"ลงแขกเกี่ยวข้าว"เดี๋ยวนี้เป็นตำนานและก็จะหลงลืมไปในที่สุด
โดย บุญลือ กำมณี
คุณบุญลือ กำมณี ช่างอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
ตอนสมัยเด็กๆ..ก็โตแล้วพอควร ผมเห็นญาติๆที่หมู่บ้าน"เสืออีด่าง"มาลงแขกเกี่ยวข้าวที่นาผมซึ่งอยู่ที่หมู่บ้าน"โคกแย้"ซึ่งไม่ไกลกันนัก..ผู้คนเต็มนาผมหมดพักเดียวเห็นข้าวมัดเป็นกำเรียงราย...แต่พ่อและแม่ผมต้องไปช่วยเขาเหมือนกันเขาเรียกว่า เอาแรงกัน
นึกถึงความหลังเมื่อเยาว์วัย(บอกเรื่องเก่าๆเล่าความหลังนี่เป็นคนวัยอะไรน้าาาา)
.....ที่บ้านผมจะเลี้ยงวัว..เพื่อนบ้านข้างๆเลี้ยงควาย โดยเราก็ไปเลี้ยงด้วยกัน จะต่างกันเล็กน้อยเมื่อกินหญ้าอิ่มควายจะนอนแช่น้ำเกือบครึ่งวัน.ส่วนวัวต้องคอยดูตลอดเพราะมันชอบแวะไปกินข้าว กินอ้อย(ยอดอ้อยอ่อนๆ)
ส่วนเป็นฤดูฝนจะหาที่เลี้ยงวัวลำบากหน่อย..เพราะชาวนาต้องปลูกว่าข้าวตามฤดู ท้องนาที่เคยเลี้ยงวัวควายได้จะกลายเป้นข้าวเขียวชอุ่มมองแล้วชื่นใจ
...ผมกับพ่อก็จะออกไปเกี่ยวหญ้ามัดเป็นกำใหญ่ๆ..แล้วหาบกลับบ้านผมนะหาบยังไม่ไหวหรอกได้แต่มองพ่อ..แล้วทึ่งในความแข็งแรงของท่าน...ได้แต่นึกตามปะสาเด็กๆซักวันผมจะทำหน้าที่นั้นแทนพ่อ
การทำนาจะมีสองวิธี...
....1.นาหว่าน บ้านผมจะใช้วัวไถนา ส่วนเพื่อนบ้านจะใช้ควาย วัวเทียมคันไถต้องใช้2ตัว..ส่วนควายจะใช้ตัวเดียว นาหว่านต้องหวานคอยฝน..ต้องใช้ความสามารถในการคาดคะเนว่าวันนี้พรุ่งนี้ฝนต้องตก..โดยสังเกตุก้อนเมฆหรือเมื่อวานตกวันี้มันน่าจะตกอีก..ซึ่งก็ผิดพลาดได้บ้าง แต่เป็นโชคดีของคนสมัยก่อนที่ฝนมักตกต้องตามฤดู
....2.นาดำ..ซึ่งต้องเพาะต้นกล้าเมื่อได้ขนาดที่ต้องการก็ถอนไปดำ..ผมก็หัดดำนาตอนใหม่ๆดำแล้วต้นกล้าลอยตามหลังแถวคดไปคดมา..ดำนาเป็นคือดำแล้วแถวตรงระยะห่างเท่าๆกันมองแล้วสวยงาม.ผมก็ทึ่งในความสามารถของคนรุ่นนี้จริงๆ...แต่อยากบอกปวดหลังปวดเอวใจแถบขาด
ได้เวลาเก็บเกี่ยวก็มี2วิธี...
...1เก็บเกี่ยวกันเองหรือเอาแรงตามญาติ5-6ถึงเวลาเขาเกี่ยวเราก็ไปช่วยเขาเหมือนกัน
...2.ลงแขก..รวมกันเอาแรงกันแบบขนานใหญ่ผมมองๆดูแล้วน่าจะ20-30กว่าคนโดยประมาณซึ่งก็ต้องไปใช้แรงเขาเหมือนกัน
เก็บเกี่ยวแล้วก็จะตากข้าวไว้ที่ท้องนาประมาณ2-3วันเพื่อให้ข้าวแห้ง..แล้วก็หาบทะเนดข้าวโดยใช้คันหลาวเสียบหาบกันหลังโก่ง..ผมตกคันนาล้มลุกคลุกคลานไปเหมือนกันตอนหัดใหม่ๆ..เมื่อเสร็จแล้วบางคนก็จะตามเก็บรวงข้าวที่ร่วงหลงเหลือจากท้องนา..ซึ่งใครก็สามารถเก็บได้เจ้าของนาจะไม่หวงแล้ว..เขาเรียกว่า "ข้าวตก"
....เสร็จแล้วก็จะนำข้าวมาฟาดที่ลานข้าว ซึ่งลานข้าวนี้จะถูกทาพื้นด้วยขี้วัวควายผสมโคลนตากไว้ให้แห้งจะเป็นพื้นอย่างดีเหมือนเทคอนกรีต ว่าอย่างนั้น555
...ส่วนเศษฟางข้าวซึ่งยังคงมีเมล็ดข้าวหลงเหลืออยู่จะถูกนำมาวางหนาบนลานที่มีเมล็ดข้าว..แล้วให้วัวควายวนเหยียบอีกทีจนหมด..เมล็ดข้าวที่รองอยู่ด้านล่างจะช่วยเท้าของวัวไม่เหยีบโดนพื้นลาน..
...เราจะได้กองฟางขนาดใหญ่เพื่อไว้ให้วัวควายกินตอนหน้าแล้ง..และเอาไว้มุดนอนยามหน้าหนาว..และที่สำคัญคือเอาไว้ให้หนุ่มสาวจีบกัน..เหมือนในหนังไทยนั่นหละครับ..เอิกๆๆๆๆๆๆๆ
เดี๋ยวนี้มันคงไม่ใช่แล้วครับ
เจ้าของนาชวนเพื่อนๆ(รวมทั้งผม)มายืนดูผลงานเฉย..ก็มีน้ำเปลี่ยนนิสัยพอครื้นเครงเล็กน้อย
เพื่อนมันบอกว่า..ไม่ต้องทำอะไรไปเป็นเพื่อนคุยกัน..เออจริงอย่างมันว่า
สำเร็จได้ด้วยเครื่องจักร..
ขอบคุณที่มา..http://www.watchari.com/board/index.php?topic=1899.msg9460;topicseen#msg9460
ขอบคุณเจ้าของบทความ คุณบุญลือ กำมณี..คนกำแพงแสนนครปฐม..คนจังหวัดเดียวกันกับครูอ้อยเล็กค่ะ
ได้อ่านแล้วนึกถึงบ้านตอนสมัยก่อนเก่าโน้นนนนนน...เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปอย่างที่ว่าจริง ๆ ค่ะ...หายไปหมดแล้ว มีแต่รถทุ่นแรงคน...แต่ก่อนเค้าลงแขกเกี่ยวข้าวกันสนุกมาก...พอเที่ยงก็พักกินข้าวตามร่มไม้...บรรยากาศอย่าบอกใครเชียว...ข้าห่อใบบัว ใบตอง ดีหน่อยก็ใส่ปิ่นโต...ข้าวก็อร่อยมาก ๆ ธรรมชาติซะไม่มี
ค่ะเห็นว่าทางเหนือโดยเฉพาะเชียงรายมีกิจกรรมนี้อยู่ค่ะ..มีฝรั่งไปดูด้วย..ต่างชาติยังชื่นชม..แล้วเราคนไทยด้วยกันยังจะไปที่ดินให้แขกทำนา..งงจังเลย...
คุ่ะครูยะลาคนสวย..ครูอ้อยเล็กก็เคยไปดูเขาลงแขกเกี่ยวข้าวสนุกมากมาย ยิ่งตอนนวดข้าวด้วยล่ะก้อเรียกว่าสวรรค์ของเด็กบ้านนอกเลยด้วยว่าจะจุดตะเกียงเจ้าพายุสว่างไสว..พี่น้องคนในหมู่บ้านจะมารวมตัวกันคุยกันสนุกสนานที่เด็ดสุดๆเรารู้ว่าเราจะได้กินขนมนี่ซิ..สวรรค์เลย..ที่จำได้ก็จะเป็นของหวานหนักๆท้องเช่น ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวถั่ำวดำ สาคูเปียกข้าวโพด ลอดช่อง เวียนกันไปจนเสร็จกันไปทุกเจ้าที่มาต่อคิวนวดข้าวค่ะ..
ลงแขกเกี่ยวข้าว ทำให้หนุ่มสาวได้พบกัน ใครทำงานเก่งจะได้รับเลือกก่อน พี่ก็ชอบดูเขาเกี่ยวข้าวกัน ตอนเด็กๆน่ะ
เราคนยุคเดียวกันค่ะ..ยังไงก็ไม่ตกยุคค่งิๆๆๆ
ที่นี่เห็นภาพกันไหมคะ..ถ้าไม่เห็นบอกด้วยค่ะ..
สวัสดีครับคุณ อ้อยเล็ก เอานาวานมาให้นึกถึงความหลัง นาวาน สนุกได้แต่งงานเพราะนาวานนี้แหละรุ่นผู้เฒ่าละ
ขอบคุณคุณครูอ้อย..ที่ให้เกียรตินำบทความมานำเสนอ..ขอบคุณครับ
ผู้เฒ่าได้แต่งงานเลยเหรอ..ดีจังงิๆๆๆ
ครูอ้อยเล็กต้องขอบคุณช่างลือมากกว่าที่ไปเก็บภาพแถวกำแพงแสนนครปฐมไว้เป็นประวัติศาสตร์ของวิวัฒนาการการทำนา..
จ้าลีลาวดีคนสวย..สนุกเน๊าะ..แล้วหนูได้เก็บข้าวตกเป็นลำไพ่หรือเปล่า..ข้าวตกของครูอ้อยเล็กคือรวงข้าวที่หักเป็นช่อรวง..ผู้ใหญ่มักเกณฑ์เด็กๆอย่างพวกครูอ้อยเล็กเอากระบุงไปเก็บข้าวตกในนาดังกล่าวมารวมไว้เวลานวด..ได้เยอะเชียวนะคะ..
เดี๋ยวนี้ นา ๑๐๐ ไร่ ใช้คนเกี่ยว คนเดียว เสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมงครับ...สมัยก่อนต้องใช้คนเป็น ๑๐๐ ครับ....คนเดียวเลยไม่รู้จะลงแขกกับใคร...สังคม..สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป..........เดี๋ยวนี้..เด็กๆ...ไม่รู้จักเคียวแล้วครับ
ตอนเด็กๆมีอยู่ปีหนึ่งพ่ออยากทำนาเอง
เลยสอนลูกๆดำนา
วันหนึ่งช่วยกันปักต้นกล้าลงนา เหนื่อยมากค่ะ
วันรุ่งขึ้น ข้าวลอยเต็มนาเลย
.
.
เห็นภาพแล้วคิดถึงวัยเด็กจังค่ะ
..ค่ะคุณพิสูจน์รุ่นเราๆนี่ก็ห่างเคียวมานานมากแล้วค่ะให้ไปจับอีกก็คงไม่ต่างจากเด็กฝึกหัดเท่าไหร่ล่ะค่ะ..
ทราบค่ะ..จะไปในทันใดค่ะ..
เจริญพรคุณครูอ้อยเล็ก
เจริญพร
พี่อ้อย
ผู้จัดการยัง "เปี๋ยนไป๋" เลย
ตอนนี้โกทูโนก็เปลี๋ยนไป๊เน๊าะสวยเชียว..
เหอ เหอ ชน นา บท ไม่ค่อยรู้เรื่อง อิอิ
มาเยี่ยมพี่อ้อย ชอบความเป็นศิลปะ ของพี่คะ สอนเด็กเก่ง ชีวิตประสบผลสำเร็จ ช่างเป็นสูตรที่ลงตัว มีเป็นคนมีบุญมาเกิด //ขอสมัครเป็นน้องสาวด้วยคน อิๆๆ
ไปลอยกระทงกันเหอะนะ...
สวัสดีปีใหม่ เวลา 23:57 ค่ะ น้องอ้อย
ด้วยความระลึกถึงครับ