วันหยุดนี้ยาว...ว่างก็อย่างนี้แหละ ทำให้มีเวลาว่างกับการอ่านหนังสือต่าง ๆ บ้าง ขณะที่นั่งจิบกาแฟก็หยิบหนังสือพิมพ์คมชัดลึกมาอ่าน ฉบับที่ ๒๘๑๖ วันจันทร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๕๒ หน้า ๔ เจอคำว่า “ยาเสพติดฟื้น” ทำให้สนใจด้วยงานที่ทำอยู่มีส่วนเกี่ยวกัน ปัญหายาเสพติด ถูกยกระดับให้เป็น “วาระแห่งชาติ” ของรัฐบาลชุดนี้ โดยข่าวได้นำเสนอแนวคิดของผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นายภิญโญ ทองชัย ที่เป็นผู้เขียนแผนยุทธศาสตร์ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งได้รับความชื่นชอบจากนาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นอย่างมาก และได้นำแผนนี้ไปมอบให้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) รับไปดำเนินการ
ผู้ตรวจฯภิญโญ กล่าวว่า “รัฐต้องเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องกระบวนการกลไกของภาครัฐ ต้องจริงจัง และประสิทธิภาพต้องสูงขึ้นด้วย มิเช่นนั้นจะไม่สามารถจัดการกับปัญหายาเสพติดได้ แต่ไม่ใช่แค่การปราบปรามรุนแรงอย่างเดียวไม่พอ ต้องผสมกับการทำงานที่ยึดพื้นที่ให้ได้ เพราะว่าชุมชน หมู่บ้าน ตำบล เป็นสมรภูมิสงคราม สำคัญ เพราะไม่ว่าจะเป็น ยา คนเสพ คนค้า พบกันที่ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล หมู่บ้าน ชุมชน เป็นแหล่งแพร่ระบาดที่สำคัญ ต้องใช้การทำงานแบบไตรภาคี ที่ทั้ง สามส่วนของพื้นที่ ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐ จับมือกันให้ได้เพื่อการทำงานร่วมกันคุมและยึดพื้นที่ให้ได้ จะทำให้แก้ปัญหาได้ โดยชุมชน แก้ได้ตั้งแต่ผู้เสพและผู้ติดยา และหากติดมากก็ส่งบำบัด ส่วนผู้ค้ารายย่อยในหมู่บ้านก็ใช้มาตรการทางสังคมดูแล ด้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็มีความพร้อมอยู่แล้ว ส่วนผู้ค้ารายสำคัญภาครัฐก็ต้องเข้าไปจัดการ”
หนึ่งในคำหนึ่งที่ผู้ตรวจกล่าว ข้าพเจ้าชอบคำนี้จัง “การปราบคือการยิงปืนใหญ่ ยิงไป ยิงไป ตอบได้หรือไม่ว่าเราชนะหรือยัง เว้นแต่เราต้องเข้ายึดพื้นที่ให้ได้.... ที่ผ่านมาเราทำสงครามปืนใหญ่มากเกินไป มันต้องใช้ทหารราบเข้ายึดพื้นที่ มิเช่นนั้น เราจะไม่มีวันรู้คำตอบว่าเราแพ้หรือชนะ”
เป็นอย่างนั้นจริง ๆ การทำงานของภาครัฐมองภาพใหญ่ (ถูกต้อง) แต่ส่วนย่อยที่ลงมาทำในพื้นที่เป็นของใคร ส่วนไหนบ้างที่ผู้ตรวจว่าไว้ แต่ข้าพเจ้ายังไม่เห็นการทำงานร่วมกันอย่างว่าจริง ๆ ซักที อย่างที่บอกว่า คน ยาเสพติด คนค้า คนเสพ มันมาเจอกันที่หมู่บ้าน ชุมชน ตำบล ซึ่งไม่ใช่สำนักงาน กระทรวง ทำเนียบ ฉะนั้นใครควรเป็นคนจัดการเรื่องนี้..... .ใครควรมีหน้าที่อะไรบ้าง
คิดดี... ทำดี... ได้ดี...
คิดสำเร็จ ทำผ่าน ได้งานเสร็จ
คิดร่วม ทำร่วม ได้ผลร่วม งานสำเร็จ
คงไม่มีสูตรสำเร็จจากกระทรวงไหนบอกได้ว่าต้องทำอย่างไร มีเพียงการกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ สำคัญสุดคือ การนำแปลงสู่การปฏิบัติ อย่างที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้ในงานสำเร็จด้วยส่วนผสมที่กล่มกล่อม ร่วมกันแก้ ร่วมกันรับผลประโยชน์ เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน (แบบนี้มีที่ไหน...ที่นั่นเยี่ยม)
หากทั้งหลายทำได้อย่างผู้ตรวจว่า ปัญหาน่าจะลดลง เพราะถือว่า ได้รับการแก้ไขจริง ๆ ไม่ใช่แค่การทำงาน
ชีวิตนี้มีแต่งาน งาน งานและงาน ค่ะ ชอบไม่รู้ทำไง
น้องครับอยู่กับงาน งานที่ชอบ ทำแล้วมีสุข
ไปพบวรรณกรรมฝาผนังไม่รู้ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายเขียน
แต่สะท้อนความคิดออกมาน่ากลัวมาก
ถ้านี้คือค่านิยมในปัจจุบัน เขาเขียนไว้ว่า
" เงินงานการศึกษาหาให้โง่
หุ่นก็โตอีกผมทองทั้งสองสี
ฝึกกริยาฝึกมรรยาทฝึกท่าที
เหลือจะมีให้.แ ด..ก อย่าแปลกใจ....(ไม่เรียนไม่ทำงานน่ากลัวครับน้อง)
ขอบคุณค่ะป้าแดงที่เข้ามาให้กำลังใจ ซู่ ๆ เหมือนกันค่ะ
บังหีมว่าน่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ แต่น้องว่าตอนน้องเกือบแยกไม่ออกเนาะ
วรรคแรกพอเดาออก
วรรคสองต้องแปลให้แล้วละค่ะ
วรรคสามยิ่งไปกันใหญ่
ที่สี่ไม่แปลกใจตรง ๆ ค่ะ
...บางที่ทำงานก็เกือบไม่เหลือเหมือนกัน แต่ไม่เอาอย่างนี้นะ 5555
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะที่เข้ามาอ่านงานน้องถือว่าเป็นกำลังใจสำคัญของคนเขียนไม่เก่งแต่
อยากเขียน อย่าลืมที่น้องเขียนในบล๊อคของบังหีมนะค่ะ
ขอบคุณค่ะที่หาซื่อมาอ่านได้มากกว่าที่น้องเขียนไหมค่ะ
ไม่อยากเห็น การทำงานแบบที่สองค่ะ
คิดเสร็จ ทำผ่าน งานสำเร็จ
เหนือยกับการคิด ทำ แบบนี้ค่ะ
หนึ่งเสียงที่เบาแต่ก็ขอส่งเสียงอย่างนี้ดีกว่าเงียบปล่อยให้ผ่านไปเฉื่อย ๆ สงสารตัวเอง
ลูกหลาน เหลนรุ่นหลัง