ทศพร พรสิบประการ


     พอดีเมื่อบันทึกที่ผ่านมาได้กล่าวถึงลักษณะบุรุษโทษ  ๑๘  ประการ   ซึ่งลักษณะดังกล่าวท่านว่ามีอยู่ในตัวชูชก   และช่วงนี้เองก็เป็นช่วงทำบุญมหาชาติของคนภาคอิสาน   โดยเฉพาะที่จังหวัดร้อยเอ็ด   ก็เลยคิดว่าน่าจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องพระเวสสันดรเอาไว้บ้าง   เพื่อคนที่สนใจศึกษาจะได้ศึกษาต่อไป   ก็เลยนึกถึงพระพร  ๑๐  ประการที่พระนาง  “ผุสดี”  ได้ทูลขอกับพระอินทร์ ซึ่งพรสิบประการมีดังนี้

 

๑.   ขอให้หม่อมฉันได้อยู่ในปราสาทของพระเจ้าสีวิราช แห่งนครสีพี

๒.   ขอให้หม่อมฉันมีจักษุดำดุจนัยน์ตาลูกเนื้อ

๓.    ขอให้หม่อมฉันมีคิ้วดำสนิท

๔.    ขอให้หม่อมฉันมีนามว่าผุสดี

๕.    ขอให้หม่อมฉันมีพระโอรสที่ทรงเกียรติยศเหนือกษัตริย์ทั้ง

         หลาย

๖.    ในเวลาทรงครรภ์ ขออย่าให้ครรภ์ของหม่อมฉันนูน ปรากฏดัง

         สตรีสามัญ

๗.    ขอให้หม่อมฉันมีถันงาม ในเวลาทรงครรภ์อย่ารู้ดำ และต่อไป

         อย่าให้หย่อนยาน

๘.     ขอให้หม่อมฉันมีเกศาดำสนิท

๙.     ขอให้หม่อมฉันมีผิวละเอียดงาม

๑๐.   ขอให้หม่อมฉันทรงอำนาจปลดปล่อยนักโทษได้

 

     พระอินทราธิราชก็ทรงอนุญาตและทรงอวยพรให้พระพรที่ขอสำเร็จตามประสงค์ทุกประการ   นางจุติจากสวรรค์มาเกิดเป็นมนุษย์ ถือกำเนินในครรภ์แห่งพระมเหสีมัทราช   ได้ชื่อว่า “ ผุสสดี”

    ซึ่งพระพรสิบประการนี้   อาจารย์บานเย็น  ลิ้มสวัสดิ์   ท่านก็ได้ประพันธ์เอาไว้ในหนังสือ   “มหาชาติคำกลอน”   ไว้ไพเราะน่าฟังยิ่ง ดังนี้...

 

นางสดับศัพท์ท้าวกล่าวเสนอ                 ก็หมดเก้อหมดงงหมดสงสัย

แม้วิโยคโศกสร้านสักปานใด                 ก็จำใจกล่าวกลอนสุนทรพลัน

ข้าแต่องค์ทรงฤทธิ์อิทธิกล้า                   เป็นราชาปกปิ่นถิ่นสวรรค์

ขอพระองค์ทรงโปรดอดโทษทัณฑ์          ตัวหม่อมฉันนี้จะขอพระพร

รวมสิบข้อพอสมอารมรณ์หมาย             อย่าห่างหายเปล่าปลอดให้ทอดถอน

ที่หนึ่งคือเมื่อทรุดจุติจร                        จากนครเทพไปในโลกา

ขอเกิดใหม่ในอุทรสมรมิ่ง                     พระยอดหญิงมัทราชสูงวาสนา

เมื่อสาวใหญ่ไม่พลัดภัสดา                    เป็นชายาสญชัยในสีพี

ที่สองให้นัยนาดั่งตาเนื้อ                       แวววาวเจือเขียวสง่าเป็นราศี

แสนหมดจดสดใสไร้ราคี                       ฉายไมตรีทางเนตรคนเมตตา

พรที่สามความไขอย่าไพล่พลิ้ว              ขอขนคิ้วเขียวดำขำหนักหนา

สีระยับจับจิตมวลมิตรตรา                     เหมือนสร้อยคอมยุราสง่างาม

อีกโขนงโค้งหรูธนูเปรียบ                      ยามพิศเพียบเลียบใจอาลัยหวาม

พรที่สี่นี้เล่ามีเค้าความ                          ขอมีนามในมนุษย์ผุสดี

พรที่ห้าข้าใคร่จักได้บุตร                       งามที่สุดแหลมหลักเป็นสักขี 

เกียรติระบือลือเลื่องเฟื่องโลกีย์              พระทัยปรีดิ์เปรมบุญอุดหนุนทาน

ชาติทุพลจนทรัพย์และอับโชค               ให้สร่างโศกเพราะบุตรสุดสงสาร

อนุกูลจูนเจือเหลือประมาณ                   ขอโปรดปราณให้สมอารมณา

พรที่หกยกคดีเมื่อมีท้อง                        ขอให้มองปกติดำหริหา

อย่าเติบโตโย้ยื่นไม่ชื่นตา                      แสนระอาตาคนทนประจาน

ตระโพกงอยอยื่นไม่ชื่นจิต                     ได้พบพิศเป็นทุกข์ไม่สุขศานติ์

ที่เจ็ดถันนั้นหนอพอประมาณ                  อย่ายาวยานยื่นย้อยพลอยละอาย

เมื่อทรงครรภ์ถันแนบแอบอกข้า              ปลายถันอย่ายลดำนำเสียหาย

แม้ลูกอมนมอยู่ไม่รู้วาย                         ก็อย่ากลายคล้อยเคลื่อนเลื่อนพิกล

ด้วยนารีที่นมไม่สมส่วน                         ดูเกินควรยาวใหญ่ไม่เป็นผล

อุดจมูกลูกตายน่าอายคน                      อย่าให้ยลเลยหนาข้าวอนที

ขอให้ถันนั้นแนบแอบสนิท                     งามวิจิตรชวนใจให้สุขศรี

เหมือนดอกบัวยั่วยวนชวนฤดี                เต่งตั้งมีสีสุกใสไปทุกคราว

แปดพิเศษเกศนั้นอย่าผันผวน                ถึงเถ้าถ้วนเกศาก็อย่าขาว

ดกดำขลับสลับสลวยสวยวับวาว              เหมือนผมสาวเป็นนิตย์งามติดตา

พรที่เก้าเจ้าข้าเมตตาให้                        ผิวผ่องใสสวยพริ้งยิ่งเลขา

เหมือนทองคำธรรมชาติไม่คลาดคลา      ทั่วกายาสวยสดหมดราคี

ที่สิบนี้ดีนักประจักษ์จิต                         ช่วยชีวิตนักโทษโปรดสุขี

ถึงโทษผิดติดสถานประหารชีว์               ให้ข้านี้อาจช่วยไม่ม้วยตัว

พระพรชัยใหญ่ยิ่งสิ่งประสงค์                 ทั้งสิบจงเสร็จเค้าเถิดเจ้าผัว

ล้วนประโยชน์โสตถีไม่มีมัว                    แก่ตนทั่วทั้งเขาข้าเจ้าปอง

หมายเลขบันทึก: 430568เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2011 17:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขออนุโมทนากับพระอาจารย์สุรยุทธ ชยปัญโญ ผู้เป็นเนื้อนาบุญของชาวเขา

นมัสการค่ะ

  • อาจารย์บานเย็น  ลิ้มสวัสดิ์  ประพันธ์ไว้ได้น่าอ่านมากนะคะ
  • พระคุณเจ้ามีฉบับเต็มเลยหรือคะ
  • ครูอิงเคยชมเทศน์มหาชาติทรงเครื่อง  ชอบตอนที่กัณหาชาลี ซ๋อนตัวอยู่ในสระบัวมากค่ะ ที่เดินถอยหลังลงสระน้ำหน่ะค่ะ
  • พระคุณเจ้ามีบทกลอนสำหรับตอนนี้หรือเปล่าคะ
  • พรข้ออื่น ๆ ไม่สงสัยค่ะ สงสัยพรข้อ ๑๐ ขอให้หม่อมฉันทรงอำนาจปลดปล่อยนักโทษได้  ข้อนี้ครูอิงจำไม่ได้ว่าเป็นตอนใด ที่พระนางผุสดี ปลดปล่อยนักโทษ

                             

    อาจารย์บานเย็น ลิ้มสวัสดิ์ ท่านบวชเรียนมาก่อน  ได้เป็นเปรียญ ๘ ประโยค จากวัดบวรนิเวศวิหาร  และเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล  ปัจจุบันนี้คงจะแก่ชรามากแล้ว หนังสือที่ท่านแต่ง ชื่อ "มหาชาติคำกลอน"  เป็นร้อยกรองตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบ ครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ เป็นหนังสือเล่มใหญ่พอสมควร ระบุไว้ว่าตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ ตอนนี้กระดาษที่ใช้พิมพ์ก็เก่าแล้ว เปิดแรงก็ไม่ได้ ต้องถนอมอย่างมาก

     บทกลอนตอนที่กัณหาชาลีซ่อนตัวอยู่ในสระบัวก็มีครับ ดังนี้

     ฝ่ายกัณหาชาลีศรีสวัสดิ์               ถูกเฒ่าซัดผรุสสุดบัดสี

หลบหลีกมาหาแหล่งแฝงกายี             สองชาลีกัณหาปรึกษากัน

เรื่องใจบาปหยาบช้าตาชูชก               สัตว์นรกมากโลภโมห์มากโทสัน

เราพูดดีถี่ถ้วนสมควรมัน                    แจ้งจำนรรจ์ให้เพราะเหมาะทำนอง

กลับตะคอกออกท่าจนน่าเกลียด         นึกแล้วเคียดแค้นใจไอ้จองหอง

หนอย ไปรับกลับประโดนตะบอง         ถ้าไม่คล่องลอดเล็ดคงเสร็จมัน

ที่ไอ้เฒ่าเข้ามาเวลานี้                       ดูท่าทีก็แผกแปลกมหันต์

ลองฟังให้ได้ชัดถนัดกรรณ                 แกจำนรรจ์อย่าไรฟังให้ดี

       โอ้ กัณหาชาลีศรีกษัตริย์            ได้ฟังชัดทรวงสั่นพระขวัญหนี

ระย่ออาตม์หวาดไหวในอินทรีย์            ราวกับผีเข้าสิงออกวิ่งวน

ละเลิกลักพักตร์ซีดถึงขีดสุด                อุตลุดปรึกษาโกลาหล

แย่แล้วน้องต้องคิดปกปิดตน                อย่าให้ค้นหาเจอไปเถอะรา

ฉุดกระชากลากน้องประคองอุ้ม             ให้กลัดกลุ้มตัวสั่นหวั่นหนักหนา

เหมือนลูกนกงกงันหวั่นวิญญาณ์            คราวถูกกาหรือเหยี่ยวโฉบเฉี่ยวกิน

วิ่งว้าวุ่นหมุนตัวกลัวทั้งนั้น                    อึดอัดอั้นระทมไม่สมถวิล

จะหลบซ่อนบ่อนไหนไหวหวั่นจินต์        สุดหาถิ่นพึ่งพักพำนักตน

ไปหลบนอนซ่อนบังหลังอาศรม             นึกปรารมภ์ว่าไม่ลับเหลือสับสน

เปลี่ยนไปซุ่มพุ่มรังบังตาคน                  สาละวนไม่พบสงบใจ

กลัวไอ้เฒ่าเข้าค้นพบตนอีก                  สุดจะหลีกหลบซ่อนที่บ่อนไหน

จึงเตลิดเปิดเปิงเจิดเจิงไป                    ถึงสระใสก็จบสุดหลบเอา

หากเป็นนกผกผินสู่ถิ่นฟ้า                     จะเหาะพาเอาตนพ้นหงอยเหงา

นี่เป็นคนจนใจคิดไม่เบา                       เห็นต้องเข้าซ่อนไว้ในชลา

ชาลีจึงดึงน้องลงท้องสระ                      เอาใบปทุมปิดมิดเกศา

เห็นไม่รอบคอบเหลือเมื่อลงมา                ลงหันหน้าสู่สระนี่กระไร

พระบิดามาค้นโดยหนนี้                         รอยเท้าชี้แจงหมดปลดสงสัย

จึงขึ้นมาหาทางอย่างปลอดภัย                 แล้วลงใหม่ด้วยตั้งถอยหลังลง

อนิจาชาลีศรีวิสุทธิ์                                เธอเป็นบุตรบัณฑิตพิศวง

ฉลาดรอบคอบนักประจักษ์องค์                 ปกอนงค์น้องยาเวลาจน

หิมวาผาใหญ่พงไพรกว้าง                        หิมะค้างหนาวเหน็บเจ็บขุมขน

ซ้ำสระแคบแอบหวังกำบังตน                    กระแสชลเกือบแข็งเพราะแรงเย็น

สุดหนาวเหน็บเจ็บปวดรวดเร้าล้น              เธอจำทนซ่อนไม่ให้คนเห็น

หนาวน้ำค้างพร่างพรมประสมเป็น               หนาวกระเซ็นลมซ้ำซัดรำเพย

 

 

 

 

นมัสการเจ้าค่ะ

ตามมาจากบันทึกของคุณวิโรจน์ พูลสุข

มานมัสการ และรับความรู้เกี่ยวกับชาดกเจ้าค่ะ

 

  • ขอบคุณ คุณโยม ณัฐรดา ที่มาเยี่ยมชม
  • คุณโยมเป็นคนนึงที่มีความสนใจศึกษาหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา
  • ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง
  • ขอให้มีความเจริญงอกงามในพระสัทธรรมคำสอน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.

ดีใจคะที่มีคนยังนึกถึงพ่ออยู่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท