คิดถึงหนังขายยา


เพียงแค่เราใช้ไม้หรือปลายเท้าขีดลงบนพื้นดินก็เป็นการจองที่ที่ไม่มีใครมาละเมิดสิทธิ์เราเลย

 

คิดถึง ”หนังขายยา”

                           เมื่อมีเวลาว่าง…ได้นึกย้อนอดีตเมื่อไร    “หนังขายยา” จะเป็นเรื่องที่ฉันคิดถึงเสมอ   เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขทั้งในสมัยเด็ก   และแม้แต่เวลานี้ 

         หนังขายยา(การฉายภาพยนตร์กลางแจ้งส่วนใหญ่จะฉายที่ลานวัด) จะเป็นการนำหนังมาฉายโดยไม่เก็บเงินส่วนใหญ่จะฉายเรื่องเดียว  แล้วหยุดประกาศขายยา เป็นช่วงๆ 2- 3 ครั้ง  หนังสมัยนั้นจะมีดาราคู่ขวัญ  เช่น มิตร ชัยบัญชา- เพชรา  เชาวราษฎร์, สมบัติ  เมทะนี– อรัญญา นามวงศ์, ภาวนา  ชนะจิตร-ยอดชาย  เมฆสุวรรณ

               ถ้าวันไหนมีหนังมาฉาย จะมีรถประกาศรอบหมู่บ้านให้รู้ก่อน สักประมาณ  3- 4 โมงเย็น  เพื่อให้เตรียมตัวไปดูหนังและเตรียมเงินไปซื้อยา ถ้าเป็นวันธรรมดาที่ฉันไปโรงเรียน ก็ไม่อยากจะเรียนแล้ว อยากมาดูหนัง   เพราะเมื่อ 40 ปีก่อน   หมู่บ้านฉันไม่มีไฟฟ้า  ไม่มีโทรทัศน์ให้ดูหรอก  

           ที่วัดประจำหมู่บ้านของฉัน เป็นสถานที่สำหรับฉายหนังขายยาโดยเฉพาะ  หนังมาทีไรมาฉายที่วัดนี้ทุกที

ที่วัดจะมีลานดินโล่งกว้างอยู่ตรงกลาง   มีโบสถ์  กุฎิ  หอระฆัง  โรงลิเก  เรียงรายอยู่รอบ ๆ  ด้านข้างถัดจากโรงลิเกมีสระน้ำลึกและกว้างมาก  น้ำในสระ ใสสะอาด เต็มไปด้วยบัวหลวงสีชมพู  แซมประปรายด้วยบัวผันสีขาว ชมพู  และเหลือง    ผู้ใหญ่บอกว่าในสระมีสัตว์น้ำมากมาย   ตั้งแต่กุ้งฝอย   หอย  ปู  ปลา  เต่า  ตะพาบ และที่น่ากลัวยังมีงู  นางเงือก  และพรายน้ำอยู่ในสระด้วย     ห้ามเด็กๆ ลงเล่นน้ำในสระเด็ดขาด   น้ำในสระมีไว้สำหรับตักไปใส่ตุ่มที่บ้านเพื่อใช้ในครัวเรือนทุกอย่าง  ทั้งอาบ  กิน รดต้นไม้  ซักล้าง  ประกอบอาหาร     และรอบๆ  สระน้ำจะมีแปลงผักที่พวกเรามาปลูกไว้   เช่น  ต้นหอม   กระเทียมผักชี   ผักกาด  คะน้า    นอกจากนั้นในวัดยังมีไม้ดอกไม้ผลปลูกไว้หลายต้น   เพื่อให้สวยงามและอาศัยร่มเงา   เช่น ขนุน  มะม่วง  แต่มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับฉันและเพื่อนมาก   นั่นก็คือต้นโพธิ์ที่อยู่ท้ายสระน้ำ

            ต้นโพธิ์ในวัดของเรามีต้นเดียว แต่ตั้งต้นสูงตระหง่านแผ่กิ่งก้านใหญ่โต  บ่งบอกถึงอายุ   ที่บอกว่าต้นโพธิ์ต้นนี้มีความสำคัญกับฉันก็เพราะว่าพวกเรา (ฉันกับเพื่อน ๆ ร่วมรุ่น 5 – 6 คน ที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆกัน) จะถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ    โดยไม่บอกใคร   แต่พวกเราถือว่าทำเพื่อทุกคนในหมู่บ้าน  เรียกว่าปิดทองหลังพระนั่นแหละ   คือเมื่อมีรถมาประกาศจะฉายหนังขายยา    ก่อนเวลาหนังฉายพวกเราก็จะรวมตัวกัน(ไม่ให้คนอื่นรู้)ไปนั่งพับเพียบเรียบร้อย ไหว้ต้นโพธิ์และบอกว่าขออย่าให้ฝน ขออย่าให้เกิดเรื่องที่ไม่ดี  และขอให้หนังฉายจนจบเรื่อง

            จากนั้นพวกเราก็จะพากันไปที่ลานวัด   ไปดูว่าหนังตั้งจอแล้วหรือยัง     ถ้ายัง….พวกเราจะไม่ไปไหน   จะวิ่งเล่นไล่จับ   กระโดดหนังยาง  ฝุ่นตลบอยู่แถวนั้น   ถ้าหนังตั้งจอเมื่อไร  พวกเราก็จะวิ่งกรูกันไปจองที่ที่จะปูเสื่อเพื่อนั่งดูหนัง    ใครมาก่อนก็จะได้ทำเลดีกว่า  ได้ดูหนังชัดในระยะที่เหมาะกับสายตามากกว่า   การจองที่ดูหนัง  สมัยนั้นเราไม่ต้องหอบเสื่อไปปูไว้ก่อน    เพียงแค่เราใช้ไม้หรือปลายเท้าขีดลงบนพื้นดินก็เป็นการจองที่ที่ไม่มีใครมาละเมิดสิทธิ์เราเลย   จากนั้นเราก็จะกลับบ้าน  ไปอาบน้ำ  กินข้าว   ทำกิจวัตรประจำวันในตอนเย็น   พอถึงเวลาพลบค่ำ   ตะวันตกดิน    พวกเราก็ทยอยกันแบกเสื่อมาครอบครัวละผืน   แล้วก็มาปูในที่ที่เราขีดเส้นไว้   ฉันไม่เคยเห็นใครทะเลาะกัน  แย่งกันปูเสื่อดูหนังเลย  บางคนมาขีดเส้นจองไว้แล้วไม่ได้มา  จะเป็นเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม   ก็จะเห็นพื้นดินที่จองไว้ตรงนั้น  ว่างเปล่าไม่มีใครมานั่ง  จนหนังเลิกฉาย

                  สิ่งที่เล่ามาข้างต้นเป็นความจริงที่ฉันไม่เคยลืม   ฉันเคยพูดคุยกับเพื่อน ๆ  และน้อง  ๆ   หลายครั้งว่า   ทำไมเมื่อก่อนเด็กๆ   ถึงเป็นคนที่เคารพกฎกติกาของสังคมได้ดีขนาดนั้น     

                 “หนังขายยา”นอกจากจะทำให้ฉันนึกถึงความสุข  ความสนุกสนานในวัยเด็กแล้ว   เรื่องของการขีดเส้นลงบนพื้นดินเพื่อจองที่   ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้”หนังขายยา”      เป็นเรื่องของความรู้สึกดีๆ  ที่อยู่ในในฉันมาตลอด

 

               …………………………………………………………………………………..

                             อัมพร   ทานประสิทธิ์

                            20 กุมภาพันธ์  2554

 

 


หมายเลขบันทึก: 427478เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2011 00:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (35)

ดีใจที่ได้อ่านคนชอบหนัง

เมื่อก่อนเคยออกฉายหนังให้สาธารณสุข  รณรงค์ การใช้ส้วม อันตรายจากพยาธิ

มาชวนไปอ่านคนชอบหนังในบันทึกนี้  http://gotoknow.org/blog/bangheem/413591 ชุดบันทึกจดหมายจากนายฉิมพลี ประมาณปี 2521

คิดถึงตอนวัยเด็กค่ะ

หนังฉายขายยา เป็นสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นสุด ๆ ให้กับเด็ก ๆ  ณ เวลานั้น

วันใดมีรถมาประกาศว่ามีหนังฉายขายยาหล่ะก็ สนุกกกกกกก  กันใหญ่

ขอบพระคุณที่ทำให้หวนคิดถึงวันเก่า ๆ ในวัยเด็กค่ะ

สวัสดีครับ

เป็นบันทึกที่ผมโหยหาสำหรับบันทึกแรกของวันนี้

ผมเกิดทัน ยุคหนังกลางแจ้ง ดูหนังจนสว่าง

"ซอดแจ้ง" ไปทั้งกับเตี่ยและแม่ พอโตประมาณประถม ก็ไปกับเพื่อน ๆ

เอาเสื่อไป นอนบ้าง กินขนม ผัดหมี่  ส้มตำ ดูหนังบ้าง

ตอนเด็ก ผมอยากเป็นคนที่มาฉายหนังกลางแปลง

คนอะไรเก่งจัง ตั้งจอ  ประชาสัมพันธ์รอบบ้าน และพากษ์หนัง และขายยา

และตอนเด็ก ๆ ผมอยากเป็น "บรู๊ดลี" มากครับ

แค่คิดถึงก็มีความสุขจังครับ

คุณครูเขียนบันทึกได้น่าอยากมากครับ

อย่าจากไปจากโกทูโนง่าย ๆ นะครับ

เพราะผมจะได้อ่านบันทึกที่ดี ๆ

ผมจะตามเป็นแฟนคลับของครูนะครับ

ท่านวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- 

ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเคยดูนะค่ะ  ที่เป็นการ์ตูนคนไม่ใส่รองเท้าแล้วเดินไปเหยียบหัวพยาธิให้มันชอนไชเข้ามาในเท้า

 

คุณทิมดาบ

เคย "ซอดแจ้ง" เหมือนกันค่ะ... และที่สำคัญ วันที่ "แจ้ง" ยังเป็นวันที่ต้องไปโรงเรียนอีกด้วย ...ไม่ถูกทำโทษโดยตรง แต่ก็เหมือนถูกทำโทษ  เพราะนั่งหลับคำนับคุณครูทั้งวัน  หัวคงส่ายเป็นเสาเรด้าห์ละค่ะ   แต่จำได้ว่าง่วงแค่ไหนก็ไม่เคยตกจากเก้าอี้สักที   พอมาเป็นครูเองเลยเข้าใจเด็ก ถ้าเห็นเขานั่งตาปรือก็จะบอกว่า "ไปล้างหน้าให้หายง่วงนะลูก"

 

อ่านคำว่า หนังขายยา

คิดถึงเพลง "คนกินแดด"

เหมือนว่าจะสะท้อนชีวิตหนังสือขายยา

อยู่เหมือนกันนะครับ

"เหนื่อยหน่ายการ บ่มีสถานผ่อนคลาย มีแต่รถยาบวดหาย มาฉายหนังให้ดู...."

 

คุณทิมดาบ

ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่ให้กำลังใจ  งานเขียนเป็นสิ่งที่รักมาก  เวลาได้เขียนจึงมีความสุข  Gotoknow ให้มากกว่าที่คิด (ขอขอบคุณทีมงานทุกท่าน)  เมื่อแรกเข้ามาก็ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจากหลายๆ ท่านที่แวะเวียนเข้ามาทักทายให้กำลังใจ.....คิดว่าคงไม่ออกไปจากที่นี่ง่ายๆ หรอกค่ะ  

คุณครูอิงจันทร์ค่ะ

    ช่วงนี้เป็นช่วงวัยทองค่ะ  ถ้าแวะมาที่นี่ ต้องทนอ่านเรื่องของวันเก่าๆในวัยเด็กอีกหลายเรื่องค่ะ

เรียนท่านผศ.โสภณ

พอเห็นท่านเข้ามารู้สึกอบอุ่นใจเหมือนถูกอาจารย์ตามดูงาน

ก่อนเขียนตอบ ต้องไปเปิดเพลงคนกินแดดฟังให้แน่ใจ

เลื่อมใสในความรอบรู้ของท่านมาก  เพราะเพลงยังใช้

คำว่า"ยาปวดหาย"  ซึ่งรัฐบาลห้ามใช้ตั้งนานแล้ว  เพราะ

จะเป็นการโฆษณาเกินจริง  เขาให้ใช้คำว่า "ยาบวดหาย"

ท่านทันสมัยมากค่ะ   ในเพลงเขาคงอนุรักษ์คำเก่าอยู่

 

 

 

ท่าน ดร.จันทวรรณ

         ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจค่ะ

สวัสดีค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  คุณครูมีผลงานมากมายนะคะ  สมกับตำแหน่งชำนาญการพิเศษจริง ๆ เลยค่ะ ขอชื่นชมด้วยใจจริงค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ  และยินดีสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้  ขอขอบคุณที่ไปทักทายค่ะ

หากจะทำความรู้จักอีกก็เชิญที่นี่ค่ะ 

ดาวน์โหลดไฟล์ PDF

คุณครูคิมค่ะ

          ก่อนที่จะเข้ามาGotoknow คิดแล้วคิดอีก   เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับโลกออนไลน์  พอดีกรมประชาสัมพันธ์กับกระทรวงไอทีจัดกิจกรรม  “ Thailand Social Media Innovation 2011”

          ต้องพานักเรียนไปร่วมกิจกรรม  สาระสำคัญคือต้องการให้ทุกคนใช้โลกออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  จึงตัดสินใจเข้าสู่ Gotoknow และในประวัติต้องใส่ผลงาน เพื่อเป็นแบบอย่างและสร้างศรัทธาให้เกิดกับผู้เรียน  เพราะต้องสอนนักเรียนให้เขียนนิทานด้วย  รู้สึกว่านักเรียนจะตื่นเต้น มีความสุข   และรับรู้ว่าครูของเขาทำอะไรบ้าง  เป็นต้นแบบที่ดีของเขาได้หรือเปล่า

     ขอบคุณสำหรับ “ก้าวย่างบนทางฝัน” อ่านจบแน่นอนค่ะ

 

อำเภอปง จังหวัดพะเยา

ผมเกิดและโตที่จังหวัดพะเยาเมื่อตอนเด็กอายุประมาณ7-8 ขวบพ่อแม่ก็พาไปดูหนังขายยาแล้วครับรถฉายหนังจะเข้ามายังอำเภอที่ผมอยู่เป้นประจำ รถฉายหนังมีหลายบริษัทเช่น ยาหม่องตราถ้วยทอง ยาทันใจ หมากหอมเยาราช บริษัทบีเอ็นฮั้วจำกัด ยาตราหัวสิงห์ ยาแก้ปวดหาย ยาประสะนอแรด หลังๆก็มี รถฉายหนังไมโล โอวัลติน และรถฉายหนังของถ่านไฟฉายตราไก่ ตราห้าแพะ ตรานกฮูก รั้งท้ายด้วยถ่านไฟฉายตรากบ ก่อนการฉายหนังเรื่องก็จะฉายหนังการ์ตูนก่อนแล้วก็ฉายหนังเรื่องเป็นหนังฝรั่ง หนังไทย หนังอินเดีย หนังยี่ปุ่น ที่บ้านผมมักจะฉายที่สนามหญ้าหน้าที่ว่าการอำเภอหรือสนามหญ้าหน้าโรงเรียน ส่วนบรรยากาศบริเวณที่ฉายหนังก็จะมีพ่อคัแม่ค้าเอาขนมมาขาย ส่วนคนดูก็ยืนบ้างปูเสื่อนั่งบ้างส่วนหนุมสาวก็จะควงกันมาเป็นคู่ๆ ลูกเล็กเด็กแดงก็จะมากับพ่อแม่ครับ 

เป็นความสุขของเด็กๆในแถบชนบทครับ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนั้น ทำให้นึกย้อนถึงวันวาน เหมือนหนังเรื่องแฟนฉันก็ไม่ปาน 555

อ่านไปยิ้มไป นี่ก็เป็นอีกบทความหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นคุณค่าของอดีตวันวาร ว่ามันสร้างรอยยิ้มภายในใจเรามากมายเพียงใด เมื่อเรานึกถึง แม้ว่าวันนี้สิ่งเหล่านั้นจะเหลือแค่เพียงความทรงจำก็ตาม เราก็มักจะนึกถึง และแอบยิ้มอย่างมีความสุขเสมอเมื่อได้ระลึกถึง

คุณจากอำเภอปง จังหวัดพะเยา

     ขอบคุณค่ะ   ที่มาช่วยเติมเต็มบรรยากาศ "หนังขายยา"

ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น มีความสุขจังค่ะ  คิดถึงสมัยเป็นเด็กมากเลย

คุณ  Peter p  ค่ะ

       ความสุขในอดีต  ทำให้เรามีความสุขในวันนี้ได้เสมอ

หลายครั้งเหน็ดหนื่อยเมื่อยล้ามาก    ก็หยุดพักทุกเรื่องราวที่ทำให้

เหนื่อย ทำให้เครียด  แล้วคิดถึงแต่เรื่องราวดีๆ ที่ผ่านมา  จิตใจของ

เราจะสดชื่นกระปรี้กระเปร่า  มีพลังที่จะก้าวไปข้างหน้า  และสามารถ

จัดการเรื่องราวต่างๆ  ให้ผ่านพ้นไปด้วยดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์

       ขอบคุณค่ะ  สำหรับดอกไม้กำลังใจ

แวะมาดูหนังขายยาอีกครั้ง และเอาบทเพลงมาฝากครับคุณครู

 

http://www.youtube.com/watch?v=73OBEQSkXwQ

 เป็นเพลงที่แต่งสด ร้องสด โดยไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน ก็เลยออกมาอย่างที่เห็นครับ

ลองฟังดู เผื่อชอบครับ

กีต้าร์ โดย เชาวลา ดวงศรี

คำร้อง ทำนอง ขับร้อง โดย Peter p

อำเภอปง จังหวัดพะเยา

มาว่าเรื่องหนังขายยาต่อครับ รถฉายหนังหากเข้ามายังหมู่บ้านช่วงปิดเทอมเด็กๆไม่ได้ไปโรงเรียนเด็กก็จะต้องเห็นก่อนและพากันวิ่งตามไปเป็นกลุ่มสนุกมากครับคอยดูว่ารถฉายหนังจะแวะที่ไหนแต่ส่วนมากก็จะแวะที่สถานีตำรวจเพื่อขออนุญาติก่อน จากนั้นก็หาที่ฉายจะเป็นที่สนามหญ้าหน้าที่ว่าการอำเภอหรือไม่ก็จะเป็นที่หน้าโรงเรียน รถฉายหนังส่วนมากจะเป็นรถประเภทบุกป่าบุกเขาหรือที่สมัยนี้เรียกว่ารถโฟวีลตัวรถ จะมีรูปของผลิตภัณฆ์สินค้าต่างๆส่วนบนหลังคารถก็จะมีลำโพงฮอลติดอยู่ที่ต้านหนัและด้านหลังและจะมีสำไม้ไผ่สำหรับกางจอหนังสองเล่มผูกติดมาด้วยด้านท้ายรถก็จะเป็นเครื่องปั่นไฟติดอยู่ หลังจากติดต่ออะไรเรียบร้อยแล้วรถฉายนังก็จะประกาศไปตามถนน สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องบอกสถานที่ฉายหนัง อย่าลืมอย่าพลาดอย่าละโอกาสอันดีงาม จูงมือบุตรฉุดมือหลานประสานมือแฟนควงแขนกันมา ยืมฝีปากน้อยๆกระซิบกระซาบบอกบ้านได้บ้านซ้ายบ้านขวาบ้านหัวระเบียงติดกันคำคืนนี้เสนอฉายภาพยนต์เรื่อง.......นำแสดงโดย.......หนังที่มาฉายจะเป็นหนังระบบ 16 มม.หนังไหม้บ้างขาดบ้างฉายด้วยเครื่องหลอดถ้าเป็นหนังฝรั่งคนก็จะน้อยแต่ถ้เป็นหนังไทย มิตร เพชรานำแสดงคนก็จะมากหากมาช้าก็จะไม่มีที่ปูเสื่อต้องไปนั่งดูที่หลังจอ หนังฝรั่งก็จะเป็นหนังคาวบอยขี่ม้ายิงปืน หนังอินเดียก็จะเป็นประเภทอภินิหารเหาะเหิรเดินอากาศ หนังยี่ปุ่นก็ประเภทซามูไร ก่อนฉายหนังเรื่องจะฉายหนังการ์ตูนเช่นโดนันดั๊กการ์ตูนไทยก็มีเป็นการ์ตูนรณรงค์ให้ใช้ส้วมซึมและสวมรองเท้าก้นพยาธิสร้างโดยประยุต เงากระจ่างเดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว ที่หอภาพยนต์ไม่ทราบว่าเก็บไว้หรือเปล่า บบางครั้งก็ฉายหนังข่าวก็มีเป็นเกี่ยวก้บการเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ต่างๆของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้วและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ นอกจากจะมีหนังขายยามาฉายหนังของหน่วยราชการก็มีเช่น การไปดวงจันทร์ของยานอวกาศอพอลโล่ 11 หนังเกี่ยวกับต่อต้านลัทธิคอมมิวนิตส์ เช่น เหตุเกิดที่หมู่บ้านพังโพน ไฟเย็น เป็นต้น สำหรับหนังขายยานั้นทั้งคนขายยาคนพากย์หนังจะเป็นคนๆเดียวกันพากย์ทั้งเสียงหณิงเสียงชายคนแก่เด็กลีลาการพากย์มันมากครับบางครั้งคนดูหนังต้องหันไปดูคนพากย์ด้วย บรรยากาศการพากย์หนังขายยาเป็นอย่างไรพิมพ์กูเกิ้ลแล้วเข้าไปที่รายการหนังขายคุณพระช่วยครับจะเป็นแบบนั้นแหละ หลังๆรถฉายหนังจะฉายด้วยเครื่องอาร์คส่วนหนังก็จะเป็นระบบ 35 มม.จอกว้างหรือที่เรียกว่าระบบซีนีมาสโค๊บเช่นรถฉายหนังของ ไมโล โอวัลติน โอสถสภาเต๊กเฮงหยูและถ่านไฟฉายตรากบ    สวัสดีครับ จากคน อ.ปง จ.พะเยา 2496

สวัสดีค่ะ   คุณจากอำเภอปง จังหวัดพะเยา 

     เหมือนได้เจอคนเคยรู้จัก ...  เหมือนได้ย้อนกลับไปสู่วัย

เด็กที่วิ่งตามรถหนังขายยา... ทำให้นึกถึงกระติกน้ำรูปยาน

อวกาศอพอลโล่ 11     คิดถึงเพลงถ่านไฟฉายตรากบ

คิดถึงเพลงผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ..... วันนี้ทำงานด้วยรอย

ยิ้มทั้งวัน   

น้ำ ณัฏฐา(ลูกศิทย์ที่รักและเคารพครูมากๆๆๆๆที่สุดค่ะ)

เรื่องนี้ทำให้หนูได้ทราบว่าเรื่องราวดีที่น่าจดจำในวัยเด็กมันจะทำให้เราจดจำตลอดไปค่ะถึงกาลเวลาจะผ่านพ้นไปนานขนาดไหนก็ตามแต่เราก็ยังจำมันได้เหมื่อนเดิมค่ะครูส้ม

 

 

พะเยาตอนนั้นยังเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดเชียงรายและอ.ปงก็ขึ้นกับเชียงรายเหมือนกัน รถฉายหนังก็มาจากพะเยาระยะทางจากพะเยาถึงอ.ปงก็ 72 กิโลตอนนั้นถนนยังเป็นทางลูกรังอยุ่ตลอดเส้นทางถ้าเป็นหน้าฝนรถยนต์ไม่สามารถวิ่งได้เพราะเส้นทางต้องผ่านป่าผ่านเขาข้ามห้วยเป็นสพานไม้เก่าๆ หากรถฉายหนังคันไหนผ่านมาได้ก็นับว่าสุดยอด อ.ปงเป็นเมืองๆเล็กๆใครทำอะไรที่ไหนรู้หมดคุณครูที่สอนอยู่อ.ปงก็จะได้รับเบี้ยกันดารที่รู้เพราะพ่อเป็นครู ทั้งอำเภอมีโรงเรียนที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นป.5ถึงป.7อยู่แห่งเดียวคือโรงเรียนปง(ช.ร. ๑๐)นอกนั้นก็ป.1ถึงป.4 ในบรรดาอำเภอที่ขึ้นกับเชียงรายเวลานั้นอ.ปงนับว่ากันดารที่สุดเมื่อจบชั้นป.7แล้วใครจะเรียนต่อม.ศ.1ขึ้นไปก็ต้องไปต่อที่โรงเรียนในตัวเมืองพะเยาหรือเชียงรายก็ว่ากันไปโดยไปพักบ้านญาติบ้างตามวัดบ้าง รถฉายหนังที่ผ่านมายังอ.ปงจึงเต็มไปด้วยฝุ่นลูกรังหรือโคลนพอประกาศฉายหนังแล้วเขาก็จะเอารถไปล้างที่แม่นำช่วงที่ตื้นๆไม่ลึกมากนัก อ.ปงเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยมครับเด็กๆก็จะวิ่งตามรถไปยังแม่นำด้วยและถือโอกาสเล่นใกล้ๆรถฉายหนังด้วยเป็นที่สนุกสนาน พวกที่มากับรถเลยถื อโอกาสใช้ให้ล้างรถเสียเลยซึ่งเด็กๆก็เต็มใจล้างรถเสร็จแล้วก็ได้รับรางวัลเป็นยาหม่องบ้างยาแก้ปวดบ้างคนละอับคนละซองชื่นใจจริงๆครับ ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะครับและคราวหน้าจะได้เล่าเรื่องงานวัด งานโรงเรียนและมหรสพต่างๆของยุคเมื่อสามสิบกว่าปีมาโพตสืให้ได้อ่านกันครับ

ลืมบอกไปครับที่อ.ปงตอนนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใชัครับประปาก็ไม่มี เวลาไปดูหนังขายยาก็เอาไฟฉายไปด้วยบ้านไหนไม่มีไฟฉายก็เอาตะเกียงนำมันก๊าซไปโดยหาอะไรก็ได้มาบังไฟกันลม หนังเลิกก็พากันกลับบ้านกันเป็นกลุ่มๆและเล่าถึงเรื่องหนังที่ได้ดูกันมาไปตลอดทางกลับบ้านถึง เหตูการณ์หรือหนังที่ได้ดูมาหากเป็นภาพสนามบินดอนเมืองเครื่องบินขึ้นหรือลงมันตื่นเต้นมากยิ่งหากเป็นตอนกลางคืนของกรุงเทพมีแสงไฟระยิบระยับดูแล้วมันมีความสุขมากเช่นหนังขวัญ เรียมมาบางกอกเป็นต้น ผมจบป.7แล้วมีโอกาสมาเรียนต่อที่พะเยาเอาไว้จะเล่าถึงบรรยากาศหนังขายยาที่เมืองพะเยามาให้ได้อ่านกันนะครับการเดินทางจากพะเยาไปปงผ่านอ.ดอกคำไต้และอ.จุน เพื่อนๆที่รับราชการเป็นครูเป็นอาจารย์ก็หลายคนเออร์รี่ไปบ้างก็มีอีกปีสองปีจะเกษียญก็เยอะครับ

 น้ำ ...  

       อดีตคือบทเรียน   เลือกจำแต่สิ่งที่ดีงาม

สิ่งที่ไม่ดีทิ้งไปเถอะ  ... ถ้าจะเหลือไว้ก็เพียงเพื่อให้เป็นสิ่ง

คอยเตือนใจ   ไม่ให้ประวัติศาสตร์(ที่ไม่ดี)ซ้ำรอย

สวัสดีค่ะ  คุณ จาก อ.ปง จ.พะเยา

  • สนุกมากค่ะ  บรรยากาศใกล้เคียงกัน
  • เรียน  ป. 7  เหมือนกันค่ะ
  • ที่นี่นอกจากไฟฉาย  ตะเกียงน้ำมันก๊าดแล้ว
  • งานบุญ  งานลงแขกเกี่ยวข้าว  ร้านค้าใหญ่ๆใช้ตะเกียงเจ้าพายุค่ะ
  • พวกเราเด็กๆ ที่นี่ชอบดูหนังผีค่ะ แม่นาคพระโขนง นางตะเคียน  เจ้าแม่สไบทอง ฯลฯ  ขณะดูก็กินไอติมด้วยเอาผ้าห่มคลุมหัวไปด้วย  พอผีออกมาก็ดึงผ้าปิดหน้ากลัวผีเห็น  หรือกลัวเห็นผีก็ไม่รู้  ไอติมก็ทิ่มจมูก หน้าตาเลอะเทอะ   เพราะหนังผีนี่แหละค่ะ
  • ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ  
น้ำ ณัฏฐา(ลูกศิษย์ที่รักและเคารพครูมากๆๆๆๆที่สุดค่ะ)

หนูขอขอบคุณครูส้มมากๆน่ะค่ะที่นำคติเตือนใจหนูให้หนูรู้สึกดีขึ้นแต่หนูไม่แน่ใจว่าจะทำได้ที่ครูให้คติเตือนใจหนูหรือเปล่าน่ะค่ะ่แต่หนูจะพยายามก็แล้วกันน่ะค่ะครูส้มและจะทำจนสุดความสามารถก็แล้วกันค่ะ

น้ำ ณัฏฐา(ลูกศิษย์ที่รักและเคารพครูมากๆๆๆๆที่สุดค่ะ)

ครูส้มอย่าลืมอ่านอีเมล์น่ะค่ะหนูมีอะไรให้ครูส้มแปลกใจค่ะอย่าลืมดูน่ะค่ะ

  น้ำ

         ครูอ่านแล้วจ้ะ  ขอบใจมากสำหรับเพลงพระคุณที่สาม

แถวบ้านดิฉันจะเรียกหนังขายยาว่าหนังกลางแปลงค่ะ  ทั้งอาจารย์อัมพรและอ.ปง จ.พเยาจำรายละเอียดและเล่าได้เห็นภาพชัดเลยค่ะ  สมัยนั้นในชนบทภาคอีสาน ภาคเหนือ และ(ดิฉัน)ภาคใต้ยังไม่มีไฟฟ้าใช้  แต่ตลาดคลองจังที่ดิฉันอยู่มีโรงหนังค่ะโรงหนังมีเครื่องปั่นไฟ  เวลาหนังกลางแปลงมาฉายในตลาดจะขึงจอใกล้ๆสถานีรถไฟใกล้ๆบ้าน  ดิฉันจึงโชคดีไม่ต้องจองที่ปูเสื่อ  นั่งดูที่หน้าบ้านหรือหน้าบ้านเพื่อนได้เลย  แต่ที่ดิฉันประทับใจมากคือหนังกลางแปลงของธนาคารออมสิน  พนักงานออมสินที่นำหนังกลางแปลงไปฉายคือครูเหลิมไปพร้อมกับรถแลนโรเวอร์  เวลาหนังหยุดพักเพื่อกรอฟิล์มครูเหลิมก็จะสอนให้รู้จักออมเงิน  สอนเด็กๆให้เป็นเด็กดี  ยังจำได้ว่าครูเหลิมเรียกเด็กชายคนหนึ่งมาสัมภาษณ์ออกไมค์ว่า  เวลาว่างชอบไปยิงนกตกปลาหรือเปล่า เด็กชายคนนั้นตอบว่าชอบครูเหลิมก็สอนว่าทีหลังอย่าทำ  การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมันบาป  ปัจจุบันครูเหลิมยังอยู่ในอำเภอเมืองบางโอกาสครูเหลิมก็ขับรถแลนด์โรเวอร์คันเดิมโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปตามท้องถนน 

คิดถึงเหมือนกันเลยครับ
แถวบ้านผมเรียกหนังกลางแปลง บางเรื่องปิดวิกเก็บตังค์ ต้องแอบมุดเข้าไปดู
บางเรื่องเป็นหนังขายยา ต้องช่วยกันซื้อยาจนกว่าเจ้าของหนังจะยอมฉาย... 

สวัสดีค่ะ Ico48

  • โชคดีจังเลยนะค่ะที่ชุมชนของคุณแก้วในสมัยนั้น
  • ได้คนที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดี  ช่วยอบรมขัดเกลาเด็กให้มีคุณธรรม จริยธรรมได้อีกแรงหนึ่ง
  • สำหรับเด็ก"คำสอน"ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญเสมอ
  • โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นคำสอนที่มาจากคนที่เขารักและศรัทธา

สวัสดีค่ะ Ico48

  • มันเป็นอาชีพ เป็นธุรกิจ ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนจึงจะอยู่ได้
  • แต่สิ่งดีๆก็มีให้ระลึกถึง :  ครอบครัวไหนที่มีฐานะ  มีเงินมากหน่อย   ก็จะช่วยซื้อยาทั้งๆที่ไม่ได้เจ็บ  ไม่ได้ป่วย แต่ก็อยากดูหนัง  และอยากตอบแทนน้ำใจที่เขาอุตส่าห์เอาหนังมาฉายให้ดูด้วย  เลยซื้อทุกครั้งและซื้อครั้งละมากๆ   พอซื้อมาแล้วจะบังคับให้คนในครอบครัวป่วย เพื่อใช้ยาให้หมด ก็คงเป็นไปไม่ได้ ก็เลยเอายาไปถวายพระสงฆ์ ไปแจกให้เพื่อนบ้าน .... คนไทยน่ารักเสมอ

ครูส้มค่ะหนูอ่านข้อความที่ครูส้มบอกหนูว่า                       

น้ำ ...  

       อดีตคือบทเรียน   เลือกจำแต่สิ่งที่ดีงาม

สิ่งที่ไม่ดีทิ้งไปเถอะ  ... ถ้าจะเหลือไว้ก็เพียงเพื่อให้เป็นสิ่ง

คอยเตือนใจ   ไม่ให้ประวัติศาสตร์(ที่ไม่ดี)ซ้ำรอย

หนูขอขอบคุณครูส้มมากๆน่ะค่ะที่ นำคติเตือนใจให้หนูรู้สึกดีขึ้นแต่หนูไม่แน่ใจว่าจะทำได้ที่ครูให้คติเตือนใจหนูหรือเปล่าน่ะค่ะ่แต่หนูจะพยายามก็แล้วกันน่ะค่ะครูส้มและจะทำจนสุดความสามารถก็แล้วกันค่ะหนูลืมเรื่องอดีตที่ไม่น่าจดจำได้10%แล้วค่ะอาจจะไม่เต็ม100%เท่าไรค่ะเพราะเรื่องในอดีตมันลืมยากต้องใช่เวลานานมาากๆค่ะกว่าจะลืมได้ค่ะ



น้ำ

  • ดีแล้วจ้ะ
  • ทุกสิ่งสำเร็จได้หากพยายาม

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท