เมืองน่านเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม(๑)


จังหวัดน่านมีวัดหลายๆ แห่ง ที่สวยงามด้วยจิตกรรมฝาผนังและงานฝีมือ
พระธาตุแช่แห้ง : พระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ
 
 

วัดพระธาตุแช่แห้ง (พระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ) อยู่ที่ ตำบล ม่วงติ๊ด กิ่งอำเภอภูเพียง ห่างจากตัวเมืองน่าน 2 กิโลเมตร
พระธาตุแช่แห้งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญมีอายุกว่า 600 ปี พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1891 เพื่อบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัยองค์พระธาตุมีความสูง 55.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ22.5 เมตร
บุด้วยทองเหลืองปิดทองคำเปลวหมดทั้งองค์







วัดภูมินทร์ อยู่ใกล้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเป็นวัดดที่ทมีลักษณะแปลกกว่าวัดอื่นๆ คือ โบสถ์แแและวิหารสร้างเป็นอาคาร
หลังเดียวกันประตูไม้ทั่งสี่ทิศแกะสลักลวดลายงดงามโดยฝีมือช่างเมืองน่าน นอกจากนี้ฝาผนังแสดงถึงชีวิตและวัฒนธรรมของ
ยุดสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดารของเมืองน่าน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2139 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างขึ้นหลัง
จากขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปี ปรากฎในคัมภีร์เมืองเหนือว่าเดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์" ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์
ผู้สร้างแต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็นวัดภูมินทร์ดั้งกล่าวความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใคร
เหมือนเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยคือ เป็นพระอุโบสถและพระวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกันเป็นทรงจตุรมุข(กรมศิลปากร
ได้สันนิษฐานว่าเป็นอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย) นาคสะดุ้งขนาดใหญ่ แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้บนกลางลำตัว
ตรงใจกลางพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์ ประทับนั้งบนฐานชุกชี หันพระพักตร์ออกด้าน
ประตูทั้งสี่ทิศ เบื้องพระปฤษฎางค์ชนกันภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังศิลปกรรมไทลื้อที่เล่าเรื่องชาดก
ตำนานพื้นบ้านและความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต

   



ชมพูภูคา :  พันธุ์ไม้มหัศจรรย์   

 
ชมพูภูคา : ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bretschneidera sinensis Hemsl. : ชื่อวงศ์: BRETSCHNEIDERACEAE 
     ชมพูภูคา เป็นพืชหายากใกล้สูญพันธุ์ที่มีดอกสีชมพูอมขาวงดงามซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พระราชทานให้ชมพูภูคา เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราช ดำริฯ ชมพูภูคา
เป็นไม้ต้นสูงได้ถึง 25 เมตร เปลือกเรียบสีเทา ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ยาว 30-80เซนติเมตร ใบย่อยไม่มีก้านใบ
รูปหอกถึงรูปไข่ กว้าง 2.5-6 เซนติเมตร ยาว 8-25 เซนติเมตร โคนใบมนไม่เท่ากัน ปลายใบแหลม ดอกสีชมพู
คล้ายรูประฆัง ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อยาวได้ถึง 40 เซนติเมตร กลีบรองดอกขนาดใหญ่ รูปถ้วยขอบหยักตื้นๆ
กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่กว้าง โคนกลีบเรียวยาว ปลายกลีบม้วนออกด้านนอก ขนาด 1.8-2 เซนติเมตรกลีบบนมักคว่ำลง
เกสรผู้ 8 อัน ผล รูปกระสวย แก่แล้วแตก เมล็ดรูปรี กว้าง 12 มิลลิเมตร ยาว 20 มิลลิเมตร ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง
1,980 เมตร ดอยภูคนับเป็นยอดดอยที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของเทือกเขาหลวงพระบางและเป็นยอด ดอยที่สูงในลำดับต้นๆ
ของประเทศไทย ซึ่งจากสภาพดังกล่าวนี้ทำให้เทือกดอยภูคา มีลักษณะโดดเด่นในด้านระบบนิเวศของพืชพรรณภูเขาสูง
อันอุดมไปด้วยป่าดงดิบเขาป่าดงดิบชื้น รวมทั้งป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง อีกทั้งเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำน่านอีกด้วยพันธุ์ไม้
ที่สำคัญที่สุดและพบเพียงแห่งเดียวในโลกที่นี่คือ ชมพูภูคา ซึ่งเป็นต้นไม้พื้นเมืองของไทยและเป็นพันธุ์ไม้หายากใกล้สูญพันธุ์
ชนิดหนึ่งของโลก โดยเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมามีรายงานว่าพบพันธุ์ไม้ชนิดนี้ ที่มณฑลยูนานประเทศจีน แต่ปัจจุบันคาดว่า
สูญพันธุ์ไปแล้วสำหรับในประเทศไทยมีรายงานการสำรวจพบพันธุ์ไม้ชนิดนี้เมื่อมี พ.ศ. 2532 บริเวณป่าดงดิบเขาดอยภูคา

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยลักษณะต้นชมพูภูคานี้จะสูงประมาณ 25 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง
ลำต้นประมาณ 50 เซนติเมตร เปลือกเรียบเป็นสีเทาใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวมีใบย่อยรูปไข่แกมรูปใบหอก ปลายใบ
แหลมยาวแผ่นใบด้านล่างมีนวลสีขาวช่อดอกตั้งตรงแยกแขนงออกตามปลายกิ่งกลีบเลี้ยงติดกันคล้ายรูประฆังกลีบดอกสีชมพู
มีริ้วสีแดง อกดอกประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ผลคล้ายมะกอกแต่มีขนาดใหญ่กว่า พันธุ์ไม้ชนิดนี้จากการศึกษาพบว่า
จะเจริญเติบโตได้ดีบริเวณป่าดงดิบเขาตาม ไหล่เขาสูงชันที่มีความสูงตั้งแต่ 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป
และมีความชื้นของอากาศสูงอุณหภูมิเฉลี่ยค่อนข้างต่ำตลอดทั่งปี

ปัจจุบันได้มีการทดลองเพาะกล้าไม้ชมพูภูคาจากเมล็ดเป็นผลสำเร็จซึ่งคาดว่าจะ ช่วยให้ชมพูภูคาไม่สูญพันธุ์จากโลกนี้ต่อไป
"ชมพู ภูคา นธุ์ไม้ใกล้สูญพันธุ์ของโลก ซึ่งพบเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน"
** ข้อมูลจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยเรื่องนิเวศธรรมชาติในเมืองไทย-ภาคเหนือ**



คำสำคัญ (Tags): #ชีวิตคนเมือง
หมายเลขบันทึก: 357292เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2010 23:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 11:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

นอกจากศิลปวัฒนธรรมแล้วยังมีธรรมชาติที่สวยงามและที่สำคัญคนเมืองน่านใจดีด้วยครับ

สวัสดีค่ะ พี่ถนัด หายหน้าหายตาไปเลยนะคะ สบายดีใช่ไหมคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท