วิธีบริหารเจ้านายของดิฉัน สอนได้แต่ทำไม่ได้


24-9-52

                               

                        วิธีบริหารนาย บทเรียนก่อนจะเป็นผู้บริหาร

วันนี้หลังจากไปเลือก ส.ว.แล้วดิฉันได้ฟังวิทยุจากอาจารย์ท่านหนึ่งคุยถึงเรื่องว่าเราจะทำอย่างไรถ้าเจอนายที่ (เราคิดว่า)ไม่มีวิสัยทัศน์   ทำงานแบบผู้จัดการแต่ชอบมาดูรายระเอียดเหมือนเสมียน    ชอบยุ่งทุกเรื่อง    หรือบริหารไม่ถูกใจเรา     คำถามคือเราจะทำอย่างไร           ดิฉันเคยอ่านของอาจารย์ท่านหนึ่งเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว    และจากการจำๆมาเลยมาเล่าให้ฟังค่ะ

1   เข้าใจนาย    เราคงต้องเข้าใจเจ้านายแต่ละคนว่าท่านเป็นคนอย่างไร   ชอบและมีวิธีทำงานอย่างไร    ทั้งนี้เพื่อให้มีโอกาศทำงานร่วมกัน     ถ้าคุณหนีไปไกลๆจะมีโอกาศทำงานได้อย่างไร

2   สร้างผลงานของคุณเพราะคุณสามารถทำงานได้ถึงแม้เจ้านายที่ทำงานแบบไม่มีวิสัยทัศน์ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะคิดอะไรดีๆไม่ได้    ผลงานที่คุณสร้างขึ้นอาจจะเป็นของเจ้านายคุณก็ได้ (ถ้าเจอเจ้านายที่ชอบมีผลงานเยอะๆ)  

3   ห้ามแสดงความเห็นที่ขัดแย้งเจ้านายต่อหน้าผู้อื่นเพราะเจ้านายบางคนอาจจะไม่ชอบให้ใครเก่งเกินตนเอง

4   หาทางบอกเจ้านายเช่นหาหนังสือให้อ่านโดยวิธีสื่อสารที่ไม่ทำให้รู้สึกว่า    นายนี่ช่างโง่จริงๆนะ   เอาหนังสือไปอ่านซะ (ทำอย่างไรน่าจะรู้นะคะ)

5   พัฒนาตนเองและเสนอไอเดียที่เจ้านายรู้สึกเหมือนว่านายคิดเอง

6   เรื่องที่เป็นปัญหาพยายามแก้ปัญหาให้เสร็จแล้วค่อยรายงานเพราะโดยปกตินายก็มีเรื่องมากพอแล้ว   

ใครนึกออกกรุณาเพิ่มเติมได้ค่ะ

ส่วนเรื่องบริหารลูกน้องดิฉันจะไม่เอ่ยถึงเพราะผลงานของเราส่วนใหญ่ลูกน้องต้องเป็นผู้ทำ          บริหารไม่เป็นก็ไม่มีผลงานค่ะ

ทั้งหมดนี้คงทำได้บ้างไม่ได้บ้าง     จริงบ้างไม่จริงบ้าง     อ่านแล้วใครอยากเป็นผู้บริหารลองพิจารณาดูนะคะ           เผื่อจะเป็นการคิดนอกกรอบของเรา     เวลาทำงานจะสุขขึ้นเยอะเลยค่ะ

สร้าง: พฤ. 20 เม.ย. 2549 @ 22:17 แก้ไข: พ. 01 ก.ค. 2552 @ 16:37
ดิฉันเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ยังเป้นผอ.ที่บำราศค่ะ   ขอตัดรายละเอียดของcommenออกบ้างนะคะ
ความเห็น
 
คนทำงานชุดขาว [IP: 203.157.14.245]
เมื่อ ศ. 21 เม.ย. 2549 @ 13:32
ชอบมาก ขอบคุณผ.อ.ที่กรุณานำข้อความที่เป็นประโยชน์มาให้ได้ฉุกคิดบ้างก่อนที่จะหัวเสียไปตลอดกาล
 
mom [IP: 203.147.0.48]
เมื่อ ส. 22 เม.ย. 2549 @ 00:19

เป็นความรู้ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการนำไปปฏิบัติ (ถึงแม้บางอย่างอาจจะปฏิบัติได้ยาก) และเป็นสิ่งเตือนใจในภาวะทุกข์จากการปฏิบัติงานได้อย่างดีมากๆ ค่ะ (ขอบพระคุณมากค่ะ)

อ่านแล้วเข้าใจเจ้านายมากขึ้นค่ะ สบายใจขึ้นด้วย ขอบคุณนะคะ

จากคนอื่นๆค่ะ

เพิ่มเติมให้ท่าน ผอ.นะคะ ( คนนี้รู้สึกจะเกลียดเจ้านายมากๆ )

ผู้นำและผู้บริหารงานควรหลีกจากทางพินาศ11 ประการนี้ฃะไม่แล้วจะพบกับความพินาศโดยมหันต์
1 - อวดฉลาด ทำตัวเป็นรู้ดีทุกอย่างบางครั้งตัวเองไม่รู้จริงก็แสดงเป็นผู้รู้ทุกอย่าง
2 - เจ้าอารมณ์ ชอบดุด่าลูกน้องต่อหน้าคนอื่น เพื่อแสดงอำนาจถือว่าตัวเองเป็นเจ้านายไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร
3 - เห็นแก่ตัว เอาแต่ประโยชน์ตนเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
4 -เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ตั้งอยู่ในความยุติธรรมใครเป็นญาติพี่น้องตระ*ลเดียวกันก็สนับสนุน ถึงผิดก็ช่วยให้ถูกผลที่สุดก็ได้เพื่อนร่วมงานไม่ดี
5 - ชอบชี้นิ้ว ชอบออกคำสั่งแทนที่จะมอบหมายงานในลักษณะแนะนำ การออกคำสั่งตรงๆจะทำให้ผู้รับคำสั่งไม่ทำงานด้วยความเต็มใจแต่ทำด้วยความฝืนใจจะไม่อยากทำงาน
6 - ไม่รับผิด- รับแต่ชอบ ถ้าลูกน้องได้รับคำชมเชยมาก็แสดงออกหน้าออกตา ว่าเป็นลูกน้องของตนแต่ถ้าทำผิดจะไม่รับผิดชอบมีแต่โยนความผิดให้ลูกน้อง บางครั้งยังประณามอีก
7 - หูเบา เป็นคนหาหลักการแน่นอนไม่ได้ เชื่อโดยปราศจากเหตุผล ชอบฟังความข้างเดียว
8 - ไม่มอบหมายงาน ไม่รู้จักวิธีแบ่งงานและมอบหมายความรับผิดชอบให้เพื่อนร่วมงานคือไม่ไว้ใจใครนอกจากตัวเอง ทำงานพอให้ผ่านไปวันๆเท่านั้น
9 - เผด็จการ ไม่ฟังความคิดเห็นใครเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ถ้าคัดค้านไม่เห็นด้วยจะไม่พอใจทันที่
10 -อาฆาตจองเวร ใครที่เสียงแข็งหรือขัดผลประโยชน์ของตัวเองทั้งที่เป็นส่วนรวมและส่วนตัวได้จังหวะเมื่อไรก็จะกลั่นแกล้งตอบทันที่ เพื่อแสดงอำนาจของตน ให้กลัวในเมื่อมีโอกาส
11 - อิจฉาริษยา พยายามกลีดกันและกลั่นแกล้งลูกน้องที่ทำดีในสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้และมันสมองไม่ถึง พยายามใส่ร้ายลูกน้องเพื่อให้คนอื่นเชื่อเสมอ
ถ้าคุณเป็นผู้นำจงพยายามหลีก 11 ข้อเหล่านี้ให้ได้ แล้ว ลูกน้องก็จะรักคุณเอง

  ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็พยายามปลงและหมั่นทำบุญและอธิษฐานขอให้ชาติหน้าอย่าได้พบกันอีก

ถูกครับพี่ ดีครับนาย ใช่ครับผม

โจทย์ของบุญ(กุศล)-อกุศล อดทน มีสติ ให้อภัยได้ เป็นบุญที่สุด 

อ่านข้อคิดเห็นของท่าน ผอ. แล้วนึกถึงทำวิกฤติให้เป็นโอกาสถ้ามีหัวหน้าที่ไม่อยู่ในSpec ของเราเราจะใช้วิทยายุทธในการอยู่ร่วมกัน(ทำงาน)กับหัวหน้าอย่างไร ก็คงต้องใช้มนต์คาถา "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง" และ "พูดไปเสียสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" สุดท้ายยึดหลักธรรม เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก

การมีเจ้านายที่ไม่อยู่ในคุณธรรม ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาจิตให้เข็มแข็ง
สาธุ สาธุ มือถือสาก ปากถือศิล

การเป็นเจ้านายที่ใช้ควมคิดตัวเองเป็นใหญ่  ไม่ฟังลูกน้อง จะไม่ได้ใจลูกน้องเลย ถ้าเป็นผู้บริหารแล้วไม่มีความยุติธรรม เอาแต่หลักการของกู คือ ความยุติธรรมอยู่ที่ความพอใจ ก็น่าสงสารลูกน้องจริงๆ ที่มีเจ้านายแบบนี้เป็นกรรมที่ต้องอดทน เป็นยุคมืดที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ณ.กาลต่อไปในภายภาคหน้า ผู้เป็นใหญ่ไม่ทรงความยุติธรรม ไม่ตั้งอยู่ความถูกต้อง เห็นผิดเป็นถูก เมื่อนั้นสังคมจะเกิดความวุ่นวายเดือดร้อน เหมือนเช่นอย่างทุกวันนี้ เรากำลังเผชิญอยู่แล้วในสังคมบำราศฯ ก็ขอให้ทุกคนอดทน ไม่มีใครอยู่คำฟ้า มันเป็นอนิจัง เดียวก็เสื่อมสลายไป ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเพียงหัวโขนที่สวมใส่ อย่าไปหลุ่มหลงนักเลย อยู่กันอีกไม่กี่ปีเดียวก็ตายจากกันแล้ว ตอนมีชีวิตอยู่เราน่าจะให้สิ่งดีๆ แก่คนรอบข้าง ให้เขาคิดถึงเราบ้าง  ไม่ใช่ให้เขาสาปแช่ง สำหรับคนที่เป็นหัวหน้าคนนั้นน่าจะตระหนักให้มากๆ หัวหน้าที่ที่ดีนั้นต้องเสียสละ ให้อภัย มีเมตตา หรือถ้าใช้หลักพรหมวิหาร4 ได้ยิ่งดี ไม่ต้องทุกข้อก็ได้ ขอให้มีเมตตาธรรมในใจก็พอแล้ว

จริงๆด้วยนะ

เมื่อก่อนดิฉันเคยรู้สึกเกลียดชังคนที่ให้ร้ายเรา ทำให้เราเสียใจ แต่ต่อมาไม่นานหลังความเสียใจ ดิฉันกลับนึกขอบคุณและให้อภัยกับความไม่น่าพึงพอใจทั้งหลาย เพราะดิฉันพบทางแห่งความสุขจากการรู้จักการให้อภัย ไม่ร้ายตอบ เพราะถ้าเรารู้ว่านั่นคือความเลวความร้าย เราต้องสงสารคนที่ทำเช่นนั้นเพราะเขาเหล่านั้นย่อมตกไปในที่มืด ความโลภทำให้คนตายแล้วไปเกิดเป็นเปรต ใช้กรรมจากเปรตเสร็จก็ยังต้องไปเป็นยาจก วณิพกไร้ที่อยู่ที่กิน จงอย่าตอบโต้ความชั่วทั้งหลายด้วยความชั่วเลยนะ อย่ามัวเสียใจให้ใจมันเสีย คนที่เขาได้เป็นหัวหน้าก็คือคนธรรมดา ที่ยังมีกิเลส ไม่ใช่ผู้ที่หลุดพ้นทุกข์เวทนาทั้งปวง ไม่ว่าปวดท้องอึ ปวดฉี่ เดินดิน เช่นเดียวกับเรานะคะ ทำได้ดังนี้แล้วทุกท่านจะเบาสบายตัวจริงๆค่ะ

ตกลงบำราศเปรตเยอะหรือเปล่านะ
ที่เยอะนั้นไม่ใช่เปรต แต่คือคนที่มีความรักและผูกพันธ์ในองค์กร คนที่มีขันติ(ความอดทน) ต่างหาก....ขอบอก
 
หลังจากดิฉันเขียนบล็อกนี้มา3ปี   ขณะนี้รู้สึกไม่ค่อยดีกับเจ้านายบางคนเพราะความเห็นต่างกันบางประเด็นทำให้เราทุกข์ 
  พยายามสอนตนเองเหมือนที่เคยสอนคนอื่น   ความรู้สึกดีๆจะเกิดขึ้นสั้นๆหลังจากนั้นมันกลับไปคิดอีก
 
คิดก็รู้ว่าคิด  ได้แต่เฝ้าดูจิตว่าแกจะคิดไปนานแค่ใหนนะ
ดิฉันรู้นิดๆว่าจิตเป็นสิ่งบังคับไม่ได้   แต่จิตมันยังไม่ยอมรับความจริงทำให้ต้องทนทุกข์ไปก่อนค่ะ
สอนแต่เขา อิเหนาเป็นเองค่ะ
 มาอ่านในgotoknowพบว่ามีคนเขียนไว้ก็ถือโอกาสนำมาให้อ่านเพื่อสอนตัวเองค่ะ

เทคนิคการวิเคราะห์เจ้านาย

การที่เราจะบริหารอะไรก็ตาม สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ การศึกษาสิ่งนั้นก่อน เราอยากจะเปิดร้านอาหาร เราต้องศึกษาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารให้ทะลุปรุโปร่งก่อน ทั้งในเรื่องอาหาร สถานที่ การตลาด รสชาติ การบริการ แหล่งวัตถุดิบ การบริหารคน ฯลฯ ถ้าเรามีรถยนต์สักคันหนึ่ง ถ้าเราต้องศึกษาดูให้ละเอียดว่ารถคันนั้นมีระบบการขับขี่แบบไหน เครื่องยนต์มีกำลังเท่าไหร่ กินน้ำมันมากน้อยแค่ไหน โดยรวมแล้วรถยนต์คันนี้มีจุดบกพร่องตรงไหนบ้าง จุดเด่นมีอะไรบ้าง ถ้าเรายังขาดความรู้ในเรื่องนั้นๆ เราจะบริหารไม่ได้ หรือได้ก็ไม่ดีเท่าที่ควร

      การบริหารเจ้านายก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่เราจะกำหนดกลยุทธ์ เทคนิค วิธีการในการบริหารเจ้านาย เราจะต้องศึกษาเจ้านายให้ละเอียดว่าเป็นคนอย่างไร ประวัติครอบครัว ส่วนตัว ประวัติการทำงาน ระดับการศึกษา อุปนิสัยใจคอ รวมถึงเป้าหมายในชีวิตของเจ้านายเป็นอย่างไร ถ้าเรายิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ ยิ่งมีประโยชน์ต่อการบริหารเจ้านายมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องรู้ทุกเรื่องของเจ้านายอย่างละเอียด ไม่รู้ไม่ได้ คงไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนวิธีการที่จะเรียนรู้ข้อมูลของเจ้านายก็มีหลากหลายวิธีซึ่งจะมีการพูดถึงต่อไป 
พอพูดถึงข้อมูลของเจ้านาย เราควรจะรู้เรื่องอะไรบ้าง จุดนี้คงบอกชัดเจนไม่ได้ แต่ที่บอกได้คือ เราต้องรู้ที่มา(ประวัติ)ของเจ้านาย เราต้องรู้ที่อยู่(สถานภาพและอุปนิสัยในปัจจุบัน) รวมถึงเราต้องรู้ที่ที่เจ้านายจะไป(เป้าหมายในชีวิต) สรุปง่ายๆคือ เราต้องรู้อดีต ปัจจุบันและอนาคตของเจ้านาย จะทำให้เราบริหารเจ้านายได้ง่ายยิ่งขึ้น 

ลองมาดูกันนะครับว่าเราจะต้องรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเจ้านายอย่างไร และรู้ไปทำไม
 
      รู้ที่มา(อดีต) ประวัติศาสตร์คือที่มาของปัจจุบัน การที่เรารู้จักประวัติของคนๆหนึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น เพราะประวัติศาสตร์บางเรื่องสืบเนื่องมามีอิทธิพลกับปัจจุบัน เจ้านายบางคนเป็นคนที่เกิดมาจากครอบครัวที่ยากจน ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองมาโดยตลอด เจ้านายบางคนผ่านร้อนผ่านหนาวจากหลากหลายองค์กรทั้งองค์กรใหญ่องค์กรเล็ก เจ้านายบางคนเป็นนักเรียนนอก(เมือง) บางคนก็เป็นนักเรียน(เมือง)นอก เจ้านายบางคนเป็นคนที่เริ่มทำงานตั้งแต่วัยเด็ก เจ้านายบางคนเคยมีปัญหาครอบครัวแตกแยก ฯลฯ เมื่อเรารู้ข้อมูลอดีตไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว เรื่องการศึกษา เรื่องหน้าที่การงาน เรื่องความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเจ้านาย จะช่วยให้เราเข้าใจเจ้านายคนนั้นได้ดียิ่งขึ้น เช่น ที่เขาคิดเช่นนี้ที่เขาแสดงออกเช่นนั้น เพราะเขาเคยมีบทเรียนในเรื่องนั้นเรื่องนี้มาก่อน ถ้าเราไม่เข้าใจที่มาหรือเบื้องหลังการถ่ายทำของชีวิตเจ้านาย เราอาจจะวิพากษ์วิจารณ์เจ้านายตามที่เราเห็น แทนที่จะเข้าใจเขาตามที่เขาเป็น(มา) เนื่องจากพฤติกรรมบางเรื่องเราต้องตีความจากบริบทของเบื้องหลังชีวิตของเขามากกว่าการตีความแบบเหมารวมโดยใช้มาตรฐานของคนทั่วไปในสังคม ถ้าเราเป็นผู้สอบสวนอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันบนถนน ในบางกรณีเราจะตีความจากภาพรถที่เราเห็นเพียงอย่างเดียวและสรุปว่าใครผิดใครถูกนั้นคงไม่ได้ เราอาจจะต้องย้อนกลับไปดูร่องรอยของการเบรกที่ปรากฏบนถนน เราอาจจะต้องไปถามพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ก่อนการชนกัน 

      รู้ที่อยู่(ปัจจุบัน) การรู้สถานะและข้อมูลต่างๆที่เจ้านายเป็นอยู่ในปัจจุบัน จะช่วยให้เราเข้าใจท่าทีของเจ้านายในแต่ละช่วงเวลาได้ดีขึ้น เช่นบางเวลาเจ้านายต้องการเพื่อน บางเวลาเจ้านายต้องการคนช่วยคิด บางเวลาเจ้านายต้องการคนทำงาน บางเวลาเจ้านายต้องการข้อมูล บางครั้งเจ้านายเครียด บางครั้งเจ้านายเบื่อ บางครั้งเจ้านายเซ็ง จะมีใครบ้างที่คอยติดตามอารมณ์ อาการ และอากัปกิริยาของหัวหน้าได้ดีกว่าเราซึ่งเป็นลูกน้อง การเข้าใจเจ้านายในขณะที่เจ้านายเป็นอยู่จะช่วยให้เราบริหารเจ้านายได้ดีขึ้น เพราะเราสามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจนายได้หรือไม่ก็ตรงนี้แหละ เราต้องพยายามจับจุดของเจ้านายให้ได้ว่าช่วงเวลาในแต่ละแบบ เจ้านายขาดอะไร แล้วเราพอจะเติมเต็มให้กับเจ้านายได้หรือไม่ 

      รู้ที่จะไป(อนาคต) คนบางคนทำงานเพื่อเงิน คนบางคนทำงานเพื่อกล่อง (ตำแหน่งหน้าที่) คนบางคนทำงานเพื่อเกียรติยศชื่อเสียง คนบางคนทำงานเพื่อก้าวไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ คนบางคนทำงานเพื่องาน (ชอบ) คนบางคนมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนว่ากี่ปีจะต้องเป็นอะไร ได้อะไร มีอะไร ถ้าเรารู้สิ่งเหล่านี้ของเจ้านายเราได้ การบริหารเจ้านายก็จะง่ายขึ้นไปอีก เพราะเท่ากับว่าเรารู้ว่าควรจะเอาอะไรมาจูงใจนาย สิ่งที่เจ้านายจะเดินตามทางที่เราขีดไว้ให้ก็ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเจ้านายต้องการกล่องหรือต้องการหน้า เราจะได้เลือกงานหรือโครงการที่จะนำเสนอได้ถูกใจมากขึ้น แทนที่เราจะนำเสนองานที่ให้เจ้านายไปพบปะกับพนักงาน อาจจะต้องนำเสนองานที่เจ้านายจะได้ออกทีวี ได้พบกับรัฐมนตรี แต่ถ้าเจ้านายต้องการทำงานเพื่องาน เราอาจจะเสนอโครงการที่ใหม่ๆ และท้าทายให้เจ้านายพิจารณาก็ได้ การที่เรารู้สิ่งจูงใจเจ้านาย เหมือนกับการที่เรารู้ว่าช้างชอบกินอะไร ลิงชอบกินอะไร เสือสอบกินอะไร เราสามารถนำเอาปัจจัยจูงใจเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในการบริหารเจ้านายและทำงานร่วมกับเจ้านายได้ เราสามารถพูดถูกใจและตรงใจเจ้านายมากขึ้น และตำแหน่งคนรู้ใจก็คงจะอยู่ไม่ไกล มีลูกน้องบางคนรู้เจ้าเจ้านายจนเจ้านายติด เหมือนติดยาเสพติด วันไหนลูกน้องคนนั้นไม่มาทำงาน เจ้านายไม่ทานอาหารกลางวัน เพราะไม่มีเพื่อน เจ้านายจะต้องชวนลูกน้องที่รู้ใจคนนี้ไปออกกำลังกาย ไปทานข้าว บ่นเรื่องต่างๆให้ฟัง ถือซื้อใจเจ้านายได้ขนาดนี้ การบริหารเจ้านายก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป 

      สรุปว่าการบริหารเจ้านายให้ได้ผลจะต้องเริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลเจ้านายให้ครอบคลุมทั้งประวัติในอดีต ทั้งสถานะปัจจุบัน และเป้าหมายในอนาคต ถ้าเราสามารถรู้ข้อมูลมากและวิเคราะห์ข้อมูลให้เชื่อมโยงกันได้ การบริหารเจ้านายย่อมมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน

หมายเลขบันทึก: 300437เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2009 15:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 21:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
  • อ่านแล้วอมยิ้มค่ะ เป็นเรื่องจริงที่แก้อะไรไม่ได้ นอกจากแก้ไขตัวลูกน้องเอง
  • สิ่งที่ศิลายึดถือเสมอเวลาทำงานคือ จดจ่อที่ตัวงาน ทำงานให้ดี ไม่ค่อยสนใจว่านายจะเป็นคนอย่างไรค่ะ ทุกวันนี้ไม่ใช่คนโปรดของนาย แต่เป็นคนที่นายขาดไม่ได้ เพราะหาคนที่ทำงานแบบเราและคุมเด็ก ๆ ให้เขาแบบนี้ไม่ได้ค่ะ
  • แวะมาเยี่ยมด้วยความระลึกถึงค่ะ

สวัสดี คุณ ศิลาค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ คิดแบบคุณศิลาน่าจะถูกต้องที่สุดเพราะคนต้องอยู่ด้วยผลของงานค่ะ นายมาแล้วนายก็ผ่านไป ส่วนตัวเราก็อยู่กับความภาคภูมิใจในความเป็นตัวตนของเราค่ะ

ระลึกถึงเสมอค่ะ

สวัสดีค่ะพ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช

  • บทความของท่านอ่านแล้วได้มุมมองมากมาย ทั้งกับเจ้านายและตัวเราเอง
  • บางครั้งต้องทำใจและธรรมใจควบคู่ไปด้วย
  • ขอบคุณสำหรับบทความที่ดีมากๆค่ะ

              

                 >>>> ดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจค่ะ>>>>>

 

คุณหมอครับ ตามมาอ่าน กำลังอยู่กับกลุ่มหมอครับ...

สวัสดีค่ะอ.หมอ

อ่านแล้ว...ได้แต่ยิ้ม ๆ ค่ะ...ยังไม่ได้เป็น "เจ้านาย"

รับผิดชอบแต่งานส่วนเล็ก ๆ มีน้องช่วย ๆ กัน 2-3 คน เลยไม่ค่อยพบปัญหาค่ะ

แต่ส่วนตัว โดยนิสัยเป็นพวก บ้างาน ทำไม่เลิก ต้องให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้...ก็มีปัญหากับน้อง ๆ ที่เขาเบื่อ ๆ เหมือนกันค่ะ

หลัง ๆ ก็ลดละนิสัยนี้ไปบ้าง ถือหลักว่า... ต้องให้ได้ทั้ง งาน และได้ทั้ง คน...

เพราะจะไม่มีความสำเร็จใดที่ยั่งยืน หากคนไม่พึงพอใจและไม่มีความสุขในงานค่ะ

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะ

- นิ่งเสียตำลึงทอง

- เพราะใช้ทุกวิธี

- แต่ไม่เห็นเข้ากัน

- ขัดแข้งขัดขา

- อีกรสชาดของชีวิต

คุณผึ้งงานค่ะ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมพร้อมดอกไม้ค่ะ

มีหลายอย่างที่หมอสอนคนอื่นได้แต่ทำไม่ได้ เช่นการให้อภัยคนค่ะ

ให้กำลังใจในการทำงานนะคะ

สวัสดีอาจารย์ขจิตต่ะ

ขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่าของอาจารย์มาเยี่ยมค่ะ อาจารย์อยู่กับหมอระวังหมอสติแตกนะคะ พวกหมอไม่ค่อยมีเจ้านาย ลูกน้อง ต้องถูกใจจึงจะทำให้เต็มที่ ไม่ถูกใจก็แกล้งทำไม่สนใจ เจ้านายเหนื่อยหน่อย โครเป็นนายไม่อยากให้หมอลาออกต้องใช้ธรรมะในการบริหารค่ะ

อาจารย์หาเวลาพักบ้างนะคะ

สวัสดี คนไม่มีรากค่ะ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ

เจ้านายต้องมีบุญ จึงมีโอกาสได้ลูกน้องที่มีปัญญาเหมือนคนไม่มีรากค่ะ

นานๆหมอจะตามไปเยี่ยมที่บล็อกนะคะ

ตอนนี้อารมณ์ยังไม่เข้าที่ เบื่อทั้งนาย ทั้งลูกน้อง เพราะไม่ถูกใจเรา ทำให้ไม่อยากไปเยี่ยมใครมากนัก เฝ้าดูว่าจิตมันจะเป้นอีกนานใหม? เพิ่งรู้ว่าการให้อภัยเป็นบุญใหญ่เพราะทำยากค่ะ

สวัสดี คุณเพชรน้อยค่ะ

เคยอ่านหนังสือหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ท่านให้เรา ปรับ เปลี่ยน ปลด ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องปลงค่ะ

ให้กำลังใจตัวเองเสมอนะคะ อย่าให้ปัจจัยภายนอกมาทำให้เราหวั่นไหว

เป็นอีกรสชาดหนึ่งของชีวิตจริงๆค่ะ

สวัสดีครับคุณ หมอ หัวหน้า ถ้าใช้บารมี ย้ายไปไหนกี่ที่กี่แห่ง ลูกน้องยังไปเยี่ยมไปหา

หัวหน้าถ้าใช้อำนาจ อยู่คนละฝากั้น ก็ห่างกันหลายโยดน์

สวัสดีค่ะคุณวอญ่า

ขอบคุณที่มาเยี่ยมค่ะ เห็นด้วยมากๆค่ะ คนดี เป็นนายก็ดีเป็นลูกน้องก็ดี เพราะถ้าเราไม่มีกิเลส นายและลูกน้องเป็นเพียงหัวโขน เกษียณแล้วก็หมดไปค่ะ

อาจารย์ขจิตค่ะ

หมอตามไปอ่านแล้วค่ะ สนุกดีและได้ความรู้ภาษาอังกฤษค่ะ

ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดีตอนนี้ทำงานรับราชการมีหัวหน้าอยู่ห้องเดียวกันห้องทำงานเเป็นห้องรวมส่วนหัวหน้างานจะนั่งในห้องส่วนตัวแต่จะชอบออกมาจ้องจับผิดลูกน้องเสมอไม่รู้เป็นอะไรจนทุกคนรำคาญมากไม่อยากมาทำงานทุกคนต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเองห้ามเดินไปไหนห้ามคุยกันห้ามคุยเสียงดัง ถ้าหัวหน้าออกมาจากห้องไม่เจอใครอยู่ที่โต๊ะทำงานก็จะถามหาตลอดเวลา นั่งหน้าคอมฯก็ถามว่าทำอะไรในหัวคิดเพียงแต่ว่าลูกน้องจะเล่นคอมฯ ดูเน็ต ไม่ทำงาน ไม่รู้ว่าคิดได้ยังไงถ้าไม่ทำงานงานในสำนักงานจะเดินเหรอ งานที่รับมาของแต่ละคนที่รับผิดชอบจะเสร็จส่งตามกำหนดที่ต้องรายงานเหรอ ยุ่งทุกเรื่องแม้แต่เรื่องกินข้าวด้วยกัน จุกจิกจูจี้ยิ่งกว่าผู้หญิง เจ้ายศเจ้าอย่างคอยว่าคนนั้นคนนี้วางตัวไม่เหมาะสม เป็นหัวหน้างานระดับนี้จะมาคุยเล่นกับลูกจ้างไม่ได้เราให้เกียรติเขาที่เขาอายุมากกว่า ก็หาว่าเราวางตัวไม่ถูกต้อง (เบื่อมาก พ่อแม่ยังไม่ยุ่งกับเราขนาดนี้) ถ้าหากใครมีปากเสียงก็จะเอาเรื่องขั้นมาขู่และคอยหาเรื่องว่าตลอดเวลา ชีวิตจะอยู่ไม่สุขเหมือนตายทั้งเป็นจนไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกคนอยากจะย้ายที่ทำงานหนีกันหมดแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่างานหนักทนได้แต่เรื่องที่ชอบมายุ่งเรื่องส่วนตัวเกินจะรับได้จะทนไม่ไหวแล้ว หาคนช่วยไม่ได้เหมือนนำท่วมปากทำไมต้องมาเจอหัวหน้านิสัยบ้าอำนาจยุ่งทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องส่วนตัวแบบนี้ มีใครเคยเจอแบบนี้บ้างแก้ปัญหาอย่างไรช่วยบอกทีแทนที่ทุกคนในที่ทำงานจะเครียดเรื่องงานเอาเวลามาสนใจงาน แต่กลับต้องมาเครียดเรื่องหัวหน้างานไม่มีกำลังใจมาทำงานไม่อยากมาทำงาน กรรมจริง ๆ

สวัสดีคุณลูกน้องค่ะ

อ่านแล้วเห็นใจมากๆค่ะ ลองดูส่วนดีของนายและน่าจะคุยกับนายเรื่องที่พวกเราไม่ชอบ ถ้าทำไม่ได้คงต้องปรับใจเราหรือปรึกษาคนเป็นนายของนายอีกครั้ง นิสัยบางอย่างมันติดมาแต่ชาติก่อน เราให้อภัยและทำงานให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องสนใจนาย หมอคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีนะคะ ทำงานแบบที่เรานึกได้เมื่อไหร่ก็ภูมิใจทุกครั้งนะคะ

หมอเองก็กำลังปรับตัวกับนายเหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยม ให้กำลังใจนะคะ

เข้ามาอ่านเพื่อมาปรับปรุงตัวเองค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท