พวกเราชาวห้องแล็บที่ทำงานอยู่เบื้องหลังการรักษาพยาบาลผู้ป่วยไข้ทั้งหลาย มักจะไม่ได้พบเจอผู้ป่วยโดยตรง ยกเว้นการเจาะเลือดที่พวกเราทำได้แต่มักจะไม่ค่อยได้ทำถ้าไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลเล็กๆที่ต้องทำทุกอย่าง ถ้าอยู่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์แบบโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ของเราด้วยแล้ว เราจะมีหน่วยต่างๆแบ่งแยกกันไป ที่ทำให้พวกเราที่อยู่เฉพาะหน่วยก็จะไม่ต้องไปพบเจอคนไข้ ผู้รับบริการที่เราจะได้ติดต่อด้วยโดยตรงมักจะผ่านทางโทรศัพท์ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นแพทย์และพยาบาลที่โทรขอผลแล็บด่วนบ้าง ตามผลแล็บบ้าง ปรึกษาวิธีการส่งแล็บบ้าง ขอตรวจเพิ่มเติมจากเลือดที่ส่งมาแล้วบ้าง
พวกเราจึงคุ้นเคยกับการรับโทรศัพท์นานารูปแบบ ที่ทำให้ได้เป็นหัวข้อสนทนาเสมอๆ เพราะต่างคนก็ต่างได้พบเจอผู้ที่โทรมาต่างๆกันไป โดยเฉพาะการรับโทรศัพท์ในช่วงรีบเร่งซึ่งมักจะเป็นช่วงเวลาที่เราอยู่เวร ที่มีคนทำงานอยู่เพียงคนหรือสองคน แต่ต้องทำงานทุกอย่างที่ในเวลาปกติเราจะมีคนเป็นสิบที่แบ่งงานกันไปเป็นส่วนๆ เพื่อให้งานเดินได้อย่างต่อเนื่อง
ลองนึกภาพว่า เรากำลังจะเอาหลอดเลือดเข้าเครื่องตรวจ (ซึ่งต้องคีย์ตัวเลขแล็บให้ตรงกับหลอดเลือดที่นำเข้าเครื่องและใส่รายชื่อการทดสอบต่างๆให้ครบถ้วนไม่ให้ตกหล่น เพราะหากคีย์ไม่ครบในครั้งเดียวก็จะทำให้ผลออกช้าไป) หรือกำลังออกผล (ซึ่งปกติต้องใช้สติ สมาธิในการประเมิน เปรียบเทียบผลทั้งหลายที่เป็นตัวเลขทั้งนั้น ว่ามันไปกันได้จริงหรือเปล่า ค่าปกติหรือผิดปกติ สัมพันธ์กันหรือไม่ เหมือนหรือต่างกับผลเดิมมากน้อยเพียงใด) แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แล้วพอเราไปรับก็จะพบกับการพูดเนิบๆช้าๆว่า "ขอโทษนะคะ/ครับ คือว่า....มีเรื่องจะปรึกษา...คือว่า...มีผลคนไข้...ชื่อสมมุติ..." ที่ทำให้เราต้องถามอย่างรวดเร็วว่า HN (หมายเลขโรงพยาบาล) เท่าไหร่คะ เพราะขืนรอให้พูดแบบของท่านที่โทรเข้ามา เราคงเสียเวลารออีกนานทีเดียว แบบนี้มีบ่อยมากๆค่ะ ยังนึกไม่ออกว่าจะสื่อสารออกไปยังไงเราจึงจะไม่เจอปัญหาเสียเวลาโดยใช่เหตุแบบนี้
สิ่งที่อยากบันทึกไว้ในวันนี้ก็คือ เสียงที่ทำให้พวกเราชื่นใจ ซึ่งน้าน...นาน...จะมีสักที แต่ก็มีจนได้เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง คุณหมอแพทย์ใช้ทุนที่โทรมาตามผลแล็บของคนไข้เด็กน้อย ที่ผลเป็นค่าวิกฤตที่เรากำลังทำซ้ำเพื่อยืนยันก่อนจะออกผลไป คุณหมอโทรตาม และพูดด้วยเสียงสุภาพมาก พร้อมกับขอโทษที่โทรมารบกวน เล่นเอาคุณหมอได้ใจไปเต็มๆ คนทำแล็บหายเหนื่อยหายง่วงกันเลยทีเดียว (เรื่องนี้เล่าโดยน้องผู้อยู่เวรและรับโทรศัพท์ตอนสี่ทุ่มครึ่ง)
เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆว่า การพูดจาดี มีน้ำใจ มีส่วนให้การทำงาน การสื่อสารมีประสิทธิภาพอย่างมากมายมหาศาลจริงๆ อยากให้การกระทำแบบนี้เป็นโรคระบาดเสียจริงๆนะคะ เพราะพวกเราคนห้องแล็บเอง ก็พยายามสื่อสารด้วยความเป็นมิตรและมีน้ำใจ ขอผลด่วนมา เราก็รับทำให้ ขอเพิ่มแล็บมาเราก็จัดการให้ ซึ่งอาจจะเป็นแรงดึงดูดหนึ่งที่ทำให้หน่วยเคมีคลินิกของเรา ได้รับโทรศัพท์กันมากเหลือเกิน นอกจากที่ตรงกับงานของเราแล้ว ยังมีแถมถามโน่น นี่ นั่นของหน่วยอื่นเหมือนเราเป็น operator กันก็มี แม้เราจะบ่นลับหลัง แต่เราก็พยายามช่วยเหลือเท่าที่เราจะพอช่วยตอบได้กันไปเสมอ เพราะเราได้รู้แล้วว่า พูดดีๆต่อกัน ต่างก็มีความสุขไปทุกฝ่ายจริงๆค่ะ
"พูดดีๆต่อกัน ต่างก็มีความสุขไปทุกฝ่าย" พูดดีต่อกันเป็นการเยี่ยวยาเพื่อนร่วมงาน เหมือนที่อาจารย์หมอสกล สื่อให้ฟังใช่มั้ยครับ อาจารย์ โอ๋
จะแวะมารออ่านบันทึกดีดี อีกครั้งค่ะ
ถ้าไม่มีชาวห้องLab ทำงานจะลำบากมาก มีหลายอย่างต้องอ้างอิงผลLab จึงจะดำเนินงานต่อได้ อย่างโรคระบาด
สวัสดีค่ะพี่โอ๋
การพูดจาดี มีน้ำใจ มีส่วนให้การทำงาน การสื่อสารมีประสิทธิภาพอย่างมากมายมหาศาล
หนูเห็นด้วยเลยค่ะ
เพราะในส่วนของคุณครูที่ต้องพบเจอผู้ปกครอง บางทีการพูดจาของผู้ปกครองก็มีผลต่อความสุขในการทำงานเพื่อลูกของเค้าจริงๆ ด้วยค่ะพี่โอ๋
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะพี่
ขอบคุณค่ะ
เห็นด้วยนะครับ
..ขอบคุณครับ
มาส่งเสิรมการพูดดี
ด้วยอีกคนหนึ่ง
แต่ว่าเวลาทำจริง
ยับยั้งไม่ค่อยจะทันนะครับ