ดวงมาน,ดวงมาลย์ องคุลีมาล


ญาติและมิตรสหายผู้มีใจดีทั้งหลาย ย่อมยินดีบุรุษผู้ที่อยู่แรมนาน ถึงความสวัสดีมาแล้วแต่ที่ไกลฉันใด

    จิรปฺปวาสึ  ปุริสํ                 ทูรโต โสตฺถิมาคตํ

    ญาตี มิตฺตา สุหชฺชา จ        อภินนฺทนฺติ อาคตํ

    ตเถว กตปุญฺญมฺปิ              อสฺมา   โลกา ปรํ คตํ

    ปุญฺญานิ  ปฏิคฺคณฺหนฺติ       ปิยํ ญาตีว   อาคตํ.

          แปลว่า  ญาติและมิตรสหายผู้มีใจดีทั้งหลาย ย่อมยินดีบุรุษผู้ที่อยู่แรมนาน ถึงความสวัสดีมาแล้วแต่ที่ไกลฉันใด แม้บุญทั้งหลาย ย่อมรับรองผู้มีบุญอันทำแล้วไปจากโลกนี้สู่โลกหน้า เหมือนญาติทั้งหลาย รับรองญาติอันเป็นที่รักมาแล้วฉันนั้น

          พอดีได้เจอหนังสือเก่าๆ เล่มนึงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ และในหนังสือนั้นมีกระดาษแผ่นนึงสอดพับขั้นหนังสือเอาไว้  เห็นท่านบันทึกไว้ในกระดาษแผ่นนั้น  ซึ่งก็ตรงกับพระบาลีข้างต้น  ในกระดาษแผ่นนั้นมีใจความว่า..         

                                  ..บุญต้อนรับ คนทำ แต่กรรมดี

                                 จากโลกนี้ วายชนม์ ดลโลกอื่น

                                 ดุจญาติเห็น คนที่รัก ผินพักตร์คืน

                                 ย่อมแช่มชื่น ต้อนรับ จับดวงมาน 

                                   เหมือนญาติมิตร สหาย เห็นชายชาติ

                                 ผู้นิราศ แรมร้าง ห่างสถาน

                                 นิวัติจาก ที่ไกล ปลอดภัยพาล

                                 ย่อมชื่นบาน ว่ามาแล้ว พ่อแก้วเรา

              คำว่า...ดวงมาน ดวงมาลย์ ก็เห็นใช้ลักลั่นกันอยู่ ไม่ทราบจะใช้คำไหนดี และที่ใช้คำนั้นมีเหตุผลอะไรรองรับมั้ย หรือใช้เพราะความนิยมตามกันมา และรูปคำสวยงาม. แต่ที่แน่ๆ "มาน" ก็แปลว่าใจ  แต่เติมดวงเข้ามาข้างหน้า เช่นกันกับคำว่า ดวงแด ที่ยืมมาจากภาษาเขมร แด ก็แปลว่าใจ  ..จึงฝากคำนี้เพื่อนักภาษาไทย พิจารณาดูเองเถิด

เพิ่มเติมเรื่องนี้อีก

        คำว่า มาลย์ ก็แปลว่าดอกไม้ที่ร้อยเป็นพวงมาลัย อีกคำที่ได้ยิน ก็คือ องคุลีมาล ผู้มีมาลัยนิ้วมือ ,มีนิ้วมือเป็นมาลัย, สาเหตุก็เกิดจากการฆ่าคนมากๆ เพื่อเป็นการจำว่า ฆ่ากี่คน ก็ตัดเอาข้อนิ้วมือคนนั้นมา แล้วร้อยเป็นมาลัย คล้องแขนบ้าง คอบ้าง จึงได้นามโจรองคุลีมาลในกาลต่อมา แต่ก่อนก็ชื่ออหิงสกะ แปลว่าผู้ไม่ได้เบียดเบียนใคร เช่นเดียวกับ อชาตศัตรู แปลว่า ไม่ได้เกิดมาเป็นศัตรู แต่ศัพท์นี้ บางทีก็แปลว่า เป็นศัตรูตั้งแต่ยังไม่เกิด เพราะมีเหตุการณ์ตอนนึงเมื่อคราวที่พระมารดาทรงครรภ์ แล้วเกิดอาการแพ้ท้องประหลาดอยากเสวยพระโลหิตพระราชสวามี พระเจ้าพิมพิสารพระองค์ทรงเจาะพระพาหา หลั่งพระโลหิตออกใส่ภาชนะทองคำให้พระมเหสีเสวยอาการแพ้ท้องจึงระงับไป นี่แลเรียกว่าเป็นศัตรูตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด          

         ส่วนคำว่า มาน หรือ มานะ ตามศัพท์เดิมแปว่าความถือตัว ท่านใช้เป็นชื่อของกิเลสอย่างนึง ใช้ในทางที่ไม่ดี แต่นำมาใช้ในภาษาไทย เปลี่ยนความหมายใหม่ แปลว่าความพยายาม ความขยัน ใช้ในทางดี มาน อีกอย่างนึง มาจาก มน แปลว่าใจ มาน อีกอย่างนึง เป็นเรื่องของการตั้งท้อง เช่น มานท้อง ข้าวมาน ก็ข้าวตั้งท้องนั่นเอง คำนี้ที่อีสานใช้เป็นคำภาษาถิ่น  เรียกผู้หญิงคนที่ตั้งครรภ์ว่า มาน ดังคำว่า “มีครรภ์ คันบ่มีผัวซ้อน มานทางเขาสิว่า มีลูกคันลูกคันห่ามีย้อนซู้เขาสิเฮื่องเจ้าใส่ทาง”  อันนี้ก็สืบเนื่องมาจาก ดวงมาน ดวงมาลย์ นั่นแล ขอผู้รู้จงใคร่ครวญดูเถิด

      ........

หมายเลขบันทึก: 420832เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2011 09:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม 2012 23:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

กราบนมัสการพระมหา

มานใจ มาลย์มาลัย ไม่ว่านะ    มารนี้หละ...น่าหนักใจ

ผู้มักมากอยากจะได้              ชอบทำลายให้เสียคน

 

เจริญพรคุณโยมวิโรจน์

       มารมีทั้งที่เป็นตัวตน คนไม่ดีมาขัดขวางการทำดีท่านก็ว่าเป็นมาร มาร คือสิ่งที่คอยล้างผลาญคุณงามความดี มารอีกอย่างนึงเป็นชื่อของกิเลส มารในพุทธศาสนาท่านจัดไว้ ๕ อย่าง               

 

                            

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท