ไม่กี่วันมานี้มีโอกาสไปเข้าร่วมประชุมเครือข่ายโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ SHA ซึ่งจัดโดย สรพ.
ทันที่ที่เจอแม่ต้อย ก็ถูกร้องขอให้ขึ้นพูดบนเวทีพร้อมกับคุณเอก – จตุพร ไม่ทันจะตั้งตัวก็พบว่าตัวเองตกปากรับคำไปเรียบร้อยทั้งที่ไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไร เรื่องราวต่าง ๆ นั้นคุณเอกได้ตระเตรียมไว้เป็นอย่างดี ที่สำคัญครอบคลุมทุกเรื่องที่ผมรู้ไปทั้งหมดแล้ว
จะว่าไปผมเป็นคนนอกวงการสาธารณสุข เริ่มจะรู้เรื่องโรงพยาบาลบ้างก็เมื่อคราวที่มาร่วมงานถอดบทเรียน ๒ โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ SHA ได้แก่ ร.พ.พิจิตร และ ร.พ.เจ้าพระยายมราช
อาการหนาว ๆ ร้อน ๆ เริ่มจะปรากฏ ด้วยไม่รู้จะพูดอะไรบนเวที
เรื่องราวเกี่ยวกับ HA และ SHA อย่าว่าตกผลึกเลย การรับรู้ความหมายก็ยังวิ่น ๆ แหว่ง ๆ
แม้ว่าจะมีโอกาสได้ลงไปเรียนรู้และถอดบทเรียนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ SHA อีก ๔ แห่ง ในปีนี้สด ๆ ร้อน ๆ แต่ก็ยังไม่ทันที่จะจัดระบบข้อมูลที่ได้มาจากการลงพื้นที่
จึงได้ใช้เวลาเท่าที่มีคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเต็มที่ เพราะเกรงใจหลายคนหากพูดอะไรเห่ย ๆ ออกมา และมีแนวโน้มเป็นอย่างยิ่งที่จะเห่ยออกมาให้เห็น
ผมกล่าวประโยคแรกบนเวทีว่า “ผมนึกอยู่นานว่าจะคุยอะไรให้ฟังดี กระทั่งขณะที่พูดอยู่นี้ก็ยังคิดอยู่...”
เป็นเพราะยังใหม่ในวงการสาธารณสุข โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับ HA กระทั่ง SHA ไม่สามารถจะยกระดับปรากฏการณ์ขึ้นสู่หลักการทางนามธรรมได้ ผมจึงตัดสินใจจะเล่าเรื่องราวดิบ ๆ ที่ได้จากการลงไปเรียนรู้ในพื้นที่
ผมเริ่มต้นจากสารภาพกับผู้ฟังว่าผมเป็นคนนอกวงการ เรื่องราวที่พูดออกไปแม้จะมาจากสุดยอดสองโรงพยาบาลในภาคอีสาน คือ ร.พ.อุบลรัตน์ และ ร.พ.ด่านซ้าย แต่เรื่องราวจากการนำเสนอของผมอาจจะธรรมดา จนกระทั่งไม่น่าสนใจ เพราะเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน
ประเด็นแรกที่ผมพูดคุยคือผมพบเห็นอะไรที่น่าสนใจในการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
สิ่งที่ผมพบเห็นในสองโรงพยาบาลที่ประทับใจมาก ๆ คือคำตอบสุดท้ายของงานบริการสุขภาพ จะเรียกว่าเป็นปลายทางของ HA หรือ SHA ก็ได้
ที่ ร.พ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ระบบข้อมูลอันดีเยี่ยมของโรงพยาบาลบอกว่า สาเหตุการตายอันดับหนึ่งของ อ.ด่านซ้าย คือ “แก่ตาย”
และที่ ร.พ.อุบลรัตน์ ระบบข้อมูลของโรงพยาบาลก็บ่งบอกชัดเจนว่า ชาวบ้านเจ็บป่วยมาใช้บริการที่โรงพยาบาลน้อยลงไปเรื่อย ๆ และสิ่งที่ผมเห็นกับตาคือ ตอนบ่ายที่โรงพยาบาลแทบไม่มีคนไข้
ภาพปรากฏของทั้งสองโรงพยาบาลนั้น ในทัศนะของคนนอกวงการสุขภาพอย่างผมนั้นถือว่าเป็นสุดยอดของการทำหน้าที่บริการสุขภาพของโรงพยาบาล เป็นภาพอุดมคติที่สังคมพึงปรารถนา
ประเด็นถัดมาที่ผมคุยก็คือ การหาคำตอบว่าทำไมโรงพยาบาลที่ปกติมักจะแออัดยัดเยียดด้วยคนเจ็บป่วย และการตายโดยมากก็มิใช่สาเหตุจากการแก่ตาย
ผมเล่าว่าทั้งสองโรงพยาบาลนั้น มีพัฒนาการและเติบโตมาเป็นลำดับ ขยายเตียง เพิ่มตึก เพิ่มบุคลากร เพิ่มเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยมากขึ้น ได้รับงบประมาณมากขึ้น
แต่สิ่งที่ทั้งสองโรงพยาบาลออกจะแตกต่างจากที่อื่นก็คือ การตั้งข้อสังเกตุว่า ในขณะที่โรงพยาบาลพัฒนาประสิทธิภาพทางด้านการรักษาไปเรื่อย ๆ คนเจ็บป่วยก็มากขึ้นตามไปด้วย ที่โรงพยาบาลอุบลรัตย์บอกว่าภายในเวลาไม่กี่ปี ผู้ป่วยจาก ๒๐ คนพุ่งพรวดเป็น ๒๐๐คน
โรคภัยไข้เจ็บก็รุนแรงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาก็แพงขึ้น
นอกจากนั้นโดยภาพรวมแล้วผู้คนประชาชนในพื้นที่มีความสามารถในการพึ่งตนเองทางด้านสุขภาพน้อยลงไปเรื่อย ๆ พึ่งพาหมอและโรงพยาบาลมากขึ้น ผู้คนอ่อนแอลง เจ็บป่วยมากขึ้น ไม่สามารถดูแลอาการเจ็บป่วยตนเองและสมาชิกในครอบครัวแม้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้
และยิ่งโรงพยาบาลพัฒนาไปเรื่อย ๆ ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการรักษาพยาบาลก็ค่อยลดถอยลงไป ถูกละทิ้งจนแทบสูญหายไปเกือบหมด
แทนที่จะมุ่งพัฒนาโรงพยาบาลไปสู่ความเป็นเลิศด้านการรักษา ทั้งสองโรงพยาบาลกลับมาตั้งหลักว่า สิ่งที่โรงพยาบาลเพียรกระทำที่ผ่านมาน่าจะมาผิดทาง หากตั้งรับเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ อีกหน่อยคนป่วยก็จะล้นโรงพยาบาล จึงคิดใหม่ ทำใหม่ ทำอย่างไรจะให้ชาวบ้านเจ็บป่วยน้อยลง จนเป็นที่มาของการทำงานเชิงรุกนอกโรงพยาบาล หรือที่เรียกกันในภาษาวงการว่า “การสร้างเสริมสุขภาพ” แต่ก็ไม่ทิ้งการรักษาคุณภาพหรือมาตรฐานการรักษาภายในโรงพยาบาล
กระแสเรื่อง “การสร้างเสริมสุขภาพ” และ “สุขภาวะองค์รวม” เกิดขึ้นมาพักใหญ่แล้ว ในทางทฤษฎีหรือหลักการเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป แต่การปฏิบัติและรูปธรรมยังไม่ปรากฏชัดเจนมากนัก
โรงพยาบาลอุบลรัตน์ค้นพบคำตอบอยู่ใน “เกษตรพอเพียง” จากปราชญ์ชาวบ้านในภาคอีสาน ๑๒ ท่าน
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายปิ้งแว้ปเมื่อคราวทำงานวิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกับ อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ว่าระบบบริการต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตและบริบทของชุมชน รวมทั้งการเชื่อมั่นของทีมงานในโรงพยาบาลว่าศิลปะและกีฬาสามารถสร้างเสริมสุขภาวะได้
ยังไม่จบครับ ขอเล่าต่อบันทึกหน้า
สวัสดีค่ะท่านหนานเกียรติ
มาเติมความรู้ค่ะ
การสร้างเสริมสุขภาพ การบริการเชิงรุก ทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น เจ็บป่วยน้อยลง น่าสนใจมากค่ะ ทำอย่างไรจะทำเป็นรูปธรรม ต่อเนื่อง อ่านเรื่องเล่าแล้วก็ประทับใจ ชื่นชมโรงพยาบาลทั้งสองเช่นกันค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับน้องหนาน
นี่ขนาดยังไม่ตกผลึก เล่าตามนึกได้ ยังชวนติดตามเห็นความแตกต่างของการบริการอย่างเป็นเลิศ
กับการรุกไปที่ตัวของชุมชนเน้นภูมิปัญญาและวิถี สุขภาวะชุมชนในระบบวิถีชีวิต
สวัสดียามเช้าค่ะ ปี้หนานเกียรติ
มาเรียนรู้การตกผลึกความคิด และการถอดบทเรียน สู่การทำงานอย่างเป็นรูปธรรม
เล่าต่อ ๆ ๆ ....รออ่านอยู่นะคะ....^_^
สวัสดีครับ คุณถาวร
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะครับ ทำให้เป็นกำลังใจให้เขียนต่อ
ผมเป็นคนวงนอกสุขภาพ พยายามจะทำความเข้าใจงาน จากโณงพยาบาลที่ลงไปเยี่ยมครับ
คารวะท่านผู้เฒ่า วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรครับ ต้องใช้เวลาอีกหน่อย
พยายามจะเขียนสะท้อนเรื่องราวดี ๆ ของโณงพยาบาลเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ที่อื่น ๆ หนะครับ
สวัสดีครับ พี่หมวย สีตะวัน
สวัสดียามเช้าเช่นกันครับพี่หมวย
ตามอ่านตอนต่อไปนะครับ
เยี่ยมเลยครับ :)
พี่หนานทำผมแบบนี้เหมือนพระเอกเกาหลีคนนึงค่ะ
นึกจะตายแล้ว นึกไม่ออก
สวัสดีค่ะ
ว่าเหมือนน้องเอกแหละค่ะ
สวัสดีครับ เอก - จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ขอบคุณครับ
วันสองวันมานี้ผมทบทวน HA และ SHA อย่างหนัก
กำลังคิดว่างานเขียนถอดบทเรียนจะเป็นประโยชน์ในแง่สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นให้โรงพยาบาลคิดถึงเป้าหมายปลายทางอย่างที่ ร.พ.อุบลรัตน์ และ ด่ายซ้าย มุ่งหน้าไป ได้อย่างไร
คิดยังไม่ออกเลยครับ
สวัสดีครับ น้องกอ ไผ่ไม่มีกอ
แหะ แหะ ผมว่าไม่หน้าจะเหมือนพระเอกนะ
น่าจะเหมือนผู้ร้ายมากกว่า
ลองคิดใหม่สิครับว่าเหมือนผู้ร้ายคนไหน อาจจะนึกออกทันทีก็ได้ครับ ฮิ ฮิ...
สวัสดีครับ พี่ครูคิม
ตอบเหมือนที่ตอบเอกครับ ฮิ ฮิ...
เป็นโจทย์ใหญ่มาก ๆ ครับพี่คิม เพราะเราไปเห็นของดีมา มันจะถ่ายทอดอย่างไรให้โดน...
เสื้อยืด สวย ครับ
อืมมมมมมีกลยุทธกี่กระบวนท่า งัดออกมาใช้หมดว่างั้นเถอะน้องหนานเกียรติ
คนเรามีความรู้ความสามารถเสียอย่าง...สบายไปแปดสิบแปดอย่างจ้า...
การที่เรามองไม่เหมือนใคร เพราะมองจากคนที่เคยเห็นรพ. ที่เคยเห็นมากับเห็นรพ.ที่ได้ไปรับรู้เบื้องหลังของการทำงานเพื่อผู้ป่วย แล้วพี่เกิดการเปลี่ยนปลงทางความคิดอะไรบ้าง น่าจะนำเสนอต่อคนที่ยังไม่เคยรับรู้เรื่องนี้อย่างไรบ้างค่ะ ถอดบทเรียนแบบคนนอก แต่เรื่องของ content การพัฒนา เขารู้กันหมดแย้วววว อิอิ
พี่หนาน ขึ้นเวที แล้วเท่ มากๆ อิอิ พูดรู้เรื่องและได้ประโยชน์ด้วยค่ะ ไม่เอามาขายสวน อิอิ
สวัสดีครับ