เราอยู่ในสังคม คนทั้งหลายที่อยู่ร่วมกันตลอดเวลา คุณแม่ให้ชีวิตแก่เรา คุณพ่อร่วมกันเมื่อเราเกิดมาแล้วเราดูดน้ำนมจากแม่ แม่ให้ชีวิต ให้อาหาร ให้ความอบอุ่นทางร่างกาย ให้ความรู้ให้ความสามารถ ให้การศึกษาเล่าเรียน จนกระทั่งเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นั้นคือ ท่านให้แก่เรา
เราอยู่ในสังคม คนทั่งหลายก็ให้ความสุขแก่เรา ความสุขที่ได้รับจากคนอื่นก็คือความเมตตาปราณี ที่เขามองเราเป็นมิตร เป็นญาติ เขาไม่มองเราเป็นศัตรูผู้มุ่งร้าย แต่เห็นว่าเราเป็นเพื่อนกัน ร่วมเกิด ร่วมแก่ ร่วมเจ็บ ร่วมตาย ด้วยกัน
เมื่อเราเกิดทุกข์ยากลำบากในเรื่องอะไร เขาก็ให้ความช่วยเหลือ เช่น น้ำท่วง คนที่อยู่ในสภาพที่ไม่ลำบากได้รับความสุขความสบายก็เฉลี่ยความสุขไปให้แก่คนเหล่านั้น ส่งข้าวสาร เสื้อผ้า หยูกยาไปช่วยเหลือ คนเหล่านั้นก็มีความสบายใจ
"พวกเราไม่ได้อยู้โดดเดียว ไม่ใช้คนที่เป็นส่วนเกินของสังคม มีคนช่วยเหลือเจือจุนแก่เรา" เขาก็ได้รับความสุขทางใจ เมื่อเขาได้รับความสุขทางใจจาการกระทำอย่างนั้น เขาก็จะกระทำสิ่งนั้นต่อไป เพราะเขารู้ว่าทำอย่างนั้นได้สุข เราก็จะทำสิ่งนั้นแก่คนอื่นต่อไปอีก มันส่งทอดกันไปโดยลำดับ เราก็ได้รับความสุขในสังคม ความสุขที่เราได้รับนั้นเกิดจาก บุคลผู้ประพฤติธรรม ถ้าคนไม่ประพฤติธรรม ก็จะทำแต่ความทุกข์ ความเดือดร้อนให้แก่บุคคลอื่น แต่ถ้าเขาประพฤติธรรม มีธรรมะเป็นหลักครองใจตามหลักศาสนาที่เคารพนับถือ จิตใจก็โอนอ่อน เห็นคนอื่นเหมือนกับตนเอง รู้สึก" เราต้องการอะไร คนอื่นเขาก็ต้องการอย่างนั้น" เช่น เราต้องการความสุข คนอื่นเขาก็ต้องการความสุข ถ้าเราไม่ต้องการความทุกข์ คนอื่นเขาก็ไม่ต้องการความทุกข์ เมื่อเราต้องการความสุขก็ต้องช่วยให้คนอื่นเป็นสุข
การช่วยให้คนอื่นเป็นสุข คือการช่วยตัวเอง คือช่วยให้เราเป็นสุขด้วย ในขณะใดที่เราทำอะไรที่เป็นประโยชน์เป็นความสุขแก่ผู้อื่น เรารู้สึก ปลื้ม เบาใจ โปร่งใจ มีความสบายเหลือเกิน บางทีก็สบายไปหลายวัน นึกถึงที่ไรแล้วก็ปลื้ออกปลื้มใจ ว่าเราได้ทำอะไร ที่เป็นประโยชน์เป็นความสุขแก่ผู้อื่น
การทำอะไรให้ผู้อื่นเป็นสุขนั้นเรียกว่าเป็นหน้าที่ หน้าที่ของมนุษย์นี่ก็คือการทำให้คนอื่นเป็นสุขนั้นเอง การทำให้คนอื่นมีความทุกข์ แม้สักนิดหนึ่งนอกเหนือหน้าที่ปฏิบัตินอกลู่นอกทาง ไม่ใช้สิ่งที่สังคมต้องการ
หน้าที่ของเรานั้นมีอยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรจะให้เพื่อนมนุษย์ได้รับความสุข ความสบาย ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย ให้อยู่กันฉันพี่น้อง นั้นคือหน้าที่
ความตอนหนึ่ง แสดง ณ โรงเรียนพุทธธรรม วัดชลประทานรังสฤษฏ์
วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๒๕
การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
ความสิ้นตัณหา ชนะทุกข์ทั้งปวง
หวัดดีนายหัว เดชา
(หน้าที่ของเรานั้นมีอยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรจะให้เพื่อนมนุษย์ได้รับความสุข ความสบาย ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย ให้อยู่กันฉันพี่น้อง นั้นคือหน้าที่)
และนี้แหละคือการคาดหวังอยากทำให้คนในชุมชน ไปสู่สุขภาวะชุมชนครับท่าน
"เราได้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆเพื่อดำรงชีวิต แล้วเราจะทำหน้าเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุขไม่ได้หรือ"
เป็นประโยคที่เราต้องคิดตาม ขอบคุณข้อคิดดีๆ ครับท่าน เดชา ไม่ได้อ่านบันทึกท่านนานพอดู สบายดีนะครับ เปลี่ยนรูปดูดีขึ้นมากครับ
ขอบคุณครับ ท่าน วอญ่า ผู้เฒ่า ที่บันถือ
การคาดหวังอยากทำให้คนในชุมชน ไปสู่สุขภาวะชุมชน
ปัจจุบันนี้ ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรให้เพื่อนมนุษย์มีความสุข แล้วเราก็ต้องมีความสุขเช่นกัน ถ้าช่วยกันคิด เราเริ่มต้นจากตัวเราเองและให้คนใก้ลชิดเราช่วยกันทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์ที่สุด สังคมก็ย่อมจะอยู่กันด้วยความเข้าใจกันช่วยเหลือกันได้ในที่สุด ความเห็นแก่ตัวก็คงจะค่อยๆหายไป ชุมชนก็น่าอยู่ครับ
มาชม
หน้าที่อย่างหนึ่งของมนุษย์เราคือการทดแทนบุญคุณต่อผู้มีพระคุณทั้งหลาย...
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านบันทึกดีๆที่แบ่งปันค่ะ...ไม่ค่อยได้แวะมาเยี่ยมนานแล้วนะคะ...สบายดีมั้ยคะ...ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว...รักษาสุขภาพด้วยนะคะ..