เมื่อไม่ลองก็ไม่รู้ว่าวิจัยที่มีชีวิตคืออะไร...
หากเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ ๖ ปีก่อนผมยังคงจำได้ว่ามีงานวิทยานิพนธ์ชิ้นนึง (เจ้าของก็คือ อ.นุมาน สะอะ) นำมาให้ผมตรวจทานภาษาในการเขียนด้วยความเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ ขณะเรียนปริญญาตรีก็ทำเท่าที่ทำได้จนเจ้าของวิทยานิพนธ์กลับมาบอกว่า “อาจารย์ให้ผ่านแล้วนะบังเขียนมาตั้ง ๒ ปีแล้วกว่าจะผ่าน...อัลฮัมดุลิลละฮฺ)
เมื่อผมมานั่งนึกถึงการทำงานในวันนี้ผมไม่เคยผ่านการเรียนวิจัยมาก่อนสมัยเรียนมาเจอคำว่า “วิจัย” อีกครั้งก็ตอนเรียนปริญญาโท แต่โอ้โฮอะไรจะสอนได้งงขนาดนั้น ผมยิ่งสับสนกับงานวิจัย เริ่มฟัง เริ่มอ่าน รับงานมาตรวจทานมากขึ้น ผมอ่านบล็อกการดำเนินการวิจัยที่ อ.จารุวัจน์ สองเมือง พูดถึงมาอย่างต่อเนื่องพยายามเรียนรู้กระบวนการต่างๆ จากคำว่า “เกลียดเหลือเกินอย่าเจอเลยงานวิจัยเพราะไม่รู้เรื่อง...” มา ณ ตอนนี้เริ่มรักที่จะเรียนรู้ ทุกงานที่ทางคณะ หน่วยงาน สถาบันใดจัดการอบรมหรือบรรยายการทำวิจัยหรือนำเสนองานวิจัยผมชอบที่จะเข้าร่วมเพื่อฟังมุมคิดและกระบวนการต่างๆ ได้อ่านบทความวิชาการ ได้อ่านบทความวิจัยเลยทำให้ผมเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมากขึ้น ที่สำคัญมีงานมากมายที่ให้ตรวจทานภาษาเขียนในฐานะคนจบเอกภาษาไทย ผมเรียนรู้กระบวนการทำวิจัยจากหลายงานที่ได้ตรวจทานงานแนวนั้นเป็นอย่างนั้นงานแนวนี้เป็นอย่างนี้ ผมใช้เวลาเท่าที่ได้ฟังได้อ่านได้ตรวจทานเรียนรู้มันไปเรื่อยๆจนผมเข้าใจอะไรบางอย่าง อยากลองศึกษา อยากลองค้นคว้า ใช้จุดอ่อนจุดแข็งของงานที่ได้เคยผ่านพบมาเป็นบทเรียนนำมาเรียบเรียงเพื่อสร้างงานวิจัยของตัวเอง จนวันนี้ผมมานั่งทบทวนกับเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าบางครั้งการทำวิจัยมันก็เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากที่ไหนก็ได้สักแห่งแล้วใช้ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะใฝ่เรียนรู้ นำสิ่งที่ได้มาที่เรียกว่า “องค์ความรู้ใหม่” มาถ่ายทอดสู่ชุมชนสังคมให้ก่อเกิดการพัฒนาสร้างสังคมแห่งความสันติสุขต่อไป
สำหรับผมแล้วทุกวันนี้งานวิจัยชุมชุน คือ สิ่งที่ผมเลือกทำไม่ว่าจะเป็นทางด้านการศึกษา สังคม หรือเยาวชนเพราะผมมีความคิดอยู่ว่าหากเราตั้งโจทย์ที่ฐานของปัญหาด้วยกับชุมคนพื้นที่แล้วนำผู้ที่เกี่ยวข้องในชุมชนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นมาเรียนรู้ร่วมกันสรรค์สร้างทางออกที่ควรจะเป็นด้วยวิธีการที่เขาอยากจะทำเราเพียงแต่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เขาได้เห็นภาพที่ชัดขึ้นผมว่าแค่นี้มันก็มีความสุขแล้วครับ
มีหลายคนมักตั้งคำถามว่าวิจัยแล้วได้อะไร สังคมได้รับอะไรบ้าง (คนที่เลือกถามคำถามเหล่านี้ คือ คนส่วนใหญ่ที่มักไม่เคยคิดลงมาทำสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “วิจัย”) นอกจากงบประมาณที่สูญเปล่าแต่สำหรับผมแล้วไม่เคยคำนึงว่าที่ผ่านมาจะได้งบเท่าใดขอแค่เรื่องหนึ่งเรื่องใดที่เราสามารถช่วยชุมชนสังคมได้บ้างผมก็จะทำครับ เพราะผมเชื่อว่าคนที่ทำจริงจะตอบได้ว่าวิจัยแล้วสังคมจะได้อะไร...วัลลอฮฺอะลัม
สรุปภารกิจวันนี้...
อัลฮัมดุลิลละฮฺครับสำหรับการปรับแก้โครงการวิจัยของ ปปช. เสร็จก่อนกำหนดที่วางไว้สองวัน (อารมณ์จริงๆที่เป็นปัจจัยหลัก) แต่ที่เห็นจะผิดแผนหน่อยคือเรื่องการบรรยายให้ครู สช. ของยะลา ตามกำหนดการเดิมจะเป็นวันที่ ๒๐ ม.ค. แต่ผู้ประสานงานซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่มาเลย์เมื่อเช้าโทรมาประสานใหม่ยืนยันเป็นพรุ่งนี้ (ฮือๆๆ) ดีนะที่ส่งเอกสารประกอบการบรรยายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วhttp://gotoknow.org/blog/fuad1011/328668 พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ครับ...อิอิ
สลามครับ ไม่ดูก็ไม่เห็น
สวัสดีค่ะ
สงสัยจะเข้าสุภาษิต เกลียดอะไรได้อย่างนั้นกระมังครับอาจารย์ ฮิฮิ ดังนั้นช่วงนี้เกลียดคนสวยๆ ไว้เป็นดีครับ
ขอบคุณมากครับพี่
ประสบการณ์เป็นความสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตจริงๆครับ และที่สำคัญประสบการณ์บางอย่างยากที่ใครจะสัมผัสได้้โดยเฉพาะความสุขที่เราเลือกทำครับ
ขอบคุณมากครับอาจารย์
ถ้างั้นขอเกลียดการจบ ป.โท จะได้จบเร็วๆ อิอิ
คนสวยบางคนเกลียดไม่ได้ครับเดี๊ยวเป็นเรื่อง อิอิ
สวัสดีครับน้อง ฟูอ๊าด วิจัยมีชีวิต วัจัยที่กินได้ คือความต้องการที่ชาวบ้านยากได้ครับ
ขอบคุณมากครับบัง
สิ่งที่ชาวบ้านอยากได้และเราช่วยเขาได้สิ่งนั้นเราควรต้องช่วยกันทำครับบัง
เป็นกำลังใจให้ในการทำวิจัยนะคะ แต่ไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่งตอนนี้มหาวิทยาลัยยึดวิจัยเป็นสรณ มากไป เหตุและผลลดลง สังคมมหาวิทยา ให้ KPI กับงานวิจัย มากจนลืมมองด้าน อื่น ๆ
ขอบคุณมากครับ
adcharatt
ขอเป็นกำลังใจให้เช่นกันครับ
ผมก็คิดเหมือนคุณ adcharatt
นานมาแล้วได้ดูรายการ 60 minutte เขาให้ไปดูมหาวิทยาลัยต่างๆในสหรัฐ
ผมรู้สึกว่าเหมือนมหาวิทยาลัยในประเทศไทยกำลังก้าวตามปัญหาที่เกิดขึ้นในสหรัฐ
อ.ดีๆ สอนเก่งๆ ไม่ค่อยจะมีที่สอน เพราะมหาวิทยาลัยต้องกร อ.ทำวิจัย
หวนกลับมามองเรา .. วิจัยเราที่ทำอยู่ .. เราเดินตามแนวหรือกระแสอะไร
เรากำลังเป็นคนหนึ่งที่จะศึกษาบนความเป็นอยู่ที่เลือกลองผิดลองถูกแล้วมาทำเป็นองค์ความรู้ใหม่
น้อยคนนักหรือแทบนับนิ้วมือได้คนที่ทำวิจัยที่หาความจิรงจากความจริง الحق
เพราะรู้สึกว่า ถ้าจะทำวิจัยหาความจริงจากคำสั่งสอนที่แกนหลักของอิสามแล้วไม่ค่อยมีคนสนับสนุน
เป็นสาเหตุหนึ่งของที่มา ที่ผมยังไม่ทำวิจัย
วิจัย เป็นเรื่องน่าสนใจ น่าส่งเสริม
แต่ก็ต้องยืนหยัด ยินอยุ่ บนสิ่งที่สังคมต้องการ
มากกว่าไปตอบโจทย์ขององค์กรที่ต้องผลประโยชน์จากงานวิจัย
สู้ๆๆ
ขอบคุณมากครับอาจารย์...
วันนี้เราคงต้องตอบโจทย์ตัวเองให้ได้ครับว่าเราทำเพื่ออะไร หากคำตอบชัดก็ไม่ควรรอช้าครับ เพราะมิอย่างนั้นคนที่มีเป้าหมายต่างจากเราเขาอาจฉกฉวยช่วงชิงสิ่งที่มันควรจะเป็นบนพื้นที่แห่งนี้โดยไม่แคร์อะไรเลย มันเป็นหน้าที่ของเราแล้วครับ