สิ้นเสียงพ่อแต่มีสิ่งหนึ่งรอให้ลูกทำต่อ….


.........เสียงของมะบอกลูก ๆ ว่าวันนั้นเราจะไปกันทั้งหมด เพื่อให้สิ่งที่ปะเคยบอกไม่หายไปเหมือนเสียงปะ...ที่ไม่มีวันกลับมา

สิ้นเสียงพ่อแต่มีสิ่งหนึ่งรอให้ลูกทำต่อ….

 

ข้าพเจ้าได้ฟังเรื่องราวเก่าแก่มากมายตั้งแต่เล็ก ๆ จากปากปะ ตอนนั้นรับรู้อย่างเดียว ยังไม่ลึกซึ้งเท่าไร ด้วยข้าพเจ้าได้กลับบ้านที่เกิดคือ หาดไข่เต่า ตำบลนาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ไม่บ่อยนัก ด้วยภาระที่ปะกับมะต้องทำมาหากินเลี้ยงลูกเก้าคน ทำให้ไม่สามารถพากลับได้ แต่เรื่องราวที่นั้นข้าพเจ้ารับรู้จากคำบอกเล่าของผู้เป็นปะเสมอมา

 

คำว่า หาดไข่เต่า มาจากไหน ปะเคยบอกว่าเพราะเมื่อก่อนหาดที่นี่มีทรายที่ขาวมาก เต่าทะเลจะขึ้นมาไข่ที่ชายหาด คนในสมัยนั้นจะมาเก็บเพื่อกินบ้าง และบางตัวก็ปล่อยให้มันฟักจนเป็นลูกเต่ากลับไปสู่ทะเลและดำรงชีวิตตามแบบของมัน ตอกย้ำความตื่นเต้นของข้าพเจ้าด้วยคำบอกเล่าของพี่สาววัยห้าสิบที่บอกว่าหล่อนเคยนั่งบนหลังเต่ามาแล้ว ความสวยงาม ความสนุก ความตื่นเต้นเกิดในมโนภาพของข้าพเจ้า

 

แล้ว คลองอาน ล่ะ สมัยก่อนจะมีปะตาชัย คนรุ่นปู่ย่า ตายายใช้เรียกจระเข้ที่อาศัยอยู่ในคลองแห่งนี้ ยามใดที่น้ำสูง สะพานขาดใช้ไม่ได้ พ่อตาชัย จะลอยขึ้นมาให้ลูกหลานได้เดินข้าม (ในใจก็คิดเป็นไปได้ไงเนี้ย) เรื่องของจระเข้ยังไม่ลุ้นเท่าเรื่องโจร โจรที่เขาขโมยเรือกันในสมัยก่อน แต่มาสมัยนี้ขโมยแจ๊ส ซีวิค แอคคอด วีโก้ ฯลฯ มันพัฒนาการมาเรื่อย ปะเล่าว่า วันนั้นคิดว่าจะไม่ได้กลับมาหาลูกอีก แต่วันนั้นปะก็ได้กลับมาจะด้วยความรัก ความเป็นห่วงว่าหากปะเป็นอะไรไปลูกอีกเก้าคนจะอยู่อย่างไร ใครจะดูแล โจรยิงเฉียดหางคิ้วของปะไปนิดเดียว ด้วยความเหมือนหรืออะไรไม่ทราบได้ทำให้มันเล็งผิด แล้วปะก็กลับมาหาเราจนได้

 

หาดไข่เต่า สุเหลาสองหนวย มาจากไหน คำนี้ได้ยินบ่อยเหมือนกัน ปะบอกว่า มัสยิดลูกแรกเป็นของคนรุ่นปู่ย่าตายายร่วมกันสร้างขึ้นมา เป็นสิ่งที่รวมจิตใจของเจาในสมัยนั้น ปะบอกว่าสมัยนั้นขนทรายจากทะเลมาสร้างกัน ก่อนที่จะลงมือสร้างไม่มีการคุยเรื่องเงินเลย แต่เอาใจมาก่อนว่าจะสร้างไหม เอาใจว่ากัน เงินค่อยหา(สมัยนี้เงินก่อน ใจค่อยว่ากัน ต่างกันเนาะ ความสวยงามตอนนั้นมันหายไปไหน มันหายไปได้อย่างไร ใครทำมันหาย) มัสยิดนั้นเราเคยใช้ละหมาดร่วมกัน ต่อมามีมัสยิดอีกแห่งหนึ่ง ทำให้มัสยิดที่บรรพบุรุษเราเงียบ เหงา ร้างผู้คนมีเพียงคนเฒ่าคนแก่ไม่กี่คนเดินไปละหมาด ความรู้สึกมันตีบตันมันขึ้นมาที่ละก้อนแน่นจนหายใจไม่ออก ความสวยงามของสมัยก่อนมันหายไปไหน หลายอย่างที่บรรพบุรุษสร้างมาแต่ต้องล้มหาย ตายจากไปพร้อม ๆ กับการจากไปของบรรพบุรุษ ทำไม....

 

สิ้นเสียงของปะที่เคยเล่าเรื่องราวในอดีต ข้าพเจ้ายังมีเสียงของมะ พี่สาว พี่ชาย ที่คอยย้ำความรู้สึกรักในสิ่งที่บรรพบุรุษของข้าพเจ้าและอีกหลายคนได้สร้างไว้ โดยเฉพาะสิ่งที่ยังพอจะทำให้มันยังคงดำรงอยู่ได้ เสียงสิ่งเดียวตอนนี้คือ มัสยิดนุรูลตักวาฮ์ซ่าบาฮ์นีย๊ะร์ บ้านหาดไข่เต่า ตะวันตก  วันนี้ข้าพเจ้าเห็นซองเพื่อขอความร่วมบริจาคสมทบทุนสร้างรั้วและกำแพงและซ่อมแซมมัสยิด ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2552 หากอ่านแล้วพ้นไปคงไม่มีอะไร แต่การที่ข้าพเจ้ารับรู้มาโดยตลอดจากคำของปะ และครอบครัว คำบางคำมันสะกิดความรู้สึก ทำให้น้ำตาไหลออกมากับคำว่า ที่เก่าแก่มานานแสนนาน หลายอายุคนมาแล้วและไม่เคยมีกิจกรรมและสิ่งที่ตอกย้ำตามมาคือมันคือสิ่งที่บรรพบุรุษเราสร้างมามันกำลังหายไป แต่ยังดีที่มีคนให้ความสำคัญ แม้แสงหิ่งห้อยก็ตาม

 

ย้ำความสลดใจ คือ คำว่า นานแสนนาน แสดงถึงความนานมากของเส้นทางถึงสันนี้ของมัสยิดที่บรรพบุรุษสร้างแต่ไม่ได้รับการดูแลจากลูกหลานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มักคิดแค่หากเก่าก็ทุบหรือยุบเสีย แล้วสร้างใหม่ ....ช่วยเอาใจกับสิ่งที่เกิดจากใจอย่าทำลายใจของใครหลายคนที่เขาผูกพันกับสิ่งนี้เลย

 

นี่ไม่ใช่นิทานที่เล่าต่อกันมา แต่เป็นเรื่องราวในอดีตที่คนทำยังไม่หมดไปจากโลก แต่เหลือน้อยเต็มทีเสียงอาจจะเบาไปจนหลายคน หลายหน่วยงานไม่ได้ยินเสียงนี้ และข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่า เรื่องราวเหล่านี้ยังมีอีกมากในแผ่นดินนี้แต่กลับถูกลืม ไม่แปลกที่หลายอย่างที่ดำรงอยู่ขาดความลึกซึ้ง เพราะไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากใจ ด้วยสิ่งที่เกิดจากใจได้ถูกลืมไปหมด เหลือแต่ของใครก็ไม่รู้ แต่รู้คือไม่ใช่สิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้แน่นอน....หากใช้ใจฟัง ใจรับรู้ ใจต่อใจ ไม่ใช่ใจซื้อด้วยเงิน.....แล้วจะแยกออกว่าสิ่งไหนใช่หรือไม่ใช่

 

.........เสียงของมะบอกลูก ๆ ว่าวันนั้นเราจะไปกันทั้งหมด เพื่อให้สิ่งที่ปะเคยบอกไม่หายไปเหมือนเสียงปะ...ที่ไม่มีวันกลับมา

 

ปะ คือ พ่อ

มะ คือ แม่

สุเหลา คือ มัสยิด

  

หมายเลขบันทึก: 272368เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2009 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • มาอ่านก้อทำให้นึกถึงวิถีชีวิตของคนที่คล้ายคลึงกันเหมือนกันนะนี่นะ
  • สุขกายสบายใจนะครับ

อนึ่งว่าเรื่องราวนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ ส.ศรัณ อยากบอกเล่าต่อเพื่อไม่ให้มันสูญหายไป ท่านใดที่อยู่ใกล้ ๆ วันที่ 13 กรกฎาคม 2552 เวลา08.00-24.00 น. เข้าไปร่วมสืบสานต่อในสิ่งที่กำลังเลือนหายไปให้ดำรงคงอยู่ต่อไป ส.ศรัณ ขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

  • หากเถือกเถาอยู่หาดไข่เต่า
  • แถมผูกพันธ์กับสุเหราสองหนวย
  • เรื่องนี้ต้องมีคุยกันยาว ๆ เสียแล้วล๊ะน้องเอ่ยยย
  • สุเหรา คือ มัสยิด, สุเหราสองหนวย คือ มัสยิดสองแห่ง
  • หนวยในภาษาถิ่นใต้บ้านเรา จะเป็นลักษณะนามของอะไรก็ได้ที่ไม่ชัดเจนว่าจะเรียกอย่างอื่น หรือใช้เรียกทั่ว ๆ ไป ก็ไม่ผิด เช่นพร้าว(มะพร้าว)สองหนวย, โลกนาว(มะนาว)สองหนวย แต่โลกขาม(มะขาม)สองข้อจะหมายถึงสองฝัก --> ยังลุยเหลย พอได้ยกตัวอย่าง 
  • บ้านหาดไข่เต่ามีมัสยิดสองแห่งอยู่ติด ๆ กัน มีตำนานทางการเมืองเรื่องยาว ๆ ครับ คุณ ศ.สรัณ ต้องเอามาเล่าต่อนะ

ขอบคุณคนพลัดถิ่นค่ะที่เข้ามาเยี่ยมชม สุขกายสบายใจเช่นกันค่ะ

ว่าไงค่ะอาจารย์ ส.ศรัณ เป็นคนหาดไข่เต่าคะ ความผูกพันกับถิ่นเกิดแม้ไม่มากนัก แต่ความรู้สึกรักมันไม่เคยหายไป ตำนานที่ว่า ส.ศรัณ ไม่คิดมากเพราะเป็นฐานทุกที่ อาจารย์มีข้อมูลเพิ่มเติมได้นะค่ะขอบคุณค่ะ

สวัสดี น้อง หาดไข่เต่า เทือกเถาเหล่ากอ คนพังงา หวาผมมาฝังศพไว้ที่กโบว์ หาดไข่เต่า หวา หะบี หอมหวล มาได้ภรรยาที่หาด แล้วมาตายที่นี้ แกมาสอนศาสนาที่หาดครับน้อง

บังหีมน้องเข้าใจว่าเป็นคนปากพะยูนซะอีก อย่างไรเสียหากว่างวันที่ ๑๓ กค.ชวนเพื่อนไปทำบุญที่มัสยิดนี้บ้างนะคะน้องอยู่ค่ะในงาน บ้านน้องรับซื้อจาน ถ้วย ช้อน แก้วที่ใช้ในงานค่ะ กำลังเตรียมกันอยู่ ของที่บรรพบุรุษเราสร้างไว้เราต้องรักษา คนที่ไม่ใช่เขาคงไม่คิดรักษาเนอะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท