรรมการเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาเขตภาคกลางเพื่อพัฒนาบัณฑิตอุดมคติจึงจัดกิจกรรมประชุมเชียร์และรับน้องใหม่ให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้คณะอนุกรรมการพูดคุยกันว่าเราจะเน้นการพัฒนานักศึกษาในด้าน “การเป็นพลเมืองของสถาบัน เพื่อเสริมสร้างความเป็นพลเมืองของประเทศ พลเมืองโลก และสอดรับกับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก ๔ ปีข้างหน้านี้” การเสริมสร้างให้นักศึกษารู้สึกภาคภูมิใจในสถาบันที่ตนเองอยู่นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงแต่เรียนเพื่อจบเท่านั้น แต่ต้องดึงความภาคภูมิใจให้เกิดขึ้นในตัวนักศึกษาด้วย ทีมอนุกรรมการจึงกำหนดรูปแบบการทำกิจกรรม Walk Rally ๗ ฐาน โดยให้นักศึกษาประชุมเชิงปฏิบัติการ วางแผนการดำเนินกิจกรรม “Walk Rally ด้วยตัวนักศึกษาเอง จัดเอง เล่นเอง” โจทย์ของเรามีฐานทั้ง ๗ ฐาน ประกอบด้วย
ฐานที่ ๑ กิจกรรมสร้างเสริมจิตอาสาในสถาบัน
ฐานที่ ๒ กิจกรรมร้องเพลงสถาบัน
ฐานที่ ๓ กิจกรรมสร้างแนวคิดการปรับตัว
ฐานที่ ๔ กิจกรรมเรียนรู้ปรัชญาสถาบัน
ฐานที่ ๕ กิจกรรมเสริมสร้างวินัย
ฐานที่ ๖ กิจกรรมเสริมสร้างกำลังใจ
ฐานที่ ๗ กิจกรรมเสริมสร้างความสามัคคี
รูปแบบกิจกรรมในปีที่ผ่านๆมา การจัดสัมมนาจะให้อนุกรรมการซึ่งเป็นอาจรย์จากสถาบันการศึกษาต่างๆในเขตภาคกลาง(ปีนี้มีอาจารย์มาเข้าร่วม ๗๐ กว่าสถาบัน) มาเป็นวิทยากรประจำฐานแล้วให้นักศึกษาจากสถาบันต่างเข้าฐานในการทำกิจกรรมกับทีมอาจารย์ ซึ่งก็ได้ผลแต่เด็กไม่ได้คิดเองทั้งที่เขาจะต้องกลับไปทำในสถาบันของตนเอง
ในปีนี้ทีมอนุกรรมการได้คิดใหม่ทำใหม่ เพราะทีมอนุกรรมการเราเชื่อว่านักศึกษาที่มาล้วนแต่เป็นผู้นำของสถาบัน เป็นคนที่มีศักยภาพที่แต่สถาบันได้คัดเลือกมาแล้ว และต้องกลับไปทำหน้าที่ขยายผลกิจกรรมประชุมเชียร์และรับน้องใหม่เชิงสร้างสรรค์
ปีนี้ทีมงานจึงออกแบบกิจกรรมให้ “ นักศึกษาคิดเอง ทำเอง เรียนรู้เอง นำไปใช้เอง” กิจกรรมนี้เริ่มจากการแบ่งกลุ่มนักศึกษา ประมาณ ๑๕๐ คน เป็น ๗ กลุ่ม กลุ่มละ ๒๐ กว่าคน ให้รับผิดชอบฐานในแต่ละฐานที่นักศึกษาเลือกกันเอง โจทย์ที่กำหนดให้นักศึกษาในกลุ่มไปคิดกิจกรรมเพื่อทำ Walk Rally ในวันต่อไป ซึ่งนักศึกษาจะต้องเป็นทั้งวิทยากรประจำกลุ่มและสมมติตัวเองให้เป็นน้องใหม่ไปร่วมกิจกรรมตามฐานอื่นๆของเพื่อนฐานอื่นด้วย ซึ่งงานที่คิดกันมาต้องเข้ากับวัตถุประสงค์ของงานเรื่องการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองของสถาบันด้วย หลังจากนั้นอาจารย์ประจำฐานก็แยกย้ายกันไปประชุมเตรียมงานเป็นวิทยากรประจำฐานให้นักศึกษาในแต่ละฐานที่ตนเองได้รับผิดชอบ ดิฉันได้รับมอบหมายจากทีมงานให้เป็นวิทยากรประจำกลุ่ม ฐานที่ ๒ คือฐานร้องเพลงสถาบันค่ะ ไว้จะมาเล่าต่อภาค ๒ ว่าผลจากระดมสมองของนักศึกษาฐานร้องเพลงสถาบันเป็นอย่างไรบ้างค่ะ
ตอนที่ ๒ วิทยากรประจำฐานร้องเพลงสถาบัน
ดิฉันได้รับมอบหมายจากทีมงานให้เป็นวิทยากรประจำกลุ่ม ฐานที่ ๒ คือฐานร้องเพลงสถาบันคู่กับ “อาจารย์วิโรจน์ นิยมนา” จากมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอาจารย์วิโรจน์จัดเตรียมเพลง “รักกันไว้เถิด” สมมติให้เป็นเพลงสถาบัน ของนักศึกษาทุกสถาบันในกลุ่ม ฟังดูเรื่องการสอนน้องร้องเพลงเหมือนงานง่ายๆสบายๆ แต่พูดคุยกันเข้าจริงๆ “มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย” เพราะไอเดียนักศึกษาแต่ละคนบรรเจิดมาก กว่าที่จะตลบให้เขาคิดกันว่า “การร้องเพลงให้เกิดความภาคภูมิใจในสถาบันและรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งในสถาบันต้องทำอย่างไร มีเทคนิคการร้องเพลงอย่างไร แล้วจะสอนน้องร้องเพลงยังไงให้น้องร้องเพลงได้”
ก่อนเริ่มทำกลุ่มมีกฎว่าระหว่างเพื่อนเล่าเราต้องฟัง บางคนก็เล่าน้อย บางคนก็เล่ามาก นักศึกษาก็นั่งฟังเพื่อนเล่ากันตาปริบๆ จากประสบการณ์ของแต่ละคนที่ฏิบัติกันมาในสถาบันตนเอง ดิฉันพอจับประเด็นการฝึกร้องเพลงได้เป็น ๓ แบบ ได้แก่ สอนแบบเอื้ออาทร สอนด้วยท่าทีที่เคารพ สอนแบบน้องร้องไม่จบเลิกคบเป็นตระกูล
๑. สอนแบบเอื้ออาทร คือ นัดน้องมาสอนร้องเพลง แบบให้น้องฟังเพลงก่อน หรือเปิดเพลงเสียงตามสายตามคณะ แล้วนัดน้องมาสอนร้องเพลงเป็นกลุ่มๆ หากน้องสอนไม่ได้ก็ค่อยๆสอนจนกว่าจะได้ เป็นต้น
๒. สอนด้วยท่าทีที่เคารพ คือ การสอนแบบพี่สอนน้อง โดยมีอย่างมีระเบียบ วินัย พี่จะมีท่าทางที่เป็นระเบียบสวยงามน่าเคารพเวลาที่สอนน้อง น้องต้องทำท่าทีที่เป็นระเบียบและให้ความเคารพรุ่นพี่เช่นเดียวกัน หากน้องปฏิบัติตามระเบียบไม่ถูกต้อง ไม่ทำความเคารพรุ่นพี่ก็จะไม่สอนน้องร้องเพลง
๓. สอนแบบน้องร้องไม่จบเลิกคบเป็นตระกูล วิธีนี้ฟังดูอาจจะงงๆนิดหน่อย บางสถาบันจะสอนน้องแบบว๊ากคือดุ ใช้รูปแบบ Senior Junior จะสอนน้องแต่ใช้วิธีการกดดันเวลาสอน สอนร้องแล้วให้ไปร้องกับคณะตนเอง หรือพี่รหัส ของตนเอง หากไม่สามารถร้องได้จะไม่รับเข้าคณะหรือตระกูลที่จับรหัสได้ เป็นต้น
นักศึกษาแต่ละคนเล่าประสบการณ์ที่เคยทำมาของสถาบันตนเอง แต่ปัญหาของนักศึกษาในการทำกลุ่มคือ การระดมสมองของ ๒๐ กว่าสถาบันให้เป็น ๑ สถาบัน ตามโจทย์ แต่ยังไม่สามารถสรุปประเด็นได้ว่า “ถ้าทำให้ ๑ สถาบันนี้เป็นตัวอย่างการจัดกิจกรรมประจำฐานของตนเองในวันต่อไป เมื่อมีเพื่อนต่างสถาบันที่สมมติว่าเป็นรุ่นน้องเข้ามาในฐานจะสอนร้องเพลงอย่างไรให้น้องร้องเพลงได้” หน้าที่ของวิทยากรจึงต้องคอยตลบเลขาให้นักศึกษาสรุปความคิดเป็นประเด็นๆก่อนว่าที่เพื่อนเล่ามารูปแบบไหนบ้าง รูปแบบไหนของแต่สถาบันที่เหมือน แปลก แตกต่าง และน่าสนใจ” เพื่อเตรียมคิดต่อให้ง่ายต่อการกำหนดรูปแบบใหม่ไปใช้ในกิจกรรม Walk Rally ของฐานตนเองในวันต่อไป ซึ่งกว่าจะได้ขั้นตอนมาต้องคอยตลบซ้าย ขวา ให้เข้าที่เข้าทางกันหลายรอบมาก กว่าจะได้วิธีการออกมา เล่นทำคุณครูสองท่านปวดหัวกันทีเดียวเชียว และแล้วก็ได้วิธีการของกลุ่มที่มีความผสมผสานจากหลายๆรูปแบบ ตามขั้นตอนดังนี้
๑. วิทยากรประจำกลุ่มกล่าวต้อนรับรุ่นน้อง
๒. เล่าประวัติและที่มาที่ไปของเพลง คุณค่าของเพลงสถาบัน ที่น่าภาคภูมิใจให้น้องฟัง
๓. ร้องเพลงให้น้องฟังโดยรุ่นที่เป็นผู้สอนน้องต้องยืนร้องเพลงด้วยความสุภาพ ร้องเพลงให้น้องฟังก่อนหนึ่งเที่ยว ดัง ชัด กังกวาน
๔. รุ่นน้องนั่งฟังด้วยความเคารพ น้องฝึกร้องตาม
๕. ฝึกร้องเพลงพร้อมทั้งท่าทางการร้องเพลง
๖. ร้องเพลงพร้อมกันทั้งพี่และน้อง ด้วยเสียงที่ดัง ชัดเจน
วันนี้หมดภารกิจของการเตรียมกิจกรรมฐานสอนน้องร้องเพลง ด้วยความสุขสนุกสนาน แล้วจะมาเล่ากิจกรรมทุกฐานของฐานอื่นๆ และผลลัพธ์จากการร่วมกิจกรรมของนักศึกษาให้ฟังต่อค่ะ
ศุภิสรา เจริญไพฑูรย์
ครูเดียร์
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านเรื่องราว
พร้อมกับมาชมภาพกิจกรรมดีๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ^^