หลังจากทำพิธีดอยศพแล้ว ก็ถึงพิธีอาบน้ำศพ โดยเอาขมิ้นกับดินเหนียวดำ เคล้าให้
เข้ากัน แล้วเอาน้ำร้อน น้ำเย็น น้ำมะพร้าวมาประสมเพื่ออาบชำระศพให้สะอาด การอาบต้อง
ให้"ครบสิบสอง" คือครบสิบสองภาชนะที่ตัก เช่นถ้าตักด้วยขันก็ให้ครบสิบสองขัน การ
อาบน้ำจะทำกันเฉพาะลูกหลานเป็นการภายในเท่านั้น
การที่ต้องเอาขมิ้นมาประสมกับดินและน้ำร้อนน้ำเย็นนั้น เพื่อแทนธาตุสี่คือ ดิน น้ำ ลม
ไฟ คือเชื่อว่าตัวเรานี้มีธาตุสี่ขึ้นมาก่อน แล้วดวงจิตจรมาอาศัยอยู่ พอร่างกายแตกดับจิตก็
จะเร่ร่อนไปตามกรรม น้ำมะพร้าวจึงเป็นเครื่องแทนจิตที่อาศัยอยู่ในร่าง ส่วนที่อาบให้
"ครบสิบสอง" นั้น เป็นปริศนาธรรม หมายถึง อายตนะ ๑๒ อันประกอบด้วย
อายตนะภายใน ๖ ได้แก่ จักษะ โสต ฆาน ชิวหา กาย ใจ
อายตนะภายนอก ๖ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์
เมื่อทั้งอายตนะภายในและภายนอกได้ประจบกันเป็น ๑๒ ก็จะก่อให้เกิดนาบุญและบ่อ
บาปติดตัวทุกคนไป การอาบน้ำสิบสองจึงเป็นการเตือนให้ระลึกถึงหลักธรรมอันนี้
เมื่ออาบน้ำศพเรียบร้อยแล้ว ยกศพให้นั่งเงยหน้า กรอกน้ำผึ้งรวงและการบูรลงไปใน
ท้องมาก ๆ เพื่อป้องกันมิให้ศพเน่าเร็ว แล้วจัดการตกแต่งให้แก่ศพ คือ หวีผมกลับมา
ข้างหน้า เมื่อหวีเสร็จแล้วให้หักหวีทิ้งลงในโลง การหักหวีก็เพื่อให้ผู้ยังอยู่คิดหักจิต
หักใจ ไม่ให้เศร้าโศกอาลัย ให้ตระหนักว่า เมื่อมีเกิดก็ต้องมีตายเป็นธรรมดา การหวีผม
ไปข้างหน้าก็เพื่อให้เห็นว่า เมื่ออยู่กับเมื่อตายแล้วจะมีสภาพตรงกันข้าม เป็น อนิจจัง
ทุกขัง ไม่สวยไม่งาม
การจัดนุ่งห่มให้แก่ซากศพ โดยมากใช้ผ้าที่ผู้ตายชอบใช้นุ่งห่มเป็นประจำ หรือผ้า
ขาวก็ได้ ทำชายพกไว้ข้างหลัง โจงกระเบนไว้ข้างหน้า หรือนุ่งไม่โจงกระเบนก็ได้
การกระทำเช่นนี้ก็เป็นปริศนาธรรมเช่นเดียวกับการหวีผมไปข้างหน้า บางท้องถิ่นในภาค
ใต้ใช้ผ้านุ่งเพียง ๑ ศอก ปิดไว้เพียงข้างหน้า ผ้าห่มก็กว้างยาวเพียง ๑ ศอก เท่านั้น เพื่อ
สวัสดีครับน้องครูอิง
ถูกใจมากเลย บันทึกชุดนี้ ปริศนาธรรมหลังการตาย นัยะที่แฝงมากับปริศนาธรรม หากไม่นำมาบอกนำมาเล่า ยากที่จะเข้าใจ ลูกหลานมองไม่เห็นธรรม มองเป็นเรื่องงมงายชักช้า
ทั้งหมากย่า แลไปถึงการดับธาตุ ล้วนต้องอธิบายความ
สวัสดีค่ะ
พี่คิมหายหน้าไปอิสานหลายวันค่ะ รีบกลับมาทักทายติดตามหาเพื่อนบล็อก ดีใจค่ะที่คลิกดอกไม้ได้แล้ว
ความดีเท่านั้นที่ยั่งยืนนานนะคะ
มาอ่านแล้วได้ประโยชน์ดังนี้
และนึกถึงคติธรรมดาของชีวิต ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท
- ภูมิปํญญาท้องถิ่นมากมายนะคะที่จบสิ้นไปกับชีวิตของผู้เฒ่าผู้แก่
- เราคนรุ่นหลังควรที่จะได้บันทึกไว้ส่งต่อรุ่นต่อรุ่น
- ถึงแม้ว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลง
- อย่างเช่น การใช้โลงแอร์ ในปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลเรื่องศพจะเน่าเสียอีกแล้ว
- คิดถูกแล้วที่แนะนำให้คุณครูทำเรื่องนี้
- ด้วยความบังเอิญจริง ๆ ค่ะ ครูอิงเรียนระดับปริญญาโท ในสาขา ไทยคดีศึกษา ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องประเพณีวัฒนธรรมไทยอยู่แล้ว ทำให้ไม่ยากแก่การรื้อฟื้นข้อมูล ทั้งจากความทรงจำ และจากตำราที่ศึกษาในขณะนั้น ยังคงเก็บไว้ค่ะ
- นับว่าโชคดีจริง ๆ ที่พระคุณเจ้าจุดประกายเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้ครูอิงสบโอกาสได้สร้างคุณประโยชน์ แก่สารธารณะในด้านข้อมูล
- หากพระคุณเจ้าประสงค์จะให้ลงบันทึกเรื่องใดอีกก็เสนอมาได้ บางทีครูอิงก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะบันทึกอะไร