บ้านริมน้ำ 7: บ้านปริ่มน้ำ
อยู่ภาคใต้มาตั้งแต่จำความได้ ก็รู้ว่าเมื่อย่างเดือนธันวาคม ก็จะหนาวเตรียมเสื้อผ้าหนาๆใส่กัน มกราคม- มีนาคมอากาศจะดีเหมาะกับการแนะนำให้คนมาเที่ยว ไม่มีฝนแล้ว ย่างเดือนเมษายน แน่นอนว่าร้อนแน่ รอสงกรานต์ เล่นสาดน้ำให้ฉ่ำใจ แม้ว่าภาคใต้จะมีฝนมากกว่าภาคอื่นๆ แต่ก็ตกต้องตามฤดูกาล มาในระยะหลังที่เรามักจะกล่าวถึงภาวะโลกร้อนที่เป็นต้นเหตุของความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่มีให้เห็นในหลายๆแถบของโลก
แต่กระนั้นแน่นอนที่ภาคใต้ของประเทศไทยเราไม่เคยเลยที่ฝนจะตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตาในปลายเดือนมีนาคมที่จะต่อเมษายนซึ่งควรจะเริ่มร้อน และยิ่งตกอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ไม่ให้นกได้ออกมาร้องเพลง ไม่มีแสงอาทิตย์เล็ดลอดจากกลีบเมฆ 3 วัน 3 คืน ครั้งที่แล้วก็เดือดร้อน น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ที่ไม่เคยท่วมหนักมาก่อนก็ท่วมเช่น ตัวเมืองหาดใหญ่ สงขลา
แต่คราวนี้ 6-7 วัน 6-7 คืน ต่อเนื่องจนป่า ภูเขา อ่างเก็บน้ำ สุดจะรองรับอุ้มน้ำไหว ในที่สุดก็น้ำท่วมในเมือง เพราะระบายไม่ทัน น้ำท่วมรอบเมืองเพราะน้ำปริ่มแม่น้ำ ลำคลองหมดแล้วไม่รู้จะระบายไปไหน ป่าที่ใจกลางป่ากลายเป็นที่ราบแอบตัดไม้ทำลายป่า ไม่มีต้นไม้อุ้มน้ำไว้เลยทะลักล้นพัดพาซุง ท่อนไม้ใหญ่ลงมาเต็มไปหมด กระแทกบ้าน กระแทกคนที่วิ่งไม่ทัน พังระเนระนาด โค่นป่า ระเบิดเขาขุดขายดิน ดินสไลด์ลงมาทับบ้าน เหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ไม่เคยมีในอตีต (ที่คิดว่ารุนแรงก็มีเหตุการณ์ที่กระทูน น่าจะเป็นบทเรียน ที่น้ำป่าทะลักพร้อมท่อนซุงนับหมื่นท่อนเช่นกัน) ถึงเวลาที่เราจะรักษาสมดุลให้ธรรมชาติ ใครก็ตามหยุดทำร้ายป่าได้ไหม เหลือภูเขาที่เป็นป่าธรรมชาติอุ้มน้ำให้เราเถอะ
คิดว่าจะเขียนเบาๆ แต่ขณะเขียนเห็นภาพความสูญเสีย น้ำตา ความอด ไม่มีที่อยู่ การพลัดพรากแล้วเศร้าใจ จริงๆ
รูปบน-ล่าง เป็นน้ำในคลองหลังบ้านที่เริ่มล้น
บ้านที่อยู่ริมน้ำแบบบ้านของ meepole ที่ไม่ต้องห่วงเพราะแม้ไม่ทำเขื่อนเหมือนบ้านอื่นเขา แต่จากการสังเกตุน้ำขึ้นลง น้ำสูงสุดตอนลอยกระทง ก็ขึ้นเข้ามาแค่ตอนที่ 1 ของบ้าน แต่ครั้งนี้ 3 วันแรกก็ยังสบายๆ
อันนี้ล้นเข้ามาในบ้านแล้ว วันที่ 4 จะเห็นว่าในบ้านและคลองแยกไม่ออก เสมอกัน เขต1 อยู่หลังแนวต้นตระกูลเฮคิโลเนีย (ดอกแดงๆ)
พอย่างวันที่ 4 ตื่นเช้ามองออกไปต๊กกะใจ เห็นน้ำปริ่มล้นตลิ่งเข้ามาในตอนที่ 2 ได้แล้ว และเป็นน้ำจากเขาลงมาแล้วที่รู้เพราะน้ำจะเริ่มขุ่นมีดินโคลนลงมา พอตอนเย็นหลังจากตกหนักทั้งวัน จานดาวเทียมลูกเล็กก็ลอยโต้ง เต่งๆๆ แบบที่เห็น
นี่ล่วงล้ำมาตอนที่สอง แล้ว(นอกรั้ว)
แนวรั้วกำแพงหลัง ที่น้ำยังไม่เข้ามา
วันที่หกน้ำปริ่มขึ้นมาชนจานแสดงว่าสูงขึ้นอีกอย่างน้อย 5 นิ้ว และน้ำเข้ามาชนเขตกำแพงหลังพอดี วันนี้เป็นวันที่เจ็ดที่ฝนตกๆ หยุดๆในตอนบ่าย เราก็ลุ้นให้น้ำลง ก็สำเร็จน้ำลงอย่างน้อย 5 นิ้ว (ความสูงวัดที่จานดาวเทียมเป็นจุดสังเกต)
กิจกรรมรองน้ำหน้าบ้านเอาไว้ราดรอยเท้าของ 4 ทะโมนที่เดินไปมาย่ำจนเลอะตอนฝนตก
ฝนตกทั้งวัน ก็เรียงแถวนอนทั้งวัน
ตอนนี้ฝนหยุดได้เกือบสามชั่วโมงแล้ว ได้แต่นั่งภาวนาให้จังหวัดอื่น ที่อื่นหยุดด้วย ให้น้ำลด ให้พวกเขาได้รับการช่วยเหลือ ให้ผู้พลัดพรากได้พบกัน ให้น้ำตา บาดแผลจากการสูญเสียได้บรรเทาลง ให้เหลือแค่ความทรงจำที่จะไม่เกิดขึ้นอีก
คงเป็นบทเรียนของทุกๆภาคส่วนว่า หากเราจะอยู่กับธรรมชาติ เราต้องรักและอนุรักษ์ป่า เรารักเขา เราไม่ตัดทำลายป่าและไม่ยอมให้ใครมาทำลายผืนป่าของเรา ที่แล้ง ก็จะไม่แล้ง ที่ฝนตกก็จะไม่ท่วมรุนแรงเช่นกัน โลกนี้ต้องการความรักต่างตอบแทนแม้กระทั่งธรรมชาติ
สวัสดีค่ะคุณ'mee pole'
ขอเป็นกำลังใจให้พ้นวิกฤติแห่งภัยธรรมชาติค่ะ
รับรู้ รับทราบ ชะตาของคนร่วมชาติ
จากภาคเหนือ แผ่นดินไหว
ภาคใต้ฝนถล่ม ภาคอิสานหนาวเหน็บ
ธรรมชาติคุกคาม หรือ เอาคืน...
ยังไงก็เอาใจช่วยพี่น้องภาคใต้..ให้พ้นทุกข์เร็ววันค่ะ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ meepole ที่ว่า
"หากเราจะอยู่กับธรรมชาติ เราต้องรักและอนุรักษ์ป่า เรารักเขา เราไม่ตัดทำลายป่าและไม่ยอมให้ใครมาทำลายผืนป่าของเรา"
ขอนำเสนอภาพถ่ายทางอากาศเขาหลวงบริเวณ อ.นบพิตำ จ.นครศรีฯ
แสดงการทำลายป่าในตอนลึกของเขาเป็นหย่อมๆ
เขาเห็นกันทั่วโลก แต่ จนท เห็นแล้วเฉย
คิดแล้วเศร้า
เห็นน้องหมานอนเรียงกันเหมือนที่บ้านเลยค่ะยามที่น้ำท่วมชั้นล่างต้องอพยพ ยอมให้เขาขึ้นมานอนบนนอกชาน
ปีนี้น้ำมากจริงๆค่ะ ทุกภาค
เมื่อวันที่๒๑ มีนาคม เสร็จงานที่หาดใหญ่ ยังไปทานข้าวที่ตรัง ผ่านเลาะตัดข้ามไปนอนขนอม ไปดอนสักบ้านเพื่อนแล้วขึ้นเครื่องกลับจากสุราษฏร์ ฝนมีบ้างให้ชุ่มฉ่ำ แต่พอกลับออกมาได้วันเดียวข่าวฝนและน้ำถล่มภาคใต้น่าตกใจมากค่ะ เพื่อนที่อยู่ดอนสักบอกว่า วัดที่เชิงเขาอยู่เลยที่เราไปพักแถวขนอมนั้นฝนตกภูเขาพังทับวัดอ่านหนังสือพิมพ์บอกว่ามีพระมรณภาพด้วย
ดินฟ้าอากาศแปรปรวนเช่นนี้มนุษย์จะอยู่รอดได้ต้องมีความใส่ใจ สังเกตและหันกลับมาทำนุบำรุงแม่ธรรมชาติทั้งหลาย ไม่ใช่อยู่แบบเสพโลกอย่างที่คนส่วนใหญ่เป็นอยู่ ซึ่งก็ไม่อยากตำหนิว่าเขาเสพโลกทั้งๆที่รู้นะคะ เพราะส่วนใหญ่จะไม่เคยรู้ ไม่มีความรู้ จึงขาดความสำนึกว่าสิ่งที่ปฏิบัติทุกๆวันจะมีส่วนทำร้ายโลกอย่างไร เราที่รู้จึงต้องช่วยกันพร่ำบอกและลงมือทำ ช่วยๆกัน
ขอบคุณอาจารย์ที่ไปแวะเยี่ยมให้กำลังใจที่บันทึกค่ะ
แวะมาส่งกำลังใจให้...ดูแลสุขภาพด้วยน่ะค่ะ
สวัสดีครับ มาให้กำลังใจ ขอให้พ้นวิกฤตเร็วๆนะครับ
สวัสดีค่ะ
เจ้าpote' กลัวเสียงฟ้าร้อง ต้องเอาเข้ามานอนในบ้านกลางคืนอีกด้วยค่ะ แต่เขาดีไม่ทำบ้านเลอะ เพราะจะทำมือสั่งห้ามแล้วบอกว่า no ฉี่ค่ะ :)
ดินฟ้าอากาศแปรปรวนตอนนี้ก็อยากจะพูดแบบพยายามมองโลกแง่ดีแล้ว ก็ยังต้องบอกว่าน่าจะสายเกินไปแล้ว มันเลยจุด threshold ไปแล้ว สิ่งที่ทำได้คือทำอย่างไรจะชลอให้สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดมาถึงช้าลง หรือให้มันรุนแรงน้อยลง ขึ้นกับความตระหนักในใจทุกๆคนจริงๆค่ะ (แค่คิดก็เหนื่อยใจจริงๆ ที่จะพยายามทำให้คนหันมารักหวงแหนป่า)
สวัสดีค่ะ
พี่คิมเพิ่งเปิดเข้าเน็ต และเข้าระบบเพื่อมาคุยด้วยค่ะ
พี่คิมติดตามข่าวน้ำท่วมตลอดเวลา มีเพื่อนอยู่นครศรีธรรมราช ติดต่อไม่ได้ค่ะ เข้าไปเขียนทิ้งไว้ใน facebook ก็คงไม่มีเวลาเปิดเหมือนกัน
วันนี้เห็นภาพผู้คนที่กลับไปหาบ้านและสิ่งของ พี่คิมถึงกับน้ำตาไหล สงสารและเห็นใจมากค่ะ
ได้แต่ภาวนาว่าให้ทุกอย่างสงบและจากไปโดยเร็ว อย่าได้เกิดขึ้นกับที่ไหนอีกเลย ขอเป็นกำลังใจค่ะ
ขอส่งกำลังใจให้คุณหมีและครอบครัว ญาติพี่น้องทุกท่านให้ปลอดภัยจากน้ำท่วม อยู่ร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากันนะคะ
และขอเป็นกำลังใจสำหรับการไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยค่ะ
สงสารคุณตูบนะคะ นอนเหงาเลยค่ะ
แวะมาให้กำลังใจนะคะ ขอให้ผ่านพ้นเร็วไว เห็นภาพป่าไม้ถูกทำลายแล้ว เศร้าใจจริงๆ เมื่อไร คนจะรักธรรมชาติ ลดความเห็นแก่ตัวลง เราต้องรออีกนานเท่าไร
สวัสดีค่ะครู
ตอนนี้น้ำในคลองหลังบ้านลดลงเรื่อยๆ ไม่มีปัญหาอะไร ขอบคุณค่ะ แต่หลังจากตอบบล็อกนี้แล้วจะไปช่วยกาชาดผูกถุงอาหาร หรืออื่นๆต่อค่ะ ก็คงต้องร่วมด้วยช่วยกันเท่าที่ทำได้
นั่งเขียนหนังสือที่บ้านก็รู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อได้ยินเสียงเฮลิคอบเตอร์บินผ่านเที่ยวแล้วเที่ยวเล่าเพื่อลำเลียงผู้คนและอาหาร ก็เลยนัดเพื่อนว่าเช้านี้จะออกไปกันอีก
สวัสดีค่ะ
คุณ |
คิดในแง่บวกมานานแล้วว่าไม่เป็นไร น้ำท่วมคราวนี้คงได้บทเรียนทั้งภาครัฐและชาวบ้านชาวเมืองว่า ป่าหมด น้ำไหลบ่า ซุงทะลัก ต่อไปคงช่วยกันดูแลเฝ้าระวัง และระมัดระวังการโค่นป่าธรรมชาติมากขึ้น แต่รู้สึกว่าการมองโลกแง่ดีเช่นนั้นไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เหมือนการพยายามปิดตาข้างเดียวมากกว่า
พยายามสอนและปลูกสำนึกคนรุ่นใหม่ แต่บางครั้งก็รู้สึกว่ากรอกเข้าไปในตุ่มรั่ว เพราะบ้านพวกเขาก็โค่นป่าปลูกยาง ปาล์ม กันเช่นกัน จนเขาก็บอกว่าเขาปลูกป่าทดแทนเช่นกัน (เหมือนที่เมื่อวานที่มีผู้บริหารปท.คนหนึ่งที่ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่มีงานวิจัยใดที่บอกว่าต้นยางพาราไม่ช่วยดูดซับน้ำ จะโทษยางพาราไม่ได้ฯ ก็ว่ากันไป)
แต่ที่แน่นอนน้ำที่มาเร็วมาก กระแสน้ำที่เชี่ยวมาก จนพัดวัว ควาย บ้าน ไปคนละทิศ โดยไม่มีตัวช่วยลดทอนความแรงน่าจะนำมาเป็นข้อสังเกตุ
ส่วนในเมืองและรอบๆ ที่น้ำท่วมหลายสิบหมู่บ้าน บ้านชั้นเดียวจมหมด ทั้งๆที่พูดว่าตรงนั้นตรงนี้ไม่เคยท่วมมาก่อน เคยมองผังเมืองไหมว่าการสร้างหมู่บ้านจัดสรร ถมที่ขวางทางน้ำ ถมบึง หนอง แม้กระทั่งบุกรุกริมคลองออกไป จนทางน้ำ ที่ขังน้ำสำรองหายไปหมด แม่น้ำก็เลยรับไม่ไหวเอ่อล้นออกมา และก็จะมีปัญหาอีกครั้งตอนรอน้ำลด เพราะมันจะระบายได้ช้าอีก เกิดปัญหาน้ำขังเน่า ยุง เชื้อโรค เป็นอะไรที่ต้องยอมรับ เห็นปัญหาแล้วช่วยกันวางแผนแก้ แต่คิดว่าก็คงไม่มีใครใส่ใจทำ รอรอบต่อไปอีก คิดก็เหนื่อย ก็บ่นแล้ววางต่อค่ะ
ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมเยือน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หวังว่าคงได้คุยกันต่อๆไปนะคะ :)
วันนี้ที่ปากพะยูน ยังคงตกอยู่ แต่ไมหนัก ฟ้าอุ้มฝนมืดมัวไปหมดเลยอาจารย์