เสียใจกับธีระ สลักเพชร ดีใจกับองอาจ คร้ามไพบูลย์


ปรับ ครม. ดีใจและเสียใจ

 

 

 

  

เสียใจกับธีระ สลักเพชร  ดีใจกับองอาจ คร้ามไพบูลย์

           หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีแรงกระเพื่อมทางการเมืองพอสมควร จนต้องปรับคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง  ที่แปลกคือตำแหน่งทั้งหลายที่ปรับนั้น ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแม้แต่คนเดียว (ตลกมากไหมครับการเมืองไทย)
            รัฐมนตรีหลายคนต้องพ้นไป  ถามว่าพ้นเพราะอะไร คำตอบคือ
            1.เพราะสมาชิกภายในพรรคที่ตนสังกัดอยู่นั้น ลงมติร่วมกับทางฝ่ายค้าน จึงต้องถูกปรับออกไป เหตุผลนี้พอรับได้
            2.เพราะเข้าระบบ "เวียนเทียนการเป็นรัฐมนตรี" ทุกพรรคเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ดังนั้น การจะไปหวังให้ได้รัฐมนตรีที่ดีเหมาะสมกับตำแหน่งทุกกระทรวงนั้น จึงเป็นเรื่องฝันที่ "เป็นจริงไปไม่ได้" เหตุผลการเวียนเทียนนี้ ผมว่าแย่ครับ รับไม่ไหว
            แต่ในที่แย่ก็มีดีอยู่บ้าง  ในทัศนะของผมนั้น การปรับคราวนี้ผมเสียดายรัฐมนตรีหนึ่งคนที่ต้องพ้นไป คือรัฐมนตรีธีระ สลักเพชร ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่รู้จักมักคุ้นสนิทด้วยเลย อาจจะเคยยิ้มและพูดทักทายกันครั้งสองครั้งเท่านั้น  แต่ในฐานะที่ผมทำงานด้านสังคม วัฒนธรรมและการศึกษาอยู่ จึงมีโอกาสติดตามงานบรรดารัฐมนตรีต่างๆ ในกระทรวงเหล่านี้อย่างใกล้ชิด 
            รัฐมนตรีธีระ สลักเพชร ทำงานได้เข้าตาผมพอสมควร ตั้งแต่การเป็นคนเรียบง่าย ไม่ถือยศถือศักดิ์ถือตัวมากนัก ขยันทำงานและมีความชัดเจนพอควรในงานที่รับผิดชอบ เพียงแต่เป็นคนเงียบๆ ไม่หวือหวา งานที่ทำไว้มากมายจึงไม่ค่อยเป็นที่รับรู้ทั่วไป 
            การพ้นไปคราวนี้จึงน่าเสียดาย เพราะพ้นไปตามระบบเวียนเทียนเป็นรัฐมนตรี
            เช่นกันสำหรับผม ที่ขอร่วมยินดีกับรัฐมนตรีใหม่ทั้งหลาย โดยเฉพาะคุณองอาจ คร้ามไพบูลย์ (คนๆ นี้ผมรู้จักค่อนข้างดี) เป็นคนมีคุณภาพ ชาวบ้านในพื้นที่รักเพราะเสมอต้นเสมอปลาย ติดดิน  ขยัน ความคิดดีคือ "รู้อะไรถูก อะไรชอบ อะไรควร"
            คนๆ นี้อนาคตไกลครับ และดีใจแทนสังคมไทยที่ได้รัฐมนตรีที่ดีขึ้นมาอีกหนึ่งคน ซึ่งผมได้แต่หวังว่าการเป็นรัฐมนตรีครั้งนี้ ท่านจะไม่เสียคนหรือเปลี่ยนจุดยืนที่ดีต่อสังคมไป
            เอาใจช่วยครับ  ขอให้ทำได้ดี ทำได้ดี

 

หมายเลขบันทึก: 364515เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2010 16:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2012 20:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

มา updated ข่าวกับอาจารย์ ขอบคุณค่ะ

เห็นด้วยครับ...คุณครูหยุยครับ

สำหรับประเทศไทยเขาเรียกกันว่า "สมบัติผลัดกันชมครับ"

ไม่สนหรอกว่าอะไรคือคุณภาพหรือมาตรฐาน.....555555

ครูหยุย

การประจักษ์ชัดว่า "โลกธรรม" เป็น "ไตรลักษณ์" คือ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ชั่วกาลนาน และไม่สามารถบังคับให้เป็นไปตามอำนาจ และความพึงพอใจของเราได้ ย่อมทำให้ใจของเรามีความสุขกับการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น  สรุปคือ ถ้าอยากจะมีความสุข อย่าประยุกต์สิ่งทั้งผองเป็นของฉัน 

       ขออนุโมทนาขอบคุณมุมมองดีๆ ของอาจารย์ที่นำมาฝากพวกเราอย่างสม่ำเสมอ..  และรบกวนท่านอาจารย์แวะไปพักผ่อนสักครู่ได้ที่ http://gotoknow.org/blog/united-nation-day-of-vesak/364605

       ด้วยสาราณียธรรม

ขอบคุณคุณกตครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน บ้านริมทะเลเป็นที่พักหรือเปล่าครับ

คุณวัฒนาครับ สมบัติผลัดกันชมในทางการเมืองนี่ มันแย่กว่า สินค้ามือสองที่ผลัดกันใช้ ประหยัดด้วย

พระคุณเจ้าครับ ผมแวะไปพิจารณาเนื้อเพลงแล้วครับ อิ่มและสุขใจยามเช้ากับสาระดีดี กราบนมัสการขอบพระคุณครับ

สวัสดีค่ะ ครูหยุย หนู...โอ นักข่าวหัวเขียว ประจำพม.ค่ะ เพิ่งจะแวะเวียนมาชมเว็บของครู ได้มุมมองอะไรดีๆ หลายอย่างค่ะ อาจารย์ได้เห็นข่าวเด็กม.5 ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ ที่จุดไฟเผาร.ร.เพราะเครียดกับเกรดตัวเองแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรค่ะ น่าเป็นห่วงความคิดและพฤติกรรมเด็กไทย

มีอีกเรื่องที่อยากฝากกระจายข่าวให้รับรู้ค่ะ สัปดาห์ที่แล้ว ไปสัมภาษณ์อ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ถึงการจัดตั้งหอศิลป์ยิ้มสู้ โดยนำพื้นที่บ้านซึ่งตั้งเป็นมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ จัดเป็นหอศิลป์ยิ้มสู้ น่าสนใจไม่น้อยค่ะ อ.วิริยะ บอกว่าได้ทำรายการยิ้มสู้ จึงเห็นผลงานของคนพิการจำนวนไม่น้อย และรู้สึกเสียดายที่ผลงานหลายชิ้นถูกเก็บอยู่กับเจ้าของ อ.วิริยะ จึงตั้งเป็นหอศิลป์ยิ้มสู้ขึ้น เพื่อต้องการให้ทุกคนเข้ามาเรียนรู้ถึงศักยภาพของผู้พิการที่อาจเรียกได้ว่าดีกว่าคนปกติด้วยซ้ำ เห็นผลงานหลายชิ้นแล้วน่าทึ่งมาก ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนปกติแท้ๆ แต่ยังทำได้ไม่ดีเท่าคนพิการเลย อ.วิริยะคาดหวังว่าอยากให้เด็กๆ เข้ามาเรียนรู้ เพื่อเป็นพลังในการทำสิ่งดีๆ ในชีวิต หอศิลป์ยิ้มสู้อยู่ที่ อรุณอัมรินทร์ 39 ก่อนข้ามสะพานอรุณอัมรินทร์ไปรพ.ศิริราช เข้าซอยไปไม่เกิน 300 เมตร เปิดเข้าชมฟรีทุกวัน อ.วิริยะบอกว่าจะเปิดเป็นทางการอีก 2-3 เดือนข้างหน้า อ.ไม่แน่ใจว่าจะไปได้ดีหรือไม่ เนื่องจากประเทศไทยไม่ค่อยส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กๆ เยาวชนเข้าหอศิลป์ หรือพิพิธภัณฑ์ แต่หากมีคนสนใจมาชมเยอะ ก็มีแผนที่จะขยายเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้มีผลงานกว่า 100 ชิ้นจากฝีมือคนพิการกว่า 20 คน บางชิ้นมีรางวัลชนะการประกวดระดับโลกด้วยซ้ำ

ดีใจที่ "โอ"นักข่าวหัวเห็ดแวะมาเยี่ยมเยียนถึงที่นี่จนได้

เรื่องข่าวนักเรียนเผาห้องสมุดโรงเรียน มีนักข่าวโทรมาถามครูตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พอทราบข่าวก็ตกใจและแปลกใจไปในขณะเดียวกัน จำได้ว่าตอบเขาไปว่าไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจหรือเผลอเรอ คงต้องรอให้เด็กเข้าสู่การสอบสวนตามกฎหมายคือต้องมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสเงคราะห์ร่วมสอบสวนกับพนักงานด้านอื่นๆ ด้วย ถึงจะน่าเชือ่ถือได้มากกว่าที่เป็นข่าวออกมา ถึงตอนนั้นคงได้วิเคราะห์ตามหลักจิตวิทยาต่อไปว่า เหตุจากอะไรแน่

สำหรับหอศิลป์ของอาจารย์วิริยะนั้น ทราบข่าวมาเลาๆ แต่ไม่รู้รายละเอียดมากนัก ได้ทราบเพิ่มเติมจากโอก็ดีใจจะได้ช่วยสนับสนุนและเผยแพร่ต่อไป

ว่างๆ แวะมาเยี่ยมอีกนะครับ จะคัดลอกบางส่วนไปเผยแพร่ก็ยินดีเสมอ

ถ้าผมจำไม่ผิด โสเครติส ได้กล่าวไว้ว่า ราชอาณาจักรใดไร้ซึ่งความยุติธรรม ราชอาณาจักรก็เปรียบเสมือนซ่องโจร ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ร้อยปี คำกล่าวนี้ก็ยังใช้ได้ในปัจจุบัน ครูว่าไหมครับ

อันนี้เเล้วเเต่มีขึ้นมีลง ก้เป็นปกติทุกครั้งที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง เเม้เเต่ตัวผมเอง

ดีที่สุด เราต้องกล้ายอมรับ

เเต่เราไม่มีมาตรฐานไงท่าน อันนี้ขอกล่าวหา

คุณ ศรช.บ้านเอื้ออาทรครับ ความยุติธรรมเป็นรากฐานสำคัญสุดประการหนึ่งที่ทำให้สังคมอยู่ได้ จริงครับ

ท่าน xiaominginlove ครับ ยังไงเสียเราต้องเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะดีขึ้นและต้องมีส่วนวิพากษ์ให้เกิดมาตรฐานที่ถูกต้องขึ้นครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท