หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

โลกทัศน์ที่กว้างขึ้นของคนนอกวง SHA


      หากไม่มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมเยียนและเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากโรงพยาบาลพิจิตร และโรงพยาบาลเจ้าพระยมราช ตามคำเชิญชวนของสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) แล้ว ทัศนคติต่อโรงพยาบาลของผม คงไม่ต่างไปจากคนนอกวงการสาธารณสุขทั่ว ๆ ไป ที่เป็นเพียงผู้รับบริการแบบไม่อยากเข้าไปรับบริการหากไม่มีความจำเป็น และอาจกล่าวได้ว่าทัศนคติที่มีต่อสถานที่และบุคลากรในสถานพยาบาลนั้นเป็นไปในทางลบเสียเป็นส่วนใหญ่

      ผมเคยตื่นนอนตอนตี ๔ เพื่อขับรถไปส่งพ่อเข้าคิวรอรับการตรวจรักษาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งกว่าจะได้รับการตรวจวินิจฉัยก็ปาเข้าไปเกือบจะเที่ยง ยังมิต้องเอ่ยถึงว่าได้รับการปฏิบัติจากบุคคลากรต่าง ๆ ในโรงพยาบาลอย่างไร ซึ่งเป็นที่มาของทัศนคติในทางลบในตัวผม ผมเล่าเรื่องนี้ให้ทีมงานและคนของ สรพ. ในการหารือเพื่อทำงานร่วมกันในคราวหนึ่งด้วย ทุกคนดูเหมือนจะเออออและเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมพูดและแสดงความคิดเห็น

      โลกทัศน์ผมเปิดกว้างมากขึ้นหลังจากผมกลับจากโรงพยาบาลพิจิตร และถ่างกว้างมากขึ้นหลังจากสิ้นสุดการเยือนโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช

      ผมไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่า การดูแลเยียวยาจิตใจญาติผู้ป่วยที่มีความทุกข์อกทุกข์ใจอย่างหนักจากการเจ็บป่วยของญาติเป็นสิ่งที่บุคลากรในโรงพยาบาลให้ความสำคัญ ไม่เพียงให้กำลังใจและให้ข้อมูลอย่างรอบด้านเกี่ยวกับการรักษาและอาการเท่านั้น ในบางกรณียังช่วยปรับลดความคาดหวังเพื่อมิให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจมากเกินไปเมื่อเกิดการสูญเสียขึ้น ปฏิบัติการเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยความอ่อนโยน จริงใจ

      ไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่า การแพทย์ที่พัฒนามาจากความรู้ฝั่งตะวันตก ค่อนข้างละเลยมิติทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณ ได้ย้อนมาให้ความสำคัญกับเรื่องการตายอย่างสงบ ได้คิดค้นและริเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะให้ผู้เตรียมจะจากไปได้ระลึกถึงความดี ปลดคลายความกังวลใจ ที่สุดก็จากไปอย่างวงบ ไปสู่สุคติ ความความเชื่อของผู้คนในฝั่งตะวันออก

      ได้รับรู้ถึงความเสียสละของคนเล็กคนน้อยในโรงพยาบาล ที่ร่วมไม้ร่วมมือสละความสุขส่วนตนให้โรงพยาบาลเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสการได้ดูแลรับใช้ให้บริการทางด้านสุขภาพแก่ประชาชนในจังหวัด ซึ่งทั้งหมดก็คือญาติมิตวงศ์วานว่านเครือของพวกเขานั่นเอง

      ผมไม่เคยคิดว่าจะมีแพทย์ที่เสียสละตัวเอง อยู่โรงพยาบาลเกือบตลอดทั้งวัน ไม่เปิดคลีนิคเพื่อหารายได้เสริม แต่ทุ่มเทไปกับการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ นอกเหนือจากการงานในโรงพยาบาลก็ยังใช้เวลาส่วนหนึ่งออกเยี่ยมเยียนผู้ป่วยตามบ้าน

      ไม่เพียงบุคลากรทางการแพทย์พยาบาลเท่านั้น ในโรงพยาบาลผมยังได้เห็นผู้คนที่มีจิตใจอาสา สละเวลามาช่วยเหลือและแบ่งเบากิจการงานของโรงพยาบาลอย่างเต็มอกเต็มใจ ทำให้โรงพยาบาลทำงานได้มากขึ้น บริการผู้คุนได้อย่างมีคุณภาพและปริมาณมากขึ้น

      ผมได้เห็นการทำงานเชิงรุกของโรงพยาบาล ไปร่วมไม้ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เพื่อเป้าหมายให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี ไม่ต้องรอให้เจ็บป่วยแล้วค่อยมาพบแพทย์

      สรพ. บอกว่า นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโรงพยาบาล ที่ได้ปรับตัวไปข้างหน้า นี่จึงเป็นข่าวดีมาก ๆ สำหรับผม และก็คาดหวังว่าเรื่องราวดี ๆ เหล่านี้น่าจะขยายกระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน

หมายเลขบันทึก: 337349เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2010 13:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 12:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

สวัสดีค่ะ

  • มีผู้ที่เข้าไปใช้บริการโรงพยาบาลของรัฐ กลับมาเล่าให้ฟังว่า
  • เดี๋ยวนี้ให้การบริการดีขึ้นกว่าเดิมบ้างแล้วค่ะ
  • ดีใจไปกับคนทั่ว ๆไปที่เข้ารับบริการนะคะ

อืม เรียนรู้กลับมาพัฒนาโรงพยาบาล

กับอนามัยแถวบ้านบ้างดีไหมค่ะ 55+

พี่หนานเกียรติครับ ผมได้ความรู้ตอนไปงาน สรพ ได้เข้าใจโรงพยาบาลมากขึ้นเช่นกันครับ

พี่ๆ ทุกท่านคะ ก่อนอื่นขอบคุณ พี่หนาน อาจารย์พี่เอก ทั้งสองท่านที่ให้เกียรติ มาช่วยถอดบทเรียนค่ะ  ทั้งสองท่านเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับพอลล่าและ รพ. อย่างน้อย สองรพ.ค่ะ

ขอบคุณมาๆ นะคะ

ขอบคุณโกทูโน ที่มีพื้นที่ให้พอลล่าได้พบคนดีๆ ค่ะ

สาธุ อิอิ

พี่คะ คลินิก ใช้แบบนี้ค่ะ คลินิก อิอิ

นอกนั้น เกินจากความคาดหมาย ครับพี่น้องงงงงงงง

ป๋า ขจิต ขา....ไปงานฟอรัม กันนะคะ พอลล่าชวน ไปฟัง อ.วรภัทร์ ดร.สกล พี่หนาน พี่เอก และอีกหลายๆ ท่าน เพียบ...........

  • เห็นด้วยครับ..การบริการที่สถานพยาบาลต่างไปจากเมื่อสักสิบยี่สิบปีที่แล้วมากๆ ชื่นชมความพยายามของคนใน สธ.ครับ
  • ขอบคุณเรื่องราวดีๆครับ

สวัสดีครับ

หลายๆที่เริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลทางกาย และ ทาง " ใจ"

ผมเกิดและโตในโรงพยาบาลจนถึง ป.6 ถึงย้ายบ้านออกมาครับ

รพ.เอกชนหลายแห่งมีการบริการที่ดีแต่ค่าใช้จ่ายแพงมาก

เคยไปรักษาถ้าไม่มีประกันสุขภาพคงไม่มีเงินจ่าย

ถ้าคนที่ไม่ค่อยมีเงินมาก คงเลือกใช้ รพ.ของรัฐแน่นอนครับ

ผมคิดว่าบุคลากรของรัฐหรือของเอกชนต้องมีใจเอื้ออาทรเมตตาคนไข้

อย่าปล่อยให้เงิน หรือ ฐานะ เป็นพิ้นฐานของการให้บริการครับ

ขอบคุณครับ

  • อ่านบันทึกนี้แล้วรู้สึกคล้อยตามและเห็นด้วยค่ะ
    โรงพยาบาลบางแห่งชาวบ้านขนานนามว่า "โรงฆ่าสัตว์"  นี่คือความจริงที่
    น่าขมขื่น
  • สิ่งที่สัมผัสได้กับตัวเองก็คือโรงพยาบาลตามชนบทมักบริการดีกว่าในตัวเมือง
    ใหญ่ ๆ  จริง ๆ แล้วก็น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแลคนไข้สารพัดรูปแบบจน
    เหนื่อยล้าและเริ่มสิ้นสุดความอดทน
  • ปัจจุบันโรงพยาบาลต่าง ๆ เริ่มพัฒนาเรื่องระบบบริการมากขึ้นเห็นแล้วก็รู้สึกยินดีค่ะ
    แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็คือ "อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดีถ้วนหน้า  ไม่เจ็บป่วยไม่ต้อง
    เข้าโรงพยาบาลมากมายเหมือนที่เป็นอยู่..."

คุณหมอที่ รพ.เจ้าพระยายมราช น่ารักทุกท่าน

พ่อ กับ แม่พี่อยู่โรงพยาบาลจนเข้าใจดี

ตอนนี้ท่านเสียไปหมดแล้ว พี่ไม่ค่อยได้ไปสัมผัส

 

น้องหนานครับ วันนี้ประชุมสามัญประจำของกลุ่มเกษตรกรเลี้ยง คนเป็นประธานเครียดเลยครับ ทั้งๆปลอยวางทำใจให้สนุกกับงาน

แต่โชคม่อานิสงค์ ได้ผ่านการประชุมไปด้วยดี

โรงพยาบาลพิจิตร เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ  แต่บริการน่าประทับใจค่ะ... ไม่ทราบว่า หนานเกียรติ ได้เจอน้องสาวครูใจดีรึเปล่า.....??? ฮิ ฮิ  เป็นแพทย์ฝึกหัดค่ะ

วันนี้จะเข้ามาเยี่ยมหนานเกียรติให้ได้เสียที  เพราะไม่ได้มาเยี่ยมหลายวันเลย ไม่รู้เป็นงัยนะ คิดว่าจะว่างบ้าง แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย  ฮา... 5 สัปดาห์แล้ว ไม่มีวันหยุด... มีงานให้ทำตลอดค่ะ

3 วันนี้ (3 วัน 2 คืน)ค่ายอบรมและแข่งขันหุ่นยนต์ไมโครคอนโทรเลอร์ ครั้งที่ 3  ค่ะ....จัดร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลปทุมวัน  เด็ก ม.ปลาย และ ปวช.  พึ่งเสร็จกิจกรรมภาคค่ำ นันทนาการเล็ก ๆ น้อยๆ แล้วก็ทานข้าวต้มรอบดึกกัน....เลยเข้าบล็อก  แต่ก็ง่วงแย่แล้ว เพราะเพลีย สมองล้ามาทั้งวัน  เดี๋ยวต้องไปดูแล และนอนกับลูกศิษย์แล้ว

 แวะมาทักทายด้วยความระลึกถึงค่ะ 

 ราตรีสวัสดิ์นะคะ

 

 

โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม..ก็รักษาแม่ครูอ้อยเล็กเป็นอย่างดีค่ะ.ตอนนั้นแม่อาการแบบว่าจะอยู่หรือจะไป..แม่ยังรู้สึกว่าจะไปเฝ้าท่ายยมเสียให้ได้ แต่ด้วยความเอาใจใสของแพทย์และพยาบาลทำให้แม่ครูอ้อยเล็กรอดมาได้ทุกวันนี้และมีอาการสดชื่นมากๆเลย..เป็นเวลาปีกว่าๆแล้วที่แม่เหมือนกลับมาเป็นสาววัย 50 มากกว่าวัย 67 ค่ะ...

อ่านบันทึกนี้แล้วใจชื้นค่ะ

ว่ายังมีคนดีเหลืออยู่ในสังคม ^^

  • มาเยือนคนขยันค่ะ
  • มาให้กำลังใจ คน(บ้า) ทำงาน อิอิ

พี่ได้ทำงานถอดบทเรียนชิ้นหนึ่งเป็นเรื่องของการที่บุคลากรทางสาธารณสุขใช้การปฏิบัติธรรมในการทำงาน โดยใช้ทั้งกับการเยียวยาตนเอง และแผ่ขยายไปถึงคนไข้ ด้วยความเมตตา มีหลากหลายรูปแบบวิธีการ น่าสนใจและเบิกบานใจที่ได้เรียนรู้และรับรู้เรื่องดีๆ ไม่นานทางมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ เจ้าของโครงการ คงให้ผู้ชำนาญเขียนถ่ายทอดเผยแพร่ให้ได้อ่านกันค่ะ

เวลาที่เราได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ ลบภาพประสบการณ์เดิมของเราสู่สิ่งที่แจ่มใส เปิดกว้างขึ้นก็เป็นความสุขนะคะ

  • ผมก็เคยมีทัศนคติแบบนี้เช่นกัน
  • จึงไม่อยากเจ็บป่วยครับ อิอิ
  • ทราบว่าเดี่ยวนี้ดีขึ้นมากแล้วนะครับ
  • ผมว่าหากบุคคลากรของ รพ.ไม่พร้อมจะทำงานในวิชาชีพนี้ ก็ไปเลี้ยงเป็ด ไก่ ทำสวนก็ได้นะครับ
  • หมอเลี้ยงไก่
  • พยาบาลทำสวนโก้จะตายไป
  • แฮะๆล้อเล่นครับ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ

สวัสดีครับคุณหนานเกียรติ

โรงพยาบาลทุกวันนี้มีรอยยิ้มแล้วครับ ยิ่งมีบัตรจ่ายตรงยิ่งบริการสุดประทับใจครับ

ตามมาบอกว่าผมวิเคราะห์ผลการจัดกิจกรรมค่ายแล้ว ในบันทึกผม จะส่งเมล์กลัวท่านไม่มีเวลาอ่าน

ประกอบกับอยากให้คณะทำงานได้อ่านจะได้ชี่นใจครับ ปีหน้าผมคงเจอคำถามมากมากมายจากเด็ก

ถ้าจัดไม่ได้เด็กคงผิดหวังแน่เลย แต่ผมจะสานต่ออย่างตั้งใจครับ

มาชม

มีความสุขกับการทำงานนะครับ...

เอาลูกเล่นไว้ตกแต่งบล๊อกมาฝากค่ะ..คลิ๊กๆดูน่ะค่ะhttp://widget.sanook.com/

สวัสดีครับ

พี่ ครูคิม, หมอเอ - หมออนามัย,  ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee, อาจารย์ขจิต ฝอยทอง, คุณน้อง♥paula .`๏'- ที่ปรึกษาตัวน้อย.`๏'-, อาจารย์ธนิตย์ สุวรรณเจริญ, คุณPhornphon, พี่ธรรมทิพย์, คุณพี่ครู ป.1, ท่านผู้เฒ่า-วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--, คุณครูใจดี, พี่อ้อยเล็ก, คุณBaby, พี่แมว - มนัสนันท์, พี่นุช - คุณนายดอกเตอร์, พี่ใหญ่ - นาง นงนาท สนธิสุวรรณ, พี่เบดูอิน, คุณครู krutoiting, อาจารย์พรชัย, อาจารย์umi และคุณครู New.ครูบันเทิง 

ขออนุญาตตอบทีเดียวเลยนะครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและแบ่งปันความเห็นนะครับ
บรรดาข้อคิดในบันทึกนี้ขอนำไปแบ่งปันในเวที  HA วันพรุ่งนี้นะครับ

 

สวัสดีค่ะ

  • รับสมัครคนตอบเม้นท์หรือเปล่าละ
  • ฮ่า ๆ ๆ ๆ
  • กลับไปบอกลูกน้อง
  • ว่ามีชายหนุ่มกระซิบว่า
  • จะแวะไปขอข้าวกินหน่อย
  • พร้อมขออ่อยให้เล่าเรื่องการทำงานให้ฟัง
  • หลายคนร้องโอ๊ยยยยยยยยยยยยย
  • หนูไม่มีเรื่องอะไรเล่าให้ฟัง
  • พี่ก็ได้แต่หัวเราะและบอกว่า
  • เอาไว้เขาชวนเธอคุยเอง
  • คุยไปคุยไปเดี๋ยวรู้เอง
  • มีอะไรเล่าหรือเปล่า
  • ......
  • ตั้งใจไปเจอตัวเลยนะคะ
  • ดีใจที่ได้เจอค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท