ให้หนูพันห้า...จะบอกว่ายินยอมได้ไง


เพื่อนตัวดีของผม ได้ไปพบรักปัจจุบันทันด่วน! กับ นางสาวนามสมมุติรายหนึ่ง ที่ร้านคาเฟ่ แถวๆนั้น ก็ตกลงขอสมรสด้วยในราคา สามพัน จึงพากันไปที่โรงแรมที่ว่านี้ แต่พอ เก้าโมงเช้า ขณะที่เพื่อนตัวดีของผมกำลังหลับอยู่ในห้องของโรงแรมแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญตัวไปโรงพักแถวๆนั้น ขณะนั้นมีเจ้าสาวที่ตัวขอสมรสด้วยเมื่อตอนตีสองยืนชี้ให้ตำรวจจับบอกว่าผู้ชายคนนี้แหละที่ข่มขืนหนู....ฮา....

กลับมาตามคำมั่นครับ แต่สายไปหนึ่งวันต้องขออภัยด้วยครับ

ให้หนูพันห้า...จะบอกว่ายินยอมได้ไง

ผ่านวันแห่งรักมาแล้ว ผมก็ได้เล่าเรื่อง ซึ้งๆ น้ำตาซึมมาแล้ว

วันนี้จะขอเล่าเรื่องซึ้งจนน้ำตาไหลบ้าง แต่เรื่องนี้หากท่านใดอายุเกิน 18  ควรได้รับการแนะนำจากเด็กในการอ่าน เพราะจัดอยู่ในประเภทเรดอาร์ อิ.อิ.

แต่ก่อนอื่นขอให้อ่านกฎหมายอาญาความผิดเกี่ยวกับเพศก่อน

     มาตรา 276  ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ  โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี  และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

     การกระทำชำเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ  ทวารหนักหรือช่องปากของผู้อื่น  หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น

     ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหรือกระทำกับชายในลักษณะเดียวกันต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต

     ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำความผิดระหว่างคู่สมรสและคู่สมรสนั้นยังประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา  ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้  หรือจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้   ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภริยาต่อไป และประสงค์จะหย่าให้คู่สมรสฝ่ายนั้นแจ้งให้ศาลทราบ  และให้ศาลแจ้งพนักงานอัยการให้ดำเนินการฟ้องหย่าให้

ที่ต้องให้อ่านก่อนเพราะกฎหมายมาตรานี้มีผลกับทุกท่าน เป็นกฎหมายที่แก้ไขใหม่หลัง 19 กันยายน 2549

เดิมการข่มขืนกระทำชำเราจะมีความผิดเฉพาะการข่มขืนกระทำชำระหญิงเท่านั้น คือความเดิมบัญญัติว่า

ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน

แต่ตามกฎหมายใหม่แก้เป็น

ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น

จะเห็นว่ากฎหมายตัดคำว่า หญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน ออกไป ปัจจุบันการข่มขืนกระทำชำเรามีได้ทั้งชายและหญิง และการข่มขืนนั้นเมื่อไม่เป็นการสมัครใจแม้ว่าจะเป็นสามีภริยาก็เป็นความผิดเช่นกันไม่ว่าฝ่ายใดข่มขืนฝ่ายใด ฝ่ายหญิงถูกข่มขืนนั้นคงไม่ต้องบรรยายนะครับ แต่บางท่านอาจสงสัยว่าแล้วฝ่ายชายจะถูกข่มขืนได้อย่างไรให้ดูในวรรคสองที่ว่า “การกระทำชำเราตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ  ทวารหนักหรือช่องปากของผู้อื่น  หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น”

เห็นยังครับว่าผู้ชายถูกข่มขืนเช่นไร แต่ถ้ายังไม่เข้าใจผมสุดปัญญาจะอธิบายครับเพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์......ฮา....

นุ่งกางเกงขาสั้นไปเดินในที่ลับตาก็หลายครั้งแล้วยังไม่พบประสบการณ์สักที.....ฮา....

ชาตินี้คงหมดโอกาส.....ฮา.....

กลับมาเข้าเรื่องนะครับ

ในช่วงประมาณปี 2538  มีโรงแรมม่านรูดชื่อขึ้นต้นด้วยถังน้ำมันที่เราเรียกว่า “ ปิป ” นะ ตั้งอยู่แถวถนนรัชดาภิเษกตัดใหม่ แขวงห้วยขวาง คุณผู้ชายทั้งหลายที่ใช้ชีวิตใน กทม.สมัยนั้นจะรู้จักกันดีส่วนเป็นคุณผู้ชายของใครบ้างต้องไปถามกันเอาเองนะครับ เพราะผมไม่มีหลักฐานมาแสดง.....อิ.อิ.

ขอเตือนคุณผู้ชายก่อนที่จะตัดสินใจเล่าให้คุณผู้หญิงฟังว่าไปรู้จักได้ไง โปรดระวังเน่อ...คดีไม่ขาดอายุความนะ.....ฮา....

ตอนที่ต้องการรู้ก็บอกให้เล่าแต่พอรู้จะตัดสินคดีทันที ผมไม่เกี่ยวนะ อิ.อิ.

ในช่วงปีนั้นผมได้รับการติดต่อจากพรรคพวกให้ไปช่วยเหลือเรื่องคดีที่ตัวถูกจับฐานข่มขืนกระทำชำเรา (บอกแล้วว่าเรดอาร์)

เรื่องของเรื่องมันเกิดเหตุที่โรงแรมที่ว่ามานั้นแหละ ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี สอง กว่า (เวลาควรหลับไม่หลับ อิ.อิ.)

เพื่อนตัวดีของผม ได้ไปพบรักปัจจุบันทันด่วน! กับ นางสาวนามสมมุติรายหนึ่ง ที่ร้านคาเฟ่ แถวๆนั้น  ก็ตกลงขอสมรสด้วยในราคา สามพัน อิ.อิ. จึงพากันไปที่โรงแรมที่ว่านี้ แต่พอ เก้าโมงเช้า ขณะที่เพื่อนตัวดีของผมกำลังหลับอยู่ในห้องของโรงแรมแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญตัวไปโรงพักแถวๆนั้น ขณะนั้นมีเจ้าสาวที่ตัวขอสมรสด้วยเมื่อตอนตีสองยืนชี้ให้ตำรวจจับบอกว่าผู้ชายคนนี้แหละที่ข่มขืนหนู....ฮา....

ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนตัวดีก็ไปดูแลเรื่องให้ ร้อยเวร ก็แจ้งให้ทราบว่า นางสาวนามสมมุติได้มาแจ้งว่าถูกเพื่อนตัวดีของผมข่มขืนในห้องของโรแรมที่พาตำรวจไปจับกุมมา เหตุเกิดเมื่อตอนตีสองกว่า ตัวผู้เสียหายได้หลบหนีออกจากห้องมาแจ้งความเมื่อตอน แปดโมงกว่า อีกอย่างคือตอนนี้ต้องรอผู้ปกครองของผู้เสียหายเพราะอายุเพียง 19 ปี  คดีนี้ร้อยเวรลงประจำวันไว้แล้ว แต่แจ้งว่าให้คุยกับผู้ปกครองของผู้เสียหายก่อน

ในระหว่างรอผู้ปกครองของผู้เสียหายผมก็สอบถามข้อเท็จจริงจากเพื่อนตัวดีของผมว่าเหตุเป็นเช่นไร ก็ได้รับทราบมาว่าหลังจากพบรักกันที่ค่าเฟ่ตั้งแต่ตอนประมาณ ห้าทุ่ม ก็นั้งดื่มน้ำในขวดที่เป็นฟองไปหลายขวดจนถึงตีหนึ่งกว่า เลยชวนนางสาวนามสมมุติไปสมรสกันในราคา สามพัน พอหลังสมรสเสร็จประมาณ ตีสี่ นางสาวนามสมมุติขอตังค์ค่าสินเพื่อสอด อิ.อิ. และขอกลับไปก่อน แต่ปัญหาคือตอนนั้นมีตังค์เหลืออยู่ พันห้า จึงให้ไปแค่นั้นแล้วหลับไปมารู้อีกที่ตอนตำรวจไปเอาตัวมา หลังจากทราบข้อเท็จจริง ผู้ปกครองมาถึงเมื่อเปิดการเจรจาท่านแจ้งว่าต้องการค่าเสียหาย สองแสน ไอ้เพื่อนตัวดีได้ฟังเลยบอกผู้ปกครองของผู้เสียหายไปว่าที่ให้ไป พันห้า ยังแพงเลย...ฮา...ไม่รู้วัดจากอะไร อิ.อิ.

เป็นเรื่องเลยครับ ผู้ปกครองบอกให้ร้อยเวรจับเลยไม่เจรจาอีก

เมื่อเป็นคดีกันผมก็ขอประกันเพื่อนตัวดีออกมา แล้วไปสืบสวนหาข้อเท็จจริงจนได้ทราบว่าผู้เสียหายทำอาชีพอะไรเป็นหลักเมื่อทราบก็ทำหนังสือแจ้งให้ร้อยเวรสอบสวนพยานฝ่ายเพื่อนผมเพิ่มเติมก่อนส่งคดีไปยังพนักงานอัยการ แต่ก็ถูกปฏิเสธจากท่านร้อยเวร และเมื่อเรื่องถึงพนักงานอัยการผมก็ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมขอให้สอบพยานฝ่ายผมเพิ่มเติม ก็ได้รับความกรุณาส่งเรื่องกลับมาให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติมตามที่ร้องขอ ผลการสอบได้ข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุ นางสาวนามสมมุติเป็นฝ่ายเดินตามเพื่อนผมเข้าไปในห้องพักและเป็นคนนำเอาเงินค่าห้องพักมาจ่ายให้พนักงานของโรงแรม เพราะเจ้าเพื่อนตัวดีกำลังอาบน้ำแต่เป็นคนเอาตังค์ให้กับนางสาวนามสมมุติไปจ่ายค่าห้องพักและรับเงินทอนคืนมา เมื่อมีพยานประจักดังนี้กอปรกับพยานอื่นที่ได้ตัวมาจากคาเฟ่  ที่พบรักกัน พยานยืนยันว่าพบเห็นนางสาวนามสมมุติเข้าไปนั่งดื่มกับลูกค้าผู้ชายของคาเฟ่และกลับออกไปกับลูกค้าที่นั่งดื่มด้วยเป็นประจำ พนักงานอัยการจึงสั่งไม่ฟ้องคดี  

แต่ครับมีแต่

ผู้ปกครองไม่ยอมด้วย จึงจ้างทนายความฟ้องคดีเสียเอง ก็ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องกัน

เออ...จะผ่านไปเฉยๆก็เกรงจะไม่เข้าใจ ขออธิบายหน่อยนะครับว่าทำไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้อง เพราะผมเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์เสนอข่าวกันผิดๆจะได้เข้าใจเสียที คือมันเป็นเช่นนี้ครับ

ในคดีอาญานั้นผู้ที่จะเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้มีสองคนเท่านั้น

คนที่หนึ่งตัวผู้เสียหายเอง

คนที่สองพนักงานอัยการ

กรณีที่ตัวผู้เสียหายฟ้องคดีเอง(ว่าจ้างทนายความให้ฟ้องคดีให้นะ)ศาลจะยังไม่ประทับรับฟ้องทันทีที่ยื่นฟ้องครับ(ตรงนี้ที่หนังสือพิมพ์มักไปลงว่าศาลรับฟ้องซึ่งผิดครับ) ศาลต้องกำหนดวันนัดไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อนและมีสำเนาคำฟ้องแจ้งไปยังจำเลยเพื่อทราบส่วนจำเลยเมื่อทราบแล้วจะมาศาลหรือไม่มาศาลก็ได้หรือจะแต่งตั้งทนายความมาเพื่อซักค้านพยานของโจทก์ในวันไต่สวนมูลฟ้องก็ได้แต่ไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบแก้เพราะในชั้นนี้ยังไม่ถือว่าจำเลยตกอยู่ในฐานะจำเลยจริงๆจนกว่าศาลจะมีคำสั่งประทับรับฟ้อง

ส่วนโจทก์มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานในเบื้องต้นมาพิสูจน์ให้ศาลทราบว่าที่นำคดีมาฟ้องศาลนี้น่าเชื่อว่ามีการกระทำที่ถือว่าเป็นความผิดต่อกฎหมายเกิดขึ้นหรือไม่ โดยศาลจะรับฟังพยานโจทก์ฝ่ายเดียวก่อนว่าข้อเท็จจริงที่อ้างเทียบเคียงกับตัวบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้องมาว่าพอจะเชื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำมาสืบแสดงต่อศาลได้มากน้อยเพียงใด หากพอเชื่อได้ศาลก็จะสั่งประทับรับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป(ตรงนี้ถึงจะเรียกว่าศาลรับฟ้อง) ก็จะมีการส่งหมายเรียกจำเลยให้มาศาล ถ้าจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดที่ศาลนัด ศาลก็จะออกหมายจับจำเลยเพื่อนำตัวมาศาลต่อไป แต่ถ้าศาลไม่เชื่อพยานหลักฐานที่นำสืบมาศาลก็จะมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีของโจทก์เสีย หากโจทก์ไม่เห็นด้วย ก็สามารถอุทธรณ์ ฎีกาต่อไป

ส่วนกรณีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ทางปฏิบัติศาลจะสั่งประทับรับฟ้องไว้พิจารณาเลยโดยไม่มีการไต่สวนมูลฟ้องอีก ทั้งนี้เพราะก่อนที่จะมีการฟ้องคดีก็มีการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นก่อนแล้ว ศาลถือว่าได้ผ่านการพิจารณาสั่งคดีมาแล้วน่าจะไม่มีการกลั่นแกล้งกันจึงได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องเลย แต่ศาลก็สามารถสั่งให้ทำการไต่สวนมูลฟ้องไปตามปกติได้เช่นกัน ทั้งนี้มีกำหนดไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามนี้ครับ

มาตรา 162 ถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ให้ศาลจัดการสั่ง ต่อไปนี้

    (1) ในคดีราษฎรเป็นโจทก์ ให้ไต่สวนมูลฟ้อง แต่ถ้าคดีนั้นพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยโดยข้อหาอย่างเดียวกันด้วยแล้ว ให้จัดการตามอนุมาตรา (2)

    (2) ในคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์  ไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องแต่ถ้าเห็นสมควรจะสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ได้

    ในกรณีที่มีการไต่สวนมูลฟ้องดั่งกล่าวแล้ว ถ้าจำเลยให้การรับสารภาพให้ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณา

พักดื่มน้ำปัสสาวะก่อนนะครับ คราวนี้ไม่เตือนเว้นวรรคเอาเอง....ฮา....

ต่อนะครับ

เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเอง ศาลก็มีหมายแจ้งวันนัดไต่สวนมูลฟ้องมายังเพื่อนตัวดีของผมซึ่งกำลังจะได้รับแต่งตั้งให้มีฐานะเป็นจำเลย....ฮา....อยากสมรสฉุกเฉินดีนัก...ผมจึงไปเป็นทนายความจำเลย เออ..ตอนสมรสกันไม่เรียกให้ไปนั่งดู...ฮา....แล้วเราจะถามถูกไหมนี่...ฮา

ปากแรกเป็นตัวโจทก์เปิกความเอง (ถ้าพนักงานอัยการเป็นโจทก์พยานปากนี้จะเรียกว่าผู้เสียหาย) เมื่อฝ่ายทนายโจทก์ถามพยานเสร็จผมถามต่อ เรียกว่าซักค้าน

ผมถาม......พยานพบกับจำเลยที่คาเฟ่.....ใช่หรือไม่

พยาน.......ใช่

ผมถาม.....พยานไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน

พยาน......ไม่เคยรู้จักมาก่อน หนูเห็นหน้าและรู้จักที่คาเฟ่

ผมถาม....ใครเข้าไปในคาเฟ่ก่อนระหว่างจำเลยกับพยาน

พยาน.....หนูไม่ทราบเพราะเห็นกันตอนที่ดื่มเบียร์ไปสองสามขวด แล้วจำเลยลุกจากโต๊ะมาขอนั่งด้วย ตอนนั้นหนูนั่งกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน

ผมถาม......จำเลยไปกับใครกี่คน

พยาน........เห็นไปคนเดียว

ผมถาม......แสดงว่าจำเลยเข้ามาขอนั่งดื่มกับพยานและเพื่อนของพยานด้วยใช้หรือไม่

พยาน.......เพื่อนของหนูนั่งดื่มอยู่อีกสักประเดี๋ยวก็ขอตัวกลับไปก่อน คงเหลือเพียงจำเลยกับหนูนั่งดื่มต่อจนประมาณตีหนึ่งจึงขอตัวจะกลับ

ผมถาม......แล้วใครจ่ายค่าอาหารเครื่องดื่ม

พยาน.......จำเลยบอกจะขอเลี้ยงเองหนูเลยให้จำเลยจ่าย

ผมถาม....แล้วพยานไปไหนต่อกับจำเลย

พยาน.....จำเลยบอกจะพาไปส่งบ้านพอขึ้นรถของจำเลยหนูก็หลับไปเลย

ผมถาม.....แล้วพยานมาทราบว่าอยู่ในโรงแรมม่านรูดเมื่อไหร่

พยาน.....หนูมารู้ว่าเป็นโรงแรมม่านรูดตอนที่จำเลยปลุกให้ตื่นเพื่อลงจากรถของจำเลย และจำเลยบอกให้หนูเข้าไปในห้อง

ผมถาม.....ตอนเดินเข้าห้องไปใครเข้าไปก่อน

พยาน....จำเลยเข้าไปก่อน

ผมถาม....แล้วทำไมไม่หนีไปตอนนั้นเลยหรือร้องให้ใครช่วย

พยาน.....เพราะไม่คิดว่าจำเลยจะพาหนูเข้าไปข่มขืนเลยเดินตามเข้าไป

ผมถาม.....ในโรงแรมนี้ด้านหลังห้องเป็นหน้าต่างสามารถมองเห็นสัตว์ต่างๆที่ทางโรงแรมเลี้ยงไว้ให้ดูใช่หรือไม่ (รู้ได้ไง...ห้ามสงสัยผมนะเพราะไปสืบมา..ฮา..)

พยาน......ใช่

ผมถาม.....สัตว์ที่เห็นมีพวกกวาง นกยูงแล้วก็เสือ

พยาน....ไม่มี....เท่าที่หนูเห็นมีแต่นกหงส์หยกอย่างเดียว

ผมถาม.....พยานแน่ใจนะไม่มีไก่ฟ้าอยู่ด้วยผมมีหลักฐานนะ

พยาน.......ไม่เคยมีแน่นอน เท่าที่หนูเคยเห็นก็มีแต่นกแก้ว

ผมถาม......ก็ไหนบอกว่ามีแต่นกหงส์หยกแล้วมาบอกว่ามีนกแก้ว....ตกลงที่พยานกำลังเบิกความก็เป็นความเท็จ นี้ขนาดมีนกอะไรบ้างยังพูดไม่ตรงความจริงเลย (ขณะถามพยานจะหันไปมองท่านทนายโจทก์ ผมถามเสียงดังมาก) ไม่ต้องมองท่านทนายโจทก์ คุณมีหน้าที่มองผมและตอบผม ตกลงเท็จหรือไม่ตอบ

พยาน.....(ทำหน้าคล้ายจะร้องให้) เมื่อก่อนมีแต่ครั้งนี้ไม่มีนกแก้ว

ผมถาม....แสดงว่าพยานเคยเข้าไปโรงแรมนี้หลายครั้งแล้วถึงกล้ายืนยันว่าไม่เคยมีกวาง นกยูง เสือ ไก่ฟ้า

พยาน.....ไปหลายครั้งหนูไม่เคยเห็นจริงๆ

ผมถาม.....แล้วพยานไปกับใครบ้างตอบผม (ถามเสียงดังมาก)

พยาน......เงียบ....หันไปมองท่านทนายโจทก์ ไม่ตอบ...

ผมถาม....พยานไปกับแขกของพยานใช่หรือไม่ และไม่เคยจำชื่อแขกที่ไปด้วย

ท่านทนายโจทก์.....ผมขอค้าน.....

ศาล.....ค้านอะไร...ท่านทนายจำเลยถามต่อ

ผมถาม.....พยานจำได้ว่ามีนกแก้วด้วยเมื่อก่อน เพราะพยานยินยอมไปกับแขกของพยานเพราะต้องการเงิน  กับจำเลยพยานยินยอมไปด้วยเพราะต้องการเงิน(ยังใช้เสียงดังมาก)

พยาน.....ก็....คนอื่นเค้าให้ 3,000 แต่นี้ให้หนู 1,500 จะบอกว่ายินยอมได้ไง  

ผมหมดคำถามเพียงเท่านี้สำหรับตัวโจทก์ส่วนพยานอื่นที่โจทก์นำมาสืบก็มีผู้ปกครองของโจทก์ อีกหนึ่งปากซึ่งเป็นเพียงพยานบอกเล่า คดีนี้หาประจักพยานอยากเพราะเหตุเกิดก็รู้เห็นเพียงคนสองคน ต้องอาศัยพยานอื่นประกอบให้เจือสม เมื่อไต่สวนมูลฟ้องเสร็จ ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ปรากฎว่าศาลพิพากษาว่าคดีไม่มีมูลให้ยกฟ้องโจทก์ และคดีก็จบเพียงศาลชั้นต้น โจทก์ไม่อุทธรณ์คดีต่อไป

คดีนี้ในคำพิพากษาของศาลวินิจฉัยไว้ชัดแจ้งว่าจากคำเบิกความของตัวโจทก์ที่รับว่า เดินตามจำเลยเข้าไปในห้อง กรณีหนึ่ง รับว่าสภาพห้องมีสัตว์จำพวกนกให้แขกดูด้วยกรณีหนึ่ง และรับว่าจำเลยจ่ายเงินให้เพียง 1,500 บาท อีกกรณีหนึ่ง จึงเชื่อได้ว่าโจทก์สมัครใจไปกับจำเลยเพื่อร่วมประเวณี เพราะโจทก์สามารถหลบหนีได้ตั้งแต่ตอนเดินเข้าห้องแต่ไม่หลบหนี และโดยสภาพของผู้ที่กำลังถูกข่มขืนคงไม่มีเวลาที่จะมองดูนกที่อยู่หลังห้องด้วยเหตุนี้ศาลท่านจึงยกฟ้องโจทก์

ตอนที่ท่านทนายโจทก์ถามเป็นคำถามเรดอาร์ จึงไม่อาจนำมาเล่าได้  เพราะต้องสืบให้ครบองค์ประกอบความผิดของกฎหมาย เช่นจำเลยทำอย่างไร แสดงท่าอย่างไร และอีกอย่างผมขาดประสมการณ์เลยเล่าไม่ถูก.....ฮา......

หากทานผู้ใดต้องการให้ผมไปเป็นทนายให้ในคดีประเภทนี้ กรุณาโทรนัดหมายผมให้ไปนั่งดูด้วยตาตนเอง...ฮา...

เพราะเวลาซักถามพยานจะได้ถามตรงประเด็น.....ฮา....

คราวหน้าจะเล่าเรื่อง

การครอบครองปรปักษ์ที่ดิน....เจ้าของที่ดินต้องรู้

หมายเลขบันทึก: 337229เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2010 01:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)

สวัสดีครับคุณฝนแปดแดดสี่

         สุดยอดครับ  ประเด็นอยู่ตรงที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเพื่อนคุณ  และคุณก็เชื่ออยู่เต็มอกว่าเป็นการสมยอม  วิธีการสอบใช้ได้เลยครับ  แต่ผมยังสงสัยว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาไม่ใช่เพื่อนคุณ  คุณจะตั้งสมมุติฐานว่าเป็นการสมยอมหรือไม่  ถ้าผมถูกกล่าวหาบ้าง ผมใช้บริการของคุณแน่นอน  โดยให้คุณมีส่วนร่วมตั้งแต่การพาน้องออกไปข้างนอกร้านอาหารแล้ว  และให้มีส่วนร่วมทุกขั้นตอนด้วย  อิ อิ

สวัสดีค่ะ คุณทนาย ห่างหายไปซะนานเลย

ขอบคุณนะคะ สำหรับบทความ

บุญรักษาค่ะ ^_^

สวัสดีครับคุณครู P ครูอ้อย แซ่เฮ คนงาม

คุณครูมาแต่เช้าเลยนะครับ ผมกำลังฝันถึงนางสาวนามสมมุติพอดี

แต่ฝันว่าทำอะไรไม่บอกต้องใช้จิตคิดเอาเอง อิ.อิ.

ขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจครับ

สวัสดีครับท่าน P สมนึก โทณผลิน

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

กรณีที่เล่ามานี้ หากฝ่ายหญิงไม่ถูกมอมยาหรือเมาแล้วเข้าไปในม่านรูดสถานที่ซึ่งคนทั่วไปรู้ว่าเขาเข้าไปทำอะไรกัน คงไม่มีใครคิดว่า ทั้งคู่พากันเข้าไปอ่านตำรากฎหมายแน่....อิ.อิ.

ทนายทุกท่านที่รับเรื่องประเภทนี้มาผมเชื่อว่าจะมองไปทางว่าสมยอมก่อนเสมอ เพราะทั้งช่วงเวลา สถานที่ ไม่มีอะไรบ่งบอกว่ากุลสตรีท่านใดจะสมควรเข้าไป แต่เผอิญรายนี้เป็นเพื่อนผม จึงลดภาระการพิสูจน์ความจริงฝ่ายผมไปได้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นบุคคลที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนก็จำเป็นครับที่ต้องสืบให้ทราบทั้งฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาและฝ่ายผู้เสียหาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า เรามีส่วนช่วยสร้างความทุกข์ที่ฝังใจให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ยิ่งทำให้ทนายนอกจากไม่มีโอกาสขึ้นสวรรค์แล้วแม้แต่จะขอไปแวะหาเพื่อนบนสวรรค์ยังไม่ได้เลยครับ...อิ.อิ. เออ..ผมก็ดูเป็นคนดีที่น่ารักนะ.....ฮา....

แต่ความคิดที่จะให้ผมมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ก็น่าคิดนะ แต่จะให้ใครเป็นทนายดีหละครับเพราะเราต้องตกเป็นจำเลยทั้งคู่.......ตอนนี้มีรุ่นพี่ท่านไปรออยู่ก่อนแล้วคือ อาศักดิ์ดา กับลุงเฉลิม ถ้าคิดจะทำต้องรีบแล้วครับเดี๋ยวท่านทั้งสองออกมาเสียก่อนเราจะขาดเพื่อนร่วมสถาบัน...ฮา...

หรือว่าจะลองนอกใจคนที่บ้านสักวันก่อน ผมจะอ้างว่าไปหาท่าน ส่วนท่านก็อ้างว่ามาหาผม น่าจะดูดีนะงานนี้...ฮา...

ขอขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจครับ แล้วผมจะแวะไปบ้านท่านนะครับ

สวัสดีครับคุณ P sOul คนหัวใจงาม

กลับจากอ.ธาตุพนมมาหลายวันแล้วหรือครับ

เจ้าน้องปลาตัวเล็กๆที่คุณโซลทำ Spa แล้วผมยากรู้จังว่าภาคต่อไปเจ้าน้องปลาจะเป็นปลาแดดเดียวในท้องใคร อิ.อิ. ช่วงวันแห่งรักคงได้พบแต่สิ่งที่รักนะครับ

ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจนะครับ

อ่านแล้วแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เรื่องสัตว์เลี้ยงจะกลายเป็นเรื่องโยงให้สาวเจ้าติดกับดักได้ ๕ ๕ นะคุณทนายแปดฯ

ภาพประกอบงามลงตัว แปลกดีจัง ทั้ง แสง สี  ...  เพิ่งทราบว่าคุณทนายอยู่บางกอก คิดว่าอยู่เมืองนอง ;)

สวัสดีครับคุณ P poo ดำอันดามัน

บางครั้งมันจำเป็นครับที่เราต้องใช้เล่ห์ทนายถามพยานเพื่อให้ได้ความจริงไม่งั้นคนไม่ผิดจะต้องได้รับโทษจะยิ่งเป็นกรรม ไม่ได้ขึ้นสวรรค์แล้วขอผ่านก็ยังดี สุภาษิตกฎหมายว่าไว้ ยอมปล่อยคนผิด 10 คนดีกว่าเอาคนดี1 คนเข้าคุก ครับ

คำถามของทนายทุกท่านในศาลฟังดูธรรมดาๆ แต่จริงแล้วทนายทุกท่านมีเป้าในการถามที่ลึกกว่านั้นมากครับ บางกรณีคำถามไม่เกี่ยวกับเหตุที่เกิดเลย แต่ถามเพื่อให้ศาลรู้หรือได้รับฟังแล้วมองเห็นสภาพแวดล้อม อย่างที่ผมถามเรื่องสัตว์เลี้ยงที่อยู่หลังห้องพัก คิดดูหากใครตกอยู่ในสภาพที่ถูกข่มขืนจริงๆแล้วจะมีเวลาไปนั่งดูสภาพแวดล้อมให้จดจำหรือครับ แต่ก็ขึ้นกับการสืบสวนของทนายแต่ละท่านครับว่าได้รู้ความจริงมากน้อยเพียงใด ลูกความบางท่านไม่ยอมพูดความจริงกับทนายของตัวเอง คิดแต่ว่าไม่เล่าก็ไม่มีใครรู้ แต่ท่านลืมคิดไปว่าอีกฝ่ายก็มีทนาย ถ้าเกิดอีกฝ่ายรู้เมื่อความจริงปรากฎในศาลย่อมเป็นผลเสียครับ

ภาพที่เห็นผมถ่ายด้วยกล้อง Nikok D50 เลนส์มาโคร 100  tokina F2.8 ความเร็วชัตเตอร์ 1/500 เปิดหน้ากล้อง F 9 ถ่ายในสภาพย้อนแสงมุมเสยขึ้น ภาพเลยออกมาอย่างที่เห็น

ผมเป็นชาวพังงาแท้ครับ ตระกูลผมอยู่พังงา แต่มาอยู่กทม. ตั้งแต่ปี 2516 

ขอบคุณที่แวะมาครับ

สุดยอดค่ะเป็นกุศโลบายที่แยบยลมากในการซักพยาน

แล้วจะมาแวะใหม่นะคะ....ขอบคุณเรื่องราวที่เเบ่งปันค่ะ

ครูกระเเต

สวัสดีครับคุณครู  P กระแต

ยินดียิ่งที่ได้รู้จักครับ

เป็นเพราะผมทราบความจริงจากเพื่อน จึงต้องหาวิธีการให้ศาลได้รับทราบความจริงด้วย แต่ตอนนั้นไม่คิดว่าจะทำให้คดีไม่มีมูลครับ คิดเพียงว่าถามติดสำนวนไว้ตอนสืบพยานภายหลังจากศาลสั่งประทับรับฟ้องแล้วตัวโจทก์จะต้องมาเบิกความซ้ำอีกครั้ง ผมเชื่อว่าเมื่อเบิกความเท็จแล้วรับรองว่าให้พูดอีกครั้งจะไม่ตรงกัน ผิดกับความจริงครับ พูดกี่ครั้งก็ตรงเพราะพบจริงเห็นจริงซักยังไงก็ได้ตามเดิมครับ อีกอย่างทุกคนเวลาขึ้นศาลมักจะกลัวศาลเป็นทุนเมื่อทนายถามเสียงดังๆ และสายตาต้องจองตาของพยานไปด้วย จะยิ่งกลัวครับ พยานบางท่านถึงกับตกใจเป็นลมก็มีแต่ถ้าพยานท่านนั้นเป็นตำรวจ อัยการ ทนาย ผู้พิพากษา ต้องพยายามตัดโอกาสการพูดของพยานให้มาก ถ้ารับกันในประเด็นที่พยานจะเบิกความแล้วให้งดสืบพยานปากนั้นไปได้เลยยิ่งดีครับ

ขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจครับ แล้วผมจะแวะไปบ้านท่านครับ

สวัสดีครับ ชาวฝนแปดแดดสี่

เขียนกฎหมายให้อ่านสนุกครับ ชอบครับ ทนายอารมณ์ดีมีให้เห็นแล้วครับ

มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณจริง ๆ

สวัสดีครับท่าน  P พรชัย 

ขอบพระคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ แล้วผมจะแวะไปบ้านท่านครับ

ผมพยายามนำเอาหลักกฎหมายมานำเสนอให้ได้เรียนรู้แบบง่ายๆไม่เบื่อและเอามาเท่าที่ทุกท่านต้องพบเจอหรือต้องรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ก็ตั้งใจเขียนให้อ่านสนุก แต่นำวัตถุดิบมาจากประสบการณ์จริงของผม คิดว่าในช่วงปลายของชีวิตอยากทำอะไรที่ยังประโยชน์ต่อสังคมบ้าง เผื่อได้ผ่านไปเห็นสวรรค์กับเค้ามั่ง...ฮา....

ขอบพระคุณอีกครั้งครับ

สวัสดีครับท่าน ชาวฝนแปดแดดสี่

ขอบคุณสำหรับการกลับมาของท่านนะครับ

เพราะทำให้ผมได้รับความรู้ดีๆ ไปใช้อีกแระ อิอิ

สวัสดีค่ะท่านทนาย

ขยันเขียนเรื่องราวดีๆ มีสาระมาแบ่งปันแบบนี้ เทวดาท่านคงไม่ใจดำหรอกค่ะ...น่าจะแบ่งวิมานให้สักหลัง อิอิ

ภาพให้พักดื่มน้ำปัสสาวะ สวยจังเลยค่ะ

สมแล้วก็เล่นกล้อง...ว่าแต่ดอกอะไรเหรอคะ? สีม่วงสวย น่ารักเชียว^v^

ขอบพระคุณค่ะ...แล้วจะติดตามอ่านต่อไป

สวัสดีค่ะ

  • 55555555555555  สนุกจริงๆๆ
  • ได้เป็นทนายฟามงานนี้ถือว่าสุดยอด  
  •  เพราะเป็นงานที่คุณทนายฟามถนัดที่สุด
  • ถ้าในทางกลับกันเพื่อนของคุณทนายฟามก็เป็นทนายความ
  • และกำลังเป็นทนายความให้กับคุณทนายฟาม
  • เรื่องนี้การเล่าจึงสามารถเล่าได้ทุกฉากแม้แต่เรื่องนกแก้วนกขุนทอง
  • (เรื่องพักดื่ม........ไม่หลงกลเพราะใช้กับเด็กเป็นประจำ  55555555)
  • กรณีเช่นนี้การเล่าเรื่องให้ทนายความฟังคงชัดเจนขึ้น
  • เอาเรื่องจริงมาเล่าเล่นๆก็เป็นประโยชน์ต่อสังคม
  • ขอแสดงความชื่นชม.....คงไม่ส่งลูกไปเรียนทนายแน่ๆ
  • สำรวจประชากรแล้ว  ไม่มีใครได้ไปสวรรค์เลย 
  • เพราะ ทนายสามารถทำเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูกได้  
  • (ก็จ่ายไม่ครบถือว่าผิด ข้อตกลง)
  • และสามารถทำเรื่องถูกให้เป็นเรื่องผิดได้ 
  • เพียงใช้วาทะ  คารม  และ ช่องว่างของกฏหมาย......5555
  • ขอบคุณ  ขอบคุณจริงๆ

 

สวัสดีครับท่าน P ยะ

หากจะนำไปใช้ต้องนัดให้ผมไปดูด้วยนะครับ เป็นห่วงว่าจะใช้ผิดวิธี อิ.อิ.

ขอบคุณที่ติดตามครับ

สวัสดีครับคุณ P  ดาวสีฟ้า

คงจะไม่ไปอยู่สวรรค์ครับกลัวเหงา

เพราะข้างบนมีท่านทนายเทวดาหลงขึ้นไปอยู่ท่านเดียว....ฮา

ดอกไม้ที่ถ่ายมาเรียกว่าดอกผีเสื้อราตรีหรือผีเสื้อกลางคืนหรือ Oxalis ครับใบเป็นแบบในภาพนี้ครับ

ผมแอบไปค้นชื่อภาษาที่ถูกต้องจากบ้านคุณดาวหลายรอบแล้วไม่เจอครับ

ดอกสวยใบดูลึกลับ ชอบร่มเงา มีดอกตลอดปี

ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจครับ

สวัสดีครับคุณครู P ดาวเรือง 

คราวหน้าคงต้องให้พักปัสสาวะแล้วดื่ม....น้ำครับ อาจหลงดื่มเข้าบ้าง...ฮา...

ความจริงงานนี้ผมยังขาดประสบการณ์จริงครับ

รู้แต่ทฤษฏี ขอเพื่อนดูก็ไม่ยอย อิ.อิ. (คนยากเรียนรู้ไม่น่าหวงกันเลยเนอะ)

หากไม่ให้ลูกเรียนกฎหมายไม่กลัวลูกเหงาหรือครับ

ข้างบนเพื่อนน้อยนะครับ อิ.อิ.

ความจริงถ้านางสาวนามสมมุติฟ้องเรียกค่าสินค้าส่วนที่ขาดชำระ

ผมคงต้องปล่อยให้ไอ้เพื่อนตัวดีไปผจญภัยเอาเอง

..เออ..ลดราคาตั้งครึ่งเค็มจัง เพื่อนเรา

ขอบคุณครับที่แวะให้กำลังใจ

แวะมาให้กำลังใจ...งานนี้ได้เข้าสวรรค์ไหมเอ่ย...เดี๋ยวเอาดอกบัวไปบูชาพระหน่อย...เผื่อจะเข้าสวรรค์ได้...อิ...อิ

 

ท่านทนายครับเรื่อง พยานใบ้ก็น่าสนครับ หรือจะจับเอาไส่ในเป็ดก็สนุกครับ

ได้สาระทางกฎหมาย ห่างหายไปเกือบสามสิบปีมิได้หยิบมาอ่านเลยครับ

ผีเสื้อราตรีภาพนี้งามจริงๆค่ะ เจอเซียนกล้องแล้ว ... ถ้ามีโอกาส อย่าลืมจับภาพน้องฟ้ากะนายเมฆ มาให้ชมกันบ้างนะคะ คงจะงามแจ่ม ขอบคุณค่ะ

แบบนี้ก็มีด้วยนะคะ

แล้วสุดท้าย น้องคนนั้นได้เงินเพิ่มอีก 1500 ไหม๊คะ สงสารเขาอ่ะ

สวัสดีครับคุณครู P ปริมปราง 

ขอบพระคุณสำหรับดอกบัวบูชาพระครับ แต่ไม่ยากไปสวรรค์กลัวเหงา อิ.อิ.

งั้นขอส่งดอกบัวกลับมาครึ่งหนึ่ง จะได้อยูใกล้ผู้สาว....แฮ

ขอบคุณครับที่มาให้กำลังใจ

สวัสดีครับท่าน P วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

ขอบพระคุณครับสำหรับคำแนะนำที่ดี

เรื่องพยานใบ้ตอนเรียนสนุกและฮามากครับ แต่ในการทำคดียังไม่เคยเจอของจริงจะเจอแต่พยานต่างชาติต้องใช้พนักงานแปลตามกฎหมาย ผมจะลองดัดแปลงเรื่องพยานใบ้มาเล่าเป็นเรื่องสั้นแทน ครับ

ขอบพระคุณที่ติดตามให้กำลังใจและคำแนะนำที่ดีครับ

ปล.เรื่องตำนานรถเมล์ บจง.ผมจำไม่ได้จริงๆครับ จำได้แต่ว่าอาก๋ง (นายล๋อง บุญรักษ์) เคยมีรถเมล์คันแรกของพังงาวิ่งระหว่างพังงา-ภูเก็ต เป็นรถใช้เครื่องจักรไอน้ำ แล้วตอนหลังมาเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ดีเชล เวลาสต๊าดเครื่องต้องใช้มือหมุน แต่กำลังสอบถามจากญาติผู้ใหญ่จากยุคนั้นที่ยังเหลืออยู่ว่ามีใครพอจำได้บ้าง ขอเวลาสักสี่วันจะแจ้งให้ทราบครับ ท่านถามมาเลยทำให้นึกคิดถึงตำนานหลายๆเรื่องเมื่อกว่า 50 ปีก่อนทั้งที่พบเห็นเองและจากคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อน คงมีเรื่องเล่ากันอีกมากครับ

สวัสดีครับคุณ P  pooดำอันดามัน

เมื่อก่อนก็เคยถ่ายน้องฟ้ากับนายเมฆไว้ครับต้องลองค้นดูก่อนแล้วจำเอามาให้ชม ช่วงหลังชอบถ่ายแนวมาโคร น้องฟ้ากับนายเมฆเลยไม่ได้ค่าตัว

ผมไม่ใช้เซียนกล้องครับเพราะไม่เล่นกล้องแต่ ผมชอบถ่ายภาพครับ อิ.อิ.

ขอบคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ

สวัสดีครับคุณ P Orn คนน่ารัก

เจ้าเพื่อนตัวดีของผมมันเค็บพอควรครับ จนปานนี้มันยังไม่จ่าย 1,500บาทเพิ่มเลยครับ แต่สังเกตว่ากรรมจะตามมันทัน เพราะซื้ออะไรช่วงหลังนี้มันจะได้ของแพงครับ โสน้าน่ามัน อิ.อิ.

ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจครับ

สวัสดีครับท่านทนาย

มาช่วยค้นหาประวัติศาสตร์ชุมชน ให้คนรู่นหลังได้เรียนรู้ ดีมากครับท่าน

สมัยผู้เฒ่าอยู่ที่บ้าน บ่อแสนไปติดต่อราชการที่อำเภอต้องเดินครับ

การเดินไปจังหวัดสะดวกกว่า โดยสารทางเรือไปขึ้น วังหม้อแกง

ผู้เฒ่าเคยดำรงตำแหน่ง นายท้ายเรือ รับกุ้งปลา อาหารทะเล ไปส่ง เถ้าแก่ หยู

ร้านน้ำชาที่คนหากินรู้จักกันดี คือร้านน้ำชา โกหยก น่าหยิยยกมาเขียนนิยาย

คนบ่อแสน ท่าไทร พรุเตาะเกาะหมาก สามแหลมเกาะไม้ไผ่ เกาะปันหยี ลามไปถึงแหลมสัก กระบี่ต่างรู้จัก โกหยกดี ครับ

สวัสดีครับท่าน P วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

ตระกูลผมทำกิจการตั้งแต่รุ่นอาก๋ง ก็มีทำไม้ฟื้นขายให้กับ บริษัทพังงาทิน ทำโรงเลื่อยไม้ ทำเตาถ่าน ทำโรงแรม ทำเหมืองแร่ ทำโรงหนัง ทำสวนยาง รับเหมาก่อสร้าง เลี้ยงกุ้งกุลาดำ ทำเรือบรรทุกสิ้นค้าส่งไปปีนัง

ท่านวอญ่าสกิดให้ผมมีเรื่องเล่าอีกมากเลยครับ คงต้องเพิ่มหมวดหมู่ หากท่านไม่สกิดผมก็ไม่ได้นึกคิดถึงเรื่องพวกนี้ มัวแต่คิดเรื่องกฎหมายทางเดียว

ต้องขอขอบพระคุณอีกครั้งครับ

สวัสดีครับคุณครู P New.ครูบันเทิง 

จะเอาไปส่งค่าหน่วยกิตให้ใครหรือครับคุณครู อิ.อิ.

ขอบพระคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ

  • อิอิอิอิอิอิอิอิอิ
  • ฮาและได้สาระจริงๆ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณ P แมว

ใช้ครับสนุกและได้รู้ว่าสิทธิของหญิง-ชาย ในคดีอาญาใกล้เคียงกันมากแล้ว

กฎหมายที่แก้ไขใหม่ภรรยามีโอกาสจะทำอะไรได้บ้างในทางกฎหมาย

และอีกประเด็นได้เข้าใจกันเสียทีว่าเมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่า ศาลรับฟ้อง

ขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจตลอดครับ

ปล.

แวะไปอ่านบทความใหม่แต่ไม่ได้แสดงความเห็น ชอบภาพผีเสื้อจับคู่ ไม่ทราบคุณแมวไปแอบถ่ายจากไหนครับ ระวังมีความผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำภาพแอบถ่ายคู่รักมาโพสนะครับ อิ.อิ.

  • เฮ้อ!!! อ่านเสร็จจะไปทานข้าวกลางวัน ..ติดพันขนาดไม่ยอมพักดื่มน้ำปัสสาวะก่อนด้วยกลัวทานข้าวไม่ลง (อิ่ม).. ตอนท่านทำหน้าที่ทนายบนศาล ท่านทนายคงดุน่าดูเลยนะค่ะ.. ไม่ได้ตลกเหมือนเขียนบันทึกแน่ๆ ป้าเหมียวนึกหน้าท่านเวลาถาม... เหมือนเวลา ดู... ท่านเปาปุ้นจิ้นยังไงยังงั้นเลยค่ะ...เปิดศาล...แดวู ๆๆๆๆๆๆ

สวัสดีครับคุณ P ป้าเหมียว

อิ.อิ.ลืมบอกป้าว่าเวลาฟังต้องเว้นวรรค เวลาอ่านยาวเลย "พักดืมน้ำปัสสาวะ" ไม่งั้นจะงง ยิ่งสูงวัยยิ่ง งง...ฮา...

ตอนอยู่ในศาลสุดหล่อไม่กล้าทำหน้าดุผู้สาวครับ มีแต่ถามด้วยวาจาสุภาพ อย่างเช่น "ขอโทษครับคนสวยเบอร์โทรไม่ต้อง เบอร์ห้องอย่างเดียว"...อิ.อิ.

แต่ถ้าเป็นป้าต้องทั้งยิ้มและใช้วาจาสุดสุภาพ เพราะอดีตเคยสวย....แฮ....

ขอบพระคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท